มาโนสเฟียร์ : จากอาณาจักรออนไลน์สู่แดนสังหาร
"...เหตุการณ์สังหารผู้บริสุทธิ์โดยพวก อินเซล ที่มีพฤติกรรมเลียนแบบฮีโร่ ของตัวเองสะท้อนให้เห็นถึงความเกลียดชังที่แฝงอยู่ในสังคมโดยรับรู้ได้บนสื่อสังคมออนไลน์นั้น แสดงให้เห็นว่า อินเซลบางคนเลือกที่จะกินยาเม็ดสีดำ(Black pill) ซึ่งหมายถึงการใช้แนวคิดการโต้ตอบที่สุดขั้ว เพื่อสนับสนุนความเชื่อของตัวเอง แทนการกินยาเม็ดสีแดงเหมือน มาโนสเฟียร์กลุ่มอื่นๆ บ่งบอกถึงแนวโน้มที่คนในกลุ่มมาโนสเฟียร์เริ่มมีความคิดแปลกแยกและแสดงออกถึงความเอนเอียงสู่ความรุนแรง ต่างจากแนวคิดดั้งเดิมของกลุ่มมาโนสเฟียร์โดยสิ้นเชิง..."
การสูญเสียครั้งใหญ่ๆของชีวิตมนุษย์จาก การสังหารหมู่ การสูญเสียจากภัยธรรมชาติ หรืออุบัติเหตุร้ายแรงมักจะให้บทเรียนราคาแพงต่อผู้อยู่ข้างหลังเสมอ แต่บทเรียนที่ได้รับมักจะถูกลืมในระยะเวลาอันสั้นดังคลื่นกระทบฝั่ง
โศกนาฏกรรมจากการสังหารหมู่ต่อเนื่องที่โคราชควรเป็นเรื่องที่คนไทยต้องเรียนรู้และติดตามการวิเคราะห์ในทางลึกถึงมูลเหตุจูงใจต่อพฤติกรรมการสังหารและคงจะเป็นเรื่องน่าเสียดายหากไม่มีการศึกษาบทเรียนนี้อย่างจริงจังและนำมาเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ เพราะพฤติกรรมการก่อเหตุครั้งนี้มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศหลายเหตุการณ์ ซึ่งใช้เป็นกรณีศึกษา นำมาสู่ข้อสรุปและเปิดเผยให้สาธารณะได้รับทราบในภายหลัง
ย้อนกลับไปเมื่อค่ำคืนของวันที่ 23 พ.ค. ปี 2014 ที่ชุมชน อิสลา วิสต้า (Isla Vista) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ใกล้กับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขต ซานตา บาร์บารา ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นแดนสังหาร เมื่อ เอลเลียต รอดเจอร์ หนุ่มน้อยวัยเพียง 22 ปี ใช้อาวุธปืนและมีดสังหารผู้บริสุทธิ์ไปถึง 6 คนและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก โดยผู้ก่อเหตุได้ฆ่าตัวตายตามในรถของตัวเอง ทนายครอบครัวของคนร้ายระบุว่าผู้ก่อเหตุป่วยทางจิตด้วยโรค “แอสเพอร์เจอร์ ซินโดรม” (Asperger's Syndrome : ความบกพร่องของพัฒนาการรูปแบบหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะตัว อยู่ในกลุ่มสเปกตรัมเดียวกับโรคออทิสติก)
เอลเลียต รอดเจอร์ ประกาศตัวเองว่าเขาคือพวก อินเซล (incel : Involuntary Celibate) ซึ่ง หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มคนที่ไม่สามารถหาคู่เพื่อมีเพศสัมพันธ์ได้แม้ว่าจะมีความต้องการก็ตามและยังรวมไปถึงกลุ่มคนวัยหนุ่มผู้ซึ่งมีความโกรธแค้นจากการถูกปฏิเสธจากผู้หญิงด้วย
พวกอินเซลใช้โลกออนไลน์ระบายความโกรธของตัวเองต่อการถูกกระทำจากผู้หญิงและเผยแพร่ ความคิด ของพวกเขาไปบนโลกออนไลน์เพื่อให้ผู้คนได้รับรู้และสร้างความสนใจแก่พวกมีรสนิยมเดียวกันให้เข้ามาร่วมวงด้วย
พวกเขาสร้างโลกแห่งความเกลียดชังผู้หญิงผ่านกระดานสนทนาออนไลน์ต่างๆ รวมทั้งขยับขยายไปสู่โซเชียลมีเดียบนห้องสนทนาออนไลน์ของผู้ชายซึ่งแต่เดิมเคยพูดคุยกันสารพัดเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายซึ่งเรียกกันว่ากลุ่ม มาโนสเฟียร์ (Manosphere) หรือ อาณาจักรของผู้ชาย
อาณาจักรแห่งนี้เป็นแหล่งรวมของ Blog กลุ่มการพูดคุยด้านวัฒนธรรมประเพณี ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล รวมทั้งเป็นสโมสรบนโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นพื้นที่พูดคุยกันเฉพาะเรื่องที่ผู้ชายมีความสนใจร่วมกัน ดังนั้นผู้หญิงจึงเป็นเพศต้องห้ามของอาณาจักรแห่งนี้
มาโนสเฟียร์ จึงเป็นทางเลือกใหม่ของกลุ่มคนที่ไม่อยากย่ำอยู่กับวิถีเดิม พวกเขาถูกเรียกว่ากลุ่ม สังคมยาเม็ดสีแดง(Red pill) เพราะพวกมาโนสเฟียร์เลือกที่จะกินยาเม็ดสีแดง หมายถึงการเผชิญความจริงที่ไม่คุ้นเคยซึ่งเป็นความจริงที่ผู้คนส่วนใหญ่ยากที่จะยอมรับ แทนการกินยาเม็ดสีน้ำเงิน(Blue pill) ซึ่งหมายถึงการมีวิถีชีวิตตามปกติ เพราะพวกเขาต้องการหลีกหนีจากชีวิตซ้ำซากจำเจและจมปลักอยู่กับความเชื่อแบบดั้งเดิม
กระดานสนทนาของพวก มาโนสเฟียร์ แบ่งกิจกรรมหลักออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่
- กลุ่มสนับสนุนการเรียกร้องสิทธิของผู้ชาย (MRA : Men’s Right Advocate) เป็นกลุ่มที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับผู้ชาย เป็นต้นว่า สิทธิการเลี้ยงดูลูกที่เป็นธรรม การหย่าร้าง ค่าเลี้ยงดูบุตร กฎหมายการเยี่ยมบุตร การตัดสินที่ไม่เป็นธรรมระหว่างหญิงและชายกรณีก่ออาชญากรรมประเภทเดียวกันและการต่อสู้กรณีถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมกรณีการข่มขืน เป็นต้น
- กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่เรียกกันว่า กลุ่มนักรัก (PUA : Pick-Up Artists) คนกลุ่มนี้มักพูดถึงการใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆนานาในการโน้มน้าวฝ่ายหญิงเพื่อให้เกิดกิจกรรมทางเพศ
- กลุ่มที่สามรู้จักกันในชื่อของ กลุ่มต่อต้านลัทธิสตรีนิยม หรือ เรียกสั้นๆว่า กลุ่ม มิกทาว (MGTOW : Men going their own way) คนกลุ่มนี้ไม่สนใจเรื่องเพศสัมพันธ์ ไม่พูดคุยกับผู้หญิง พวกเขาถือว่าการแต่งงานคือความเลวร้ายที่สุดของพวกเขาและพวกมิกทาวที่สุดขั้วจะไม่มองผู้หญิงเลยด้วยซ้ำไป เพราะพวกเขาถือว่า ผู้หญิงคือปัญหาของพวกเขา
- กลุ่มที่สี่คือกลุ่มที่เรียกว่า อินเซล (incel : Involuntary Celibate) คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ถูกจับตามองมากที่สุดในบรรดากลุ่มมาโนสเฟียร์ทั้งหลาย เพราะพวกเขาเริ่มนำแนวคิดการตอบโต้แบบสุดขั้วและความเกลียดชังเข้ามาสู่อาณาจักรของ มาโนสเฟียร์ พวกอินเซลคือบุคคลหรือกลุ่มคนที่ไม่สามารถหาคู่เพื่อมีเพศสัมพันธ์ได้แม้ว่าจะมีความต้องการก็ตามและยังรวมถึงกลุ่มคนวัยหนุ่มผู้ซึ่งมีความโกรธแค้นจากการถูกปฏิเสธจากผู้หญิง พวกเขามีความเชื่ออย่างฝังใจว่าผู้หญิงใช้พลังทางเพศเพื่อครอบงำสังคมซึ่งจะต้องได้รับการตอบโต้ ทั้งๆที่ผู้ก่อตั้งกลุ่มอินเซล เมื่อกว่ายี่สิบปีที่แล้วเป็นเด็กสาวในแคนาดาที่ต้องการตั้ง Website กลุ่มอินเซลขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้กับใครก็ตามไม่ว่าหญิงหรือชายที่อยู่ในอารมณ์เหงาเปล่าเปลี่ยวได้พบคนที่ถูกใจหรือพบรัก โดยที่เธอไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่ากลุ่มอินเซลจะกลายเป็นกลุ่มที่สะสมความเกลียดชังสตรีเอาไว้อย่างมากมายและเกี่ยวโยงถึงการสังหารผู้บริสุทธิ์ ดังเช่น กรณีของ เอลเลียต รอดเจอร์ ที่สังหารผู้คนไปถึง 6 คน เมื่อหลายปีก่อน
นับตั้งแต่การสังหารที่ อิสลา วิสต้า ทำให้ เอลเลียต รอดเจอร์ กลายเป็นฮีโร่และนักบุญอุปถัมภ์ (Patron saint) ของพวกอินเซลบางคน ดังนั้นการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ของเขาจึงได้รับการยกย่องจากพวกอินเซลที่นิยมความรุนแรงอย่างท่วมท้น เมื่อถึงวันครบรอบวันสังหารคราวใด เหล่าบรรดาสาวก อินเซล ยังได้โพสต์รูปและข้อความแสดงความอาลัยและยกย่อง ต่อการกระทำอันน่าสยองขวัญของเขาโดยไม่ได้มีความสำนึกเลยว่าสิ่งที่ เอลเลียต รอดเจอร์ กระทำไปนั้นคือการฆ่าที่สะเทือนใจคนอเมริกันมากที่สุดเหตุการณ์หนึ่ง แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เอลเลียต รอดเจอร์ ขึ้นในแคนาดา เมื่อหนุ่มวัยเบญจเพศ ชื่อ อเล็ก ไมนาสเซียน ขับรถตู้พุ่งชนผู้คนที่เดินอยู่บนถนนตายไปถึง 10 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 16 คน ในอีก 4 ปีต่อมา
หลังจากถูกจับ ไมนาสเซียน ได้ให้สัมภาษณ์ ว่า เขาไม่เคยมีแฟนและยังไม่เคยเสียความบริสุทธิ์ เขาสารภาพว่าสิ่งที่เขาทำไม่มีการวางแผนมาก่อน ทันทีที่เขาเห็นผู้คนเดินบนถนน เขาตัดสินใจเร่งรถพุ่งเข้าหาฝูงชนในทันที และประโยคที่ทำให้ผู้ฟังต้องขนลุกก็คือ “เขารู้สึกเหมือนว่า ภารกิจของเขาได้สำเร็จแล้ว”
ก่อนก่อเหตุไม่ถึงชั่วโมง ไมนาสเซียนได้โพสต์ข้อความบนเพจของเขา บน Facebook ซึ่งทาง Facebook ออกมายืนยันในภายหลังว่าเป็นเพจของเขาจริง ข้อความบน Facebook ที่เขาโพสกล่าว ยกย่อง เอลเลียต รอดเจอร์ พร้อมเขียนข้อความไว้ว่า "กบฎอินเซลกำลังเริ่มต้น! เราจะโค่นล้มพวก แชดส์ และ สเตซีย์ส! จงสรรเสริญสุภาพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เอลเลียต รอดเจอร์!" (แชดส์ และ สเตซีย์ส (Chad & Stacey ) หมายถึง ชายและหญิงที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกัน)
ปฏิบัติการของ ไมนาสเซียน ได้รับการยกย่องจากสังคมอินเซลไม่ต่างจากปฏิบัติการของ เอลเลียต รอดเจอร์ ที่ ไมนาสเซียส ถือว่าเป็นฮีโร่ในใจของเขา
เหตุการณ์สังหารผู้บริสุทธิ์โดยพวก อินเซล ที่มีพฤติกรรมเลียนแบบฮีโร่ ของตัวเองสะท้อนให้เห็นถึงความเกลียดชังที่แฝงอยู่ในสังคมโดยรับรู้ได้บนสื่อสังคมออนไลน์นั้น แสดงให้เห็นว่า อินเซลบางคนเลือกที่จะกินยาเม็ดสีดำ(Black pill) ซึ่งหมายถึงการใช้แนวคิดการโต้ตอบที่สุดขั้ว เพื่อสนับสนุนความเชื่อของตัวเอง แทนการกินยาเม็ดสีแดงเหมือน มาโนสเฟียร์กลุ่มอื่นๆ บ่งบอกถึงแนวโน้มที่คนในกลุ่มมาโนสเฟียร์เริ่มมีความคิดแปลกแยกและแสดงออกถึงความเอนเอียงสู่ความรุนแรง ต่างจากแนวคิดดั้งเดิมของกลุ่มมาโนสเฟียร์โดยสิ้นเชิง
ปฏิบัติการของอินเซลพวกนิยมความรุนแรงที่ผ่านมามักเป็นปฏิบัติการแบบ โลนวูล์ฟ ซึ่งเป็นปฏิบัติการของหมาป่าตัวเดียว คล้ายกับการสังหารที่โคราชเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่ควรวางใจว่าการสังหารลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในเมืองไทยเพราะพฤติกรรมเลียนแบบฮีโร่สามารถเกิดขึ้นผ่านโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลาและมีความเป็นไปได้ว่ามือสังหารที่โคราชได้กลายเป็นพระเอกในใจของใครบางคนไปแล้ว
จากการศึกษาพบว่า กลุ่ม มาโนสเฟียร์ มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว จากกลุ่มกิจกรรมของชายสูงอายุและไม่นิยมความรุนแรง ซึ่งคุยกันเฉพาะเรื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้ชาย ได้เริ่มกลายพันธุ์ไปสู่กลุ่มออนไลน์ที่อาจเป็นภัยต่อสังคม เพราะนอกจากจะมีประวัติการก่อความรุนแรงแล้วยังพบว่า มีการใช้ภาษาที่แสดงถึงความเกลียดชัง เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ภาพลักษณ์ของการเรียกร้องสิทธิของผู้ชายหรือแม้แต่เรื่องการคุยกันเรื่องทางเพศที่ผู้ชายส่วนมากชื่นชอบค่อยๆจางหายไปจากกระดานสนทนาตามวัยของผู้คนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามกลับมีคนในกลุ่ม มาโนสเฟียร์ จำนวนหนึ่งที่หันเหความสนใจจากกิจกรรมเรียกร้องสิทธิ์สำหรับผู้ชาย และกิจกรรมต่อต้านลัทธิสตรีนิยม มาร่วมวงกับพวก อินเซล มากขึ้น ยิ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมอินเซลขึ้นไปอีก
กิจกรรมของพวกอินเซลไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของภาครัฐ ของสหรัฐอเมริกา เพราะรัฐเองมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นและเฝ้าจับตาพฤติกรรมของพวกอินเซลอยู่เช่นกัน จากรายงานของ ฝ่ายความปลอดภัยด้านสารธารณะของรัฐ เท็กซัส สหรัฐอเมริกา (Texas Department of Public Safety) เผยแพร่เมื่อเดือน มกราคม 2020 เห็นว่า อินเซล คือ หนึ่งใน ภัยก่อการร้ายในประเทศรูปแบบใหม่ (an emerging domestic terrorism threat)
ดังนั้นพฤติกรรมของพวก อินเซล บางกลุ่มบางพวก คือความท้าทายของภาครัฐและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่จะต้องยับยั้งหรือหยุดพฤติกรรมการแสดงออกถึงความเกลียดชังผู้หญิงอย่างสุดโต่ง เพื่อไม่ให้มีการเติมเชื้อไฟแห่งความเกลียดชังให้ขยายวงกว้างออกไปอีก ซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงเกิดขึ้นตามมาไม่วันใดก็วันหนึ่ง
แม้ว่า Reddit ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เป็นแหล่งรวมของ มาโนสเฟียร์ กลุ่มต่างๆจะพยายามหยุดการเคลื่อนไหวของพวก อินเซล บางกลุ่ม แต่เมื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งถูกห้าม ก็จะมีการตั้งกลุ่มใหม่ขึ้นมาแทนที่พวกเขาหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำพูดที่มีความเสี่ยงที่จะถูกระงับการใช้งาน จึงต้องใช้คำย่อหรือคำทั่วๆไปแต่มีความหมายรู้กันภายในกลุ่มและหากยังมีปัญหาพวกเขาก็พร้อมจะย้ายไปยังแพลตฟอร์มอื่นที่สามารถตอบสนองต่อการแสดงออกที่สุดขั้วของพวกเขาได้ทันที
สถานการณ์บนโลกอินเทอร์เน็ตซึ่งนอกจากจะเต็มไปด้วยข่าวปลอมและข้อมูลขยะที่ผสมปนเปอยู่ตามสื่อต่างๆแล้ว มนุษย์กำลังสูญเสียคุณค่าของอินเทอร์เน็ตให้กับวัฒนธรรมแห่งความเกลียดชัง ซึ่งอาจจะแปรเปลี่ยนออกมาเป็นความรุนแรงและสร้างความสูญเสียแก่สังคมได้ในทุกนาที
ความท้าทายของภาครัฐต่อการใช้เทคโนโลยีออนไลน์คือ การหยิบยื่นยาเม็ดที่ถูกโรคให้กับประชาชน ในขณะเดียวกันผู้บริโภคสื่อสังคมออนไลน์ต้องใช้สติและความรอบคอบในการเลือกกินยาที่แพร่หลายดาษดื่นบนโลกออนไลน์เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อทางอารมณ์สุดขั้วของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่นำความโกรธแค้นมาระบายผ่านสื่อออนไลน์และชักนำชีวิตผู้คนให้จมดิ่งไปกับความเกลียดชังที่พวกเขาได้สร้างขึ้น
อ้างอิง
1. https://www.happyhomeclinic.com/au03-asperger.htm
2. https://www.bbc.com/thai/international-43889576
3. https://www.thesun.co.uk/news/6462838/mgtow-community-men-hate-women/
5. The Manosphere โดย Ian Ironwood
ภาพประกอบ https://www.masculinedevelopment.com/is-the-black-pill-the-new-red-pill/