หมัดต่อหมัด! ‘สมพงษ์’ รบ.ประชาธิปไตยจอมปลอม vs ‘บิ๊กตู่’ ทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์?
“...สมพงษ์: จึงไม่อาจไว้วางใจให้ท่านอยู่ในตำแหน่งต่อไป เพื่อกร่อนเซาะระบอบประชาธิปไตยถดถอยผิดรูปผิดร่างอับอายต่อสายตาชาวโลก ไม่อาจไว้วางใจส่งต่อประชาธิปไตยจอมปลอมไปถึงคนรุ่นลูกหลานของเราซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติในโอกาสต่อไป vs บิ๊กตู่: เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น มีกี่คดีที่ผมเข้ามา 5 ปีในรัฐบาลก่อน 7 เดือนในรัฐบาลนี้ กี่คดีถูกดำเนินคดี คดีเหล่านี้เคยได้รับการแก้ไข เคยได้รับการดำเนินการด้วยกระบวนการยุติธรรม หลักฐาน พยาน ไม่มีใครสร้างได้...”
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภา เปิดประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ระบุถึงความล้มเหลว 5 ประการ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ลุกขึ้นอภิปรายตอบโต้ทันที สรุปคำอภิปรายโต้ตอบกันได้ ดังนี้
----
@สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ : รัฐบาลเซาะกร่อนระบอบประชาธิปไตย-แก้ไขเศรษฐกิจล้มเหลว-หรี่ตาเรื่องคอร์รัปชั่น
ฝ่ายค้านจำเป็นต้องเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีความสำคัญ ฝ่ายค้านดำเนินการมาตรการสูงสุดตรวจสอบรัฐบาล ตั้งข้อกล่าวหาต่อรัฐบาลว่า ไม่อาจไว้วางใจบริหารประเทศต่อไป
เนื่องจากที่มาความไร้ประสิทธิภาพ ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งความผิดที่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น การเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ทั้งนี้ได้ก่อให้เกิดความล้มเหลว 5 ประการ
1.ความล้มเหลวต่อการสร้างความเชื่อมั่นทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ต้องทำให้ผู้คนในและต่างประเทศมีความเชื่อมั่นในระบบ มั่นใจหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่พวกท่านมาบริหารประเทศในปัจจุบัน สร้างกลไกต่าง ๆ เพียงเพื่อรักษาอำนาจเฉพาะของพวกพ้อง สร้างกติกาที่กล่าวอ้างว่าประชาธิปไตย แต่สังคมกังขา นับตั้งแต่กำหนดกติการัฐธรรมนูญ มีการพูดกันในหมู่พวกรัฐบาลทั้งหลายว่า ร่างมาเพื่อพวกเรา คำพูดของคณะรัฐบาลที่พูดอยู่บ่อย ๆ
อย่างไรก็ตามอาศัยเสื้อคลุมประชาธิปไตยมากล่าวอ้าง เช่น ตำแหน่งงานรัฐมนตรีที่ได้รับ ก็เพราะมือถือจากการสนับสนุนของ ส.ว. ทั้งหมด ซึ่ง ส.ว. ตัวท่านแต่งตั้งมา ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มิได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ ประชาชนลงคะแนนเลือกตั้งผ่านมา ไม่ได้เลือกท่านเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เงื่อนไขในรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ ทำให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง อย่าอ้างว่ารัฐธรรมนูญได้ผ่านประชามติ แต่ผ่านแบบมัดมือชก แบบมีคำถามพ่วง เอาคนเห็นต่างไปปรับทัศนคติ ดำเนินคดีผู้รณรงค์ไม่เห็นด้วยในศาลทหาร
เงื่อนไขทางรัฐธรรมนูญ ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของนานาประเทศที่มีต่อการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศเรา ส่งผลกระทบรุนแรงต่อความมั่นใจ การลงทุน การเจรจาประโยชน์การค้าต่าง ๆ ที่มีผลประโยชน์ต่อประเทศ เกือบทุกประเทศล้วนไม่ยอมรับประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย แม้ประเทศเราอาจดูดีเล็กน้อยหลังการเลือกตั้ง แต่ประชาธิปไตยจอมปลอม แบบที่พวกท่านสร้างขึ้นมา ก่อปัญหาต่อเนื่องมาโดยตลอด ไม่ว่าความสับสนคิดคะแนนเพื่อให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ การนำเข้าถอดถอนชื่อ ส.ส. ออก เพราะผลเลือกตั้งซ่อม และปัญหาอื่น ๆ มากมาย ล้วนแล้วสร้างความไม่มั่นคงต่อการเมืองบ้านเรา
บ้านเมืองไม่มั่นคง ล้มเหลว สร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศต่อประชาธิปไตย ทำให้ประเทศเดินต่อไปข้างหน้าในสังคมโลกได้อย่างภาคภูมิใจได้อย่างไร จึงไม่อาจไว้วางใจให้ท่านอยู่ในตำแหน่งต่อไป เพื่อกร่อนเซาะระบอบประชาธิปไตยถดถอยผิดรูปผิดร่างอับอายต่อสายตาชาวโลก ไม่อาจไว้วางใจส่งต่อประชาธิปไตยจอมปลอมไปถึงคนรุ่นลูกหลานของเราซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติในโอกาสต่อไป
2.ความล้มเหลวในเรื่องการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ นับตั้งแต่มีการใช้กลไกที่สร้างขึ้นมา ออกแบบและบังคับใช้รัฐธรรมนูญเพื่อพวกเรา ทำให้หลักการแห่งความยุติธรรมแปลงร่าง เป็นหลักกูและพวกพ้อง อย่างไม่รู้สึกอับอาย มีตัวอย่างผลงานมากมาย ที่ทำลายหลักการและมาตรฐาน เป็นภาพลักษณ์และอัปยศ ทำให้ไม่อาจยอมรับนับถือได้ เช่น การตีความกฎหมาย กับคะแนนปัดเศษ เพื่อให้ระบบพรรคการเมืองเสื่อมทรุด เพิ่มช่องทางให้พรรคเล็กหันมาหนุนในอำนาจตน การไม่ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ตาม พ.ร.บ.งบประมาณฯ ทั้งที่มีกฎหมายกำหนดไว้ การให้อภิสิทธิ์แก่พรรคแกนนำบางพรรค จัดระดมทุนเข้าพรรคอย่างเอิกเกริก ด้วยการรับบริจาคจากหน่วยงานรัฐ และเอกชนรายใหญ่ เป็นเงินมากกว่า 600 ล้านบาท เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย แต่แม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักอย่างไร ก็ใช้กลไกและข้ออ้างต่าง ๆ อย่างข้าง ๆ คู ๆ เพื่อให้รอดพ้นความผิด
เลวร้ายที่สุดคือการใช้คดีความเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง กดดันบุคคลบางกลุ่มให้เกิดประโยชน์ต่อพวกท่าน ไม่คำนึงว่าการกระทำเช่นนี้ ทำลายความยุติธรรมเพียงไร สังคมไทยจึงได้เห็นการใช้กลไกต่าง ๆ ยกเว้นโทษความผิดของผู้มีอำนาจและพวกพ้องอย่างต่อเนื่อง กำลังผิดปกติให้เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องที่รุนแรงต่อบรรทัดฐานที่ถูกต้องในทุก ๆ ด้าน
อยากบอกว่า พวกท่านเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ ต้องการทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประโยชน์เฉพาะหน้าแห่งตน ไม่คำนึงถึงอนาคตของชาติบ้านเมืองในวันข้างหน้า ไม่อาจไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไป
3.ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลมีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความรู้ช่ำชองด้านการทหาร มานำทีมเพื่อต่อสู้กับสงครามเศรษฐกิจที่ต้องอาศัยองค์ความรู้ ประสบการณ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับงานด้านการทหาร
เรากำลังเอาเศรษฐกิจประเทศที่กำลังวิกฤติ ไปอยู่ในมือคนไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจเลย ไม่รู้ว่าทราบหรือไม่ว่า ภายใต้การบริหารงานของท่าน ท่านทำให้ประเทศที่กำลังรุดหน้า นำหน้าเพื่อนบ้าน ล้มลุกคลุกคลานแบบลุกขึ้นต่อไปไม่ไหว จากประเทศผู้นำ เป็นประเทศผู้ตาม
ด้วยความเคารพนับถือศักยภาพแห่งการทำลายประเทศของท่านจริง ๆ 6 ปีทำให้ประเทศล่มสลายอย่างหมดสิ้น ทราบหรือไม่ว่า ด้วยความสามารถของท่าน ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาที่เติบโตต่ำเกือบที่สุดในโลก เป็นเรื่องที่น่าสงสารอย่างยิ่ง ไตรมาส 4 ที่ผ่านมา การเจริญเติบโตต่ำสุดในรอบ 5 ปี GDP โดยเฉพาะธนาคารกสิกรไทยกำหนดตัวเลขไว้ว่าจะมีแค่ 1.8% อันนี้มองเห็นได้เลยว่า ปีหน้าจะโตเพียงครึ่งหนึ่งของศักยภาพที่ประเทศเคยมี
รายได้การเกษตรเป็นอาชีพหลักของประเทศ ต่ำสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ทำให้ครัวเรือนเป็นหนี้มีสัดส่วนต่อรายได้สูงถึง 97.7% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนเงินออมของประชาชนต่ำสุดในรอบ 9 ปี ทั้งหมดนี้เกิดจากนโยบายบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด
กลุ่มเอกชนที่ใกล้ชิดรัฐบาลได้ประโยชน์ถ้วนหน้า EEC บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สร้างรถไฟ 3 สนามบิน หรือเมกะโปรเจ็กต์ต่าง ๆ ล้วนเอื้อธุรกิจขนาดใหญ่ไม่กี่ราย อาจคิดว่าการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต้องรดน้ำตั้งแต่ยอดต้นไม้ให้ธุรกิจรายใหญ่เติบโตแล้วล้นที่ราก แต่วันนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคิดผิด ผิดพลาด เพราะอาศัยเพียงมือประชาชนที่จะผ่านเม็ดเงินอันมหาศาลนี้ไปให้เจ้าสัว อภิมหาเศรษฐีต่าง ๆ ไม่ใส่ใจเม็ดเงินประชาชนเลยแม้แต่น้อย
ทุ่มให้สินเชื่อแต่ไร้กำลังซื้อ ทุ่มเงินจำนวนเป็นแสนล้านบาท แต่ไม่รู้ว่าปัญหาของเอกชนคือไม่มีคนซื้อของที่ผลิต ความตั้งใจดี ต้องการให้มีการสินเชื่อกับบริษัท SME หรือบริษัทใหญ่ ให้ผลิตของออกมาให้ประชาชนได้ซื้อ แต่ประชาชนในขณะนี้ไม่มีปัญญาที่จะซื้อ อย่างที่กราบเรียนมาแล้ว มันทำให้เขาย่ำแย่ ไม่สามารถที่จะฟื้นตัว เงยหน้าขึ้นมาที่จะช่วยเหลือประชาชนให้หมุนเวียนด้านเศรษฐกิจได้เลย
ภาพสะท้อนความผิดพลาดของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจและคณะ ด้วยความมือไม่ถึง ไร้ศักยภาพ หรือผลประโยชน์แอบแฝงของพวกพ้อง แต่ได้ทำลายประเทศที่พูดเสมอว่าท่านรัก ทำลายชีวิตประชาชน ทำลายศักยภาพของประเทศ ทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศ โดยการบริหารผิดพลาด เลือกคนไร้ความสามารถมาบริหาร ทำประเทศความหวังเป็นสิ้นหวัง ไร้ทิศทาง ออกแบบมาตรการเพื่อประโยชน์พวกพ้อง การบริหารที่ล้มเหลวของท่าน ได้คร่าชีวิตประชาชนจากภาวะเศรษฐกิจไปแล้วกี่ศพ และอีกกี่ศพจะต้องสังเวยให้ความไร้ประสิทธิภาพ แต่อยากอยู่ในอำนาจของท่าน จึงไม่อาจไว้วางใจท่านทำความเสียหายแก่เศรษฐกิจ ทนไม่ได้เห็นเศรษฐกิจล่มจมเพราะความไร้ประสิทธิภาพของท่าน
4.ความล้มเหลวในการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ปัญหานี้หมักหมมต่อกันมาหลายปี เกิดจากการบริหารที่รัฐบาลที่ปราศจากการตรวจสอบ การปราบปรามทุจริตถูกยกเป็นวาระแห่งชาติ เพียงสร้างภาพ และเครื่องมือรัฐบาลจัดการฝ่ายตรงข้าม ขณะที่หากเป็นคนฝั่งรัฐบาลถูกกล่าวหาเรื่องทุจริต กับมีการปกป้องพวกพ้องอย่างเห็นได้ชัด ละเลยที่จะดำเนินการ ขณะที่ผู้ถูกร้องถูกเรียกไปปรับทัศนคติ หรือถูกดำเนินคดี ส่วนองค์กรตรวจสอบต่าง ๆ มุ่งช่วยเหลือปกปิดทำให้ล่าช้า และสุดท้ายก็หายเงียบไป
ไม่ได้กล่าวหาลอย ๆ เพราะมีข้อมูลตัวเลขจากการศึกษาที่ปรากฏในข่าวที่สื่อมวลชนได้ออกมาก่อนหน้านี้แล้ว เช่นการสำรวจจาก ม.หอการค้าไทย ความรุนแรงทุจริตเพิ่ม 37% สูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2558 คาดว่าปี 2561 เพิ่มขึ้นถึง 48% ผลสำรวจยังบอกต่อมาว่า สถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยมีสัญญาณรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หลังปี 2558 หลังมีการจัดซื้อจัดจ้างการลงทุนขนาดใหญ่ พบอัตราการจ่ายใต้โต๊ะ 2560 อยู่ที่ 5-15% สูงสุดในรอบ 3 ปี งบประมาณรายจ่ายปี 2560 มียอด 2.93 ล้านล้านบาท ถ้าคอร์รัปชั่น 5-15% เป็นตัวเลข 1-4 แสนล้านบาทเศษ เมื่อบวกกับปี 2561 มีประมาณ 2.9 ล้านล้านบาทเช่นเดียวกัน ถ้าพูดว่าสัดส่วนอัตราการจ่ายใต้โต๊ะ 5-15% เงินภาษีอากรของประชาชนก็จะถูกจัดเข้าไปเป็นส่วนของคอร์รัปชั่นถึง 1.4-4.3 แสนล้านบาท ถ้า 2 ปีรวมกันหมายถึงว่า 3-8 แสนล้านบาทเศษ
เห็นตัวเลขแห่งการคอร์รัปชั่นแล้ว รู้สึกอึดอัดมาก เพราะการคอร์รัปชั่นมหาศาลเช่นนี้ ทราบมาว่านายกรัฐมนตรี ประกาศปราบคอร์รัปชั่นทุกวัน เลยมีคำถามว่าปราบจริงเหรอ ถ้าปราบทำไมการทุจริตปี 2560-2561 ถึงสร้างสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ ข้อมูลหนึ่งที่ยืนยันความล้มเหลวเรื่องนี้คือองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ เผยแพร่ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น ผลปรากฏว่าไทยเคยอยู่อันดับที่ 96 ในปี 2560 กลับกลายมาอยู่ 99 ถอยร่นลงมาอีก พิสูจน์เห็นชัดว่า ความตั้งใจปราบปรามคอร์รัปชั่น ไม่ได้ช่วยให้เกิดผลพวงแห่งการลดในการคอร์รัปชั่นลงเลย น่าเศร้าใจที่สุด ความรุนแรงของคอร์รัปชั่นในกองทัพ ทำธุรกิจหาประโยชน์ในกองทัพ กลายเป็นต้นเหตุโศกนาฏกรรมที่โคราช
อยากตั้งคำถามเรื่องเหล่านี้ คนที่เคยเป็นอดีต ผบ.ทบ. อดีต รมว.กลาโหม ปล่อยปละละเลยอย่างนี้ได้อย่างไร มีความจริงใจแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นของประเทศในโอกาสต่อไปหรือไม่ จึงไม่อาจไว้วางใจที่อยู่ในตำแหน่งเพื่อบริหารประเทศอีกต่อไป โดยไม่สามารถแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นได้ ซ้ำร้ายยังปล่อยให้ทุจริตเพิ่มมากขึ้น อาจแกล้งหรี่ตามองไม่เห็น เพราะคนทำอาจเป็นคนในแวดล้อม แต่ไม่อาจทนการโกงเงินภาษีประชาชนเป็นแสนล้านบาท ในวันที่ประชาชนอยู่ในสภาวะลำบากยากเข็ญอีกต่อไป
5.ความล้มเหลวในภาวะเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี ทราบกันดีอยู่ว่าผู้นำเป็นปัจจัยความสำเร็จขององค์กร มีผลต่อความไว้วางใจของคนในองค์กร เมื่อเป็นผู้นำในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภาวะความเป็นผู้นำย่อมมีผลที่เป็นบวกและลบต่อชาติและประชาชนอย่างมาก พล.อ.ประยุทธ์ อาจเป็นผู้นำกองทัพที่ดี แต่การดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศคิดว่าสอบตก อาจคุ้นชินกับการบริหารแผ่นดินของทหาร ผู้มีอำนาจสูงสุดอยู่ที่ผู้มีตำแหน่งสูงสุด คำสั่งบนลงล่างให้ทุกคนปฏิบัติ ไม่ต้องการให้ทักท้วงหรือเห็นต่าง ไม่เข้าใจว่าการบริหารประเทศต้องการมีความส่วนร่วมของผู้คนทุกภาคส่วนให้ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ
และด้วยความเคยชินใช้อำนาจเบ็ดเสร็จหลายครั้ง จึงได้เห็นพฤติกรรมนายกรัฐมนตรี การทุบโต๊ะ โยนของใส่ผู้สื่อข่าวบ้าง มองเห็นคนเห็นต่างเป็นศัตรู การใช้คำพูดที่สะท้อนวุฒิภาวะของ พล.อ.ประยุทธ์ ในหลายวาระ นอกจากไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่แล้ว ยังสร้างปัญหาเพิ่มเติมขึ้นไปอีก หลายครั้งคำพูดนั้นก่อให้เกิดผลกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของประเทศในสังคมโลกด้วย จึงไม่อาจไว้วางใจท่าน ที่ประกาศมีเซลล์สมอง 84,00 เซลล์บริหารประเทศต่อไปได้ ท่ามกลางความล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีผู้นี้
โดยสรุปจากที่กล่าวมาทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ที่เพื่อนสมาชิกอภิปรายหลังจากนี้ จึงไม่อาจไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีทั้งหลายรวม 6 คน ครั้งนี้บริหารประเทศต่อไป เพราะตลอดระยะเวลาดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล ไม่เห็นศักยภาพของท่านเลยแม้แต่น้อยในด้านการบริหาร หรือเป็นนักยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของผู้นำประเทศ ไม่เห็นท่านในฐานะนายกรัฐมนตรี ทำได้แค่เพียงนักธุรการทั่วไป ทำแค่ใช้จ่ายงบประมาณ ไม่รู้จักวิธีหารายได้เข้าประเทศ บริหารประเทศบนพื้นฐานอารมณ์และความรู้สึก แต่ไม่บริหารบนพื้นฐานแห่งความรู้ จึงไม่อาจไว้วางใจท่านให้บริหารประเทศ แล้วทำให้ลูกหลานในอนาคตรับมอบซากปรักหักพังต่อจากคนรุ่นเรา จึงไม่อาจไว้วางใจให้ท่านบริหารประเทศได้ต่อไป
@พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา : ผลงานทุกอย่างเป็นที่ประจักษ์ ทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์
มีหลายเรื่องที่ท่านไม่ไว้วางใจผม หลายเรื่องเป็นเรื่องในอดีต เรื่องปัจจุบัน หรือเรื่องในอนาคต แต่ผมไม่โกรธท่านเลย รอยยิ้มผมแจ่มใสมาตลอด ผมเข้ามาวันนี้ยินดีอย่างยิ่ง แม้จะมีการปล่อยข่าวให้ข่าวเยอะแยะมากมาย ต้องเผชิญศึกในศึกนอก ถือว่านี่เป็นกลไกประชาธิปไตยไทย ผมเข้ามาอยู่ในกระบวนการนี้ ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทุกท่านที่เข้ามาอยู่ในที่นี้ ก็รัฐธรมนูญฉบับนี้ฉบับเดียวกันนั่นแหละ ที่ท่านว่าดีหรือไม่ดี ก็รัฐธรรมนูญฉบับนี้นั่นแหละ
เมื่อประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว อาจไม่ถูกใจใครทั้งหมด เป็นหน้าที่ที่คณะบุคคลต่าง ๆ ต้องดำเนินการให้ถูกต้อง ตามมติของประชาชนในการเลือก ส.ส. และ ส.ว. บางส่วนที่ประชาชนคัดเลือกมาด้วย ดังนั้นการมีส่วนร่วมของประชาชนเลือกเข้ามา ผมเข้ามาสู่กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรี และจำได้ไหม ผมได้คะแนนเสียงเท่าไหร่ เกิน 250 เสียง มากกว่าฝ่ายค้าน และไม่ได้ใช้คะแนนเสียง ส.ว. มาเลย บทบัญญัตินี้แหละ ดังนั้นสิ่งใดที่เป็นหน้าที่พวกเรา ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ต้องทำอะไรให้เกิดประโยชน์ และรับฟังความเห็น
จากมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันนี้ ประชาชนรับฟังกันทั้งประเทศ กราบเรียนว่า หลายเรื่องไม่ใช่ข้อเท็จจริงโดยสมบูรณ์ บางครั้งต้องมีหลักฐาน ผมมีแนวทางปฏิบัติชัดเจน บางครั้งพูด 1 ไป 3-4 เลย ประชาชนไม่ทราบหรอก การกล่าวหาว่าผมไม่ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย การล้มล้างรัฐธรรมนูญที่ว่ามาทั้งหมด ผมไม่เคยมีความคิดอย่างนี้เลย ผมทราบดี
ขออนุญาตกล่าวถึงก่อนวันที่ 22 พ.ค. 2557 มันเกิดอะไรขึ้น ประชาชนรับรู้เหตุการณ์ ทั้งภาพทางโทรทัศน์ ในปี 2553-2557 มันเกิดอะไรขึ้น นั่นแหละเป็นสิ่งที่ต้องมายืนตรงนี้ จะด้วยทางไหนก็แล้วแต่ จำเป็นต้องแก้ปัญหาให้ชาติ ให้ก้าวล่วง ลุล่วงไปสู่ความสงบเรียบร้อย เดินหน้ามาเลือกตั้ง การมีรัฐธรรมนูญทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน สิ่งที่ผมกังวล ผมเปิดอก ก็กังวลจากการทุจริตนั้นแหละ ถ้าย้อนกลับไป (ก่อน 22 พ.ค. 2557) มันก็เยอะ หลายคนตอบในใจก็ได้ ไม่ต้องตอบดัง ๆ ก็ได้ คดีความมากาย ไม่อยากก้าวล่วง
ในการกระทำก่อนหน้าวันที่ 22 พ.ค. 2557 มีมาต่อเนื่อง มีเหตุการณ์ไม่เคยเกิดขึ้น ความไม่สงบเรียบร้อย การบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ มีกระบวนการทำลายอำนาจตุลาการ ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม บางคนไม่ยอมติดคุก นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว การออกกฎหมายนิรโทษกรรมเวลากลางคืน เหล่านี้ท่านว่าผม ก็ต้องกลับไปดูพฤติกรรม ยอมให้ประเทศเป็นอย่างนั้นต่อไปหรือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายฉบับ เช่น ฉบับปี 2550 มีความจำเป็นเท่าไหร่นัก เป็นประโยชน์ของใครไม่ทราบเหมือนกัน ต้องไปดูในกฎหมายกู้เงิน กฎหมายงบประมาณ กฎหมายวินัยการเงินการคลัง จำนำข้าว วันนั้นใครทำผมไม่รู้ ไม่ได้กล่าวถึงใคร มีเรื่องถุงขนมอะไรพวกนี้ เยอะแยะไปหมด อยากให้ประชาชนเปรียบเทียบดู เอาข้อเท็จจริง หลักฐานทุกประการ
ส่วนการกล่าวหาใช้อำนาจละเมิดนิติธรรม ไม่เคยก้าวล่วงใคร แม้แต่สื่อโซเชียลมีเดีย ผมไม่เคยลงโทษใคร จับใครติดคุก มีแต่เมตตา มีแต่ให้เขาเบา ๆ ลงหน่อย คุยกัน กับสื่อกล่าวหาว่าผมใช้คำพูดหยาบคาย กริยาไม่เหมาะสม ถามสื่อได้ ไม่มีใครโกรธผมหรอก แต่เอาสิ่งที่ผมพูดวันนี้ กับ 5 ปีมารวมกัน นั่นใครเป็นคนทำ สิ่งที่ท่านทำไม่เป็นธรรมกับผม ผมก็ไม่เคยว่า ท่านสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีให้ผมตลอด จริง ๆ ผมอารมณ์เย็น ยิ้มแย้มแจ่มใส ดุบ้างอะไรบ้าง นักข่าวทำเนียบเข้าใจผมหมด หลายอย่างที่แสดงความจริงใจ หลายอย่างในอดีต ใครไม่ร่วมมือก็โดนมาแล้ว อันนี้ไม่เท่าเทียมกัน
เพื่อประชาชนทุกฝ่าย นโยบายยาก ช้า ใช้เงินมาก แต่เป็นการใช้เงินปลายทางอย่างเดียวหรือ ที่ผ่านมามีการลดต้นทุนการผลิต การประกอบการให้ความรู้ต่าง ๆ เรื่องเศรษฐกิจ
คิดว่าเรื่องเหล่านี้ (ญัตติอภิปราย) ผมไม่ทำ มีกลไกกฎหมายทั้งสิ้น แต่อย่าก้าวล่วงอำนาจศาล ถ้าไม่มีคนทำผิด ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยานลงโทษไม่ได้ ไม่มีใครทำได้ ทุกคนกลัวความผิด เรื่องทนายต่าง ๆ ผมพอได้แล้ว กล่าวอ้างผมเยอะแยะพอสมควร
ส่วนเรื่องเศรษฐกิจมีปัญหาว่าเกิดอะไรขึ้นปี 2557 ทุกคนที่นั่งในนี้รู้เหตุการณ์ทุกคน ปี 2553-2557 ใครถูกตีในรถ ใครถูกล้อมในค่าย เราต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก ถ้าพูดตอบโต้มาเรื่องนี้ เอาหลักฐานมายืนยันว่าไม่ได้ทำก็แล้วกัน การใช้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ หลักการประชาธิปไตยเกิดปัญหา แต่ผมไม่ได้มีปัญหา ผมยึดมั่นการปกครอง
การกล่าวหาว่าใช้มาตรา 44 กลั่นแกล้งราชการ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็เลิกแล้ว ที่ยังเหลือเพื่อแก้ปัญหาหลายอย่างแก้ปัญหาด้วยเรื่องนี้หมด ส่วนเรื่องการคมนาคม รถไฟฟ้า ต้องใช้กฎหมายปกติด้วย ไม่ได้ใช้มาตรา 44 แล้วทำ ต้องใช้มาตรา 44 เพื่ออำนวยความสะดวก ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายตัวเอง แต่ต้องบูรณาการร่วมกัน เข้าใจไหม
การสืบทอดอำนาจรัฐธรรมนูญ ใครพูดอะไร เป็นเรื่องของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ผมเคยแจ้งไปตอนนั้นว่า เรื่องนี้ควรปรับแก้หรือไม่อย่างไร ถ้าเขาแก้หรือไม่แก้ ก็ปฏิบัติตามนั้น เป็นสิทธิของ กรธ. ส่วนเรื่ององค์กรอิสระอะไรเหล่านี้ เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น มีกี่คดีที่ผมเข้ามา 5 ปีในรัฐบาลก่อน 7 เดือนในรัฐบาลนี้ กี่คดีถูกดำเนินคดี คดีเหล่านี้เคยได้รับการแก้ไข เคยได้รับการดำเนินการด้วยกระบวนการยุติธรรม หลักฐาน พยาน ไม่มีใครสร้างได้ กลัวติดคุก ต้องเอามาพิจารณา ผลงานผมเป็นที่ประจักษ์ ผมคิดว่าทุกอย่างต้องทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ผ่านคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ทำตามขั้นตอนตรงนี้ ไม่ใช่นั่งหัวโต๊ะ เป็นไปไม่ได้ ก็เชื่อมั่นข้อมูลข้าราชการด้วย ด้วยกฎหมาย ถือทุกกระทรวง ไม่ได้ก้าวล่วงอะไร
ในเรื่องเอื้อผลประโยชน์ มันก็เป็นการวิเคราะห์ วิจารณ์ หรือคาดการณ์ อาจใช่หรือไม่ ไม่รู้ แต่ต้องรับรู้ว่าสถานการณ์ในโลก เกิดอะไรขึ้น วันนี้ต้องติดตามเรื่องเหล่านี้ ติดตามปัญหาต่อไป เรื่องประชานิยม เรื่องว่าคนรายได้ต่ำกว่าแสน ต่ำกว่าสามหมื่น จะไม่ดูแลเหรอ จะดูแลเฉพาะข้าวเหรอ มีประชาชน 14 ล้านคนได้รับเงินโดยตรง แม้ไม่มากถ้าคิดเป็นรายหัว แต่สามารถซื้อข้าว น้ำปลา กะปิ หอม กระเทียม ไม่ได้ซื้อร้านค้าใหญ่ ในส่วนร้านค้าใหญ่มีส่วนขายของเพียงแค่ 8% เดี๋ยวกระทรวงการคลังที่น่าจะถูกพาดพิงจะชี้แจง
ส่วนเรื่องการต่อสัญญาสัมปทาน การบอกเลิกสัญญา เกิดขึ้นสมัยไหน สมัยผมหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ จะทิ้งต่อไปก็ไม่ได้ มันเริ่มเข้ากระบวนการตัดสิน หลายท่านไม่รับผิดชอบ ผ่านมา 20-30 ปี มาแล้วไม่รับผิดชอบ ต้องทำตามนี้ เรื่องบัตรสวัสดิการ ทุกหน่วยงานชี้แจงได้หมด
จริง ๆ เขาบอกว่า (หันหน้าไปทาง ครม.) ไม่ให้พูดมากนัก ยังไม่ขึ้นเลยอารมณ์ดี ลุคผมเป็นอย่างนี้ เป็นสุภาพบุรุษ เป็นทหาร รักษาสัตย์ ต้องรักษาสัตย์ รักษาจิตใจ ต้องการคำอภิปรายที่เป็นประโยชน์ ดีไม่ดี จะชี้แจง กรุณาฟังคำตอบของพวกผมด้วย ถึงนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน หลายอย่างบิดเบือน มีเฟกนิวส์ในสื่อ เอาล่ะผมพอแค่นี้ แล้วเดี๋ยวจะลุกขึ้นตอบทีหลัง
อ่านประกอบ : เริ่มแล้วอภิปรายไม่ไว้วางใจ! ‘สมพงษ์’ ชำแหละ 5 ความล้มเหลว รบ.-กร่อนเซาะประชาธิปไตย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/