คลอดประมวลจริยธรรม‘ส.ส.-กมธ.’ฉบับใหม่ 30 ข้อ ห้ามใช้วาจาไม่สุภาพ-หากร้ายแรงส่งป.ป.ช.
ราชกิจจาฯแพร่ประกาศข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ ส.ส. และกรรมาธิการ พ.ศ.2563 กำหนดอุดมคติ 3 ข้อ ต้องจงรักภักดีพิทักษ์รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ซื่อสัตย์สุจริต กำหนดหน้าที่ 14 ข้อ ไม่ใช้วาจาไม่สุภาพ ดูหมิ่น หมิ่นประมาท เสียดสีใส่ร้ายป้ายสี ฝ่าฝืนร้ายแรงให้ส่ง ป.ป.ช.
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษาวันที่ 7 ก.พ. 2562 เผยแพร่ประกาศ ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มีรายละเอียดทั้งสิ้น 30 ข้อ กำหนด อุดมคติของการเป็นสมาชิกและกรรมาธิการ กำหนดจริยธรรมอันเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกและกรรมาธิการ และ การส่งเสริมและควบคุมให้เป็นไปตามจริยธรรม หากฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้อันเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป สาระสำคัญ
หมวด 1 อุดมคติของการเป็นสมาชิกและกรรมาธิการ
ข้อ 6 สมาชิกและกรรมาธิการต้องจงรักภักดีและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ข้อ 7 สมาชิกและกรรมาธิการต้องรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยเคร่งครัด
ข้อ 8 สมาชิกและกรรมาธิการต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และเสียสละโดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งสูงสุด
หมวด 2 การปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกและกรรมาธิการ
ข้อ 9 สมาชิกและกรรมาธิการต้องรักษาไว้และปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และมติของที่ประชุมโดยเคร่งครัด
ข้อ 10 สมาชิกและกรรมาธิการต้องรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงของสภาผู้แทนราษฎร และไม่กระทำการใด ๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของประเทศชาติและสภาผู้แทนราษฎร
ข้อ 11 สมาชิกและกรรมาธิการต้องกล้ายืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นธรรม ยึดมั่นหลักการในการปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากอคติใด ๆ
ข้อ 12 สมาชิกและกรรมาธิการต้องเคารพสิทธิ เสรีภาพส่วนบุคคลของผู้อื่น ไม่แสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพ มีลักษณะเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท เสียดสีหรือใส่ร้ายป้ายสีบุคคลใด หรือนำเอาเรื่องที่เป็นเท็จมาอภิปรายแสดงความเห็นในที่ประชุม หรือที่อื่นใด
ข้อ 13 สมาชิกและกรรมาธิการต้องไม่แสดงอาการข่มขู่ อาฆาตมาดร้าย หรือใช้กำลังประทุษร้ายต่อบุคคลอื่นในที่ประชุม บริเวณสภา หรือที่อื่นใด
ข้อ 14 สมาชิกและกรรมาธิการต้องอุทิศเวลาให้แก่การประชุม โดยคำนึงถึงการตรงต่อเวลาและต้องไม่ขาดการประชุมโดยไม่จำเป็น เว้นแต่ในกรณีเจ็บป่วย หรือมีเหตุสุดวิสัย
หมวด 3 การส่งเสริมและควบคุมให้เป็นไปตามจริยธรรม
ข้อ 23 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร” ประกอบด้วยกรรมการจำนวนสิบห้าคน
ข้อ 28 ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่ามีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักรับฟังได้ และที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยว่า สมาชิกหรือกรรมาธิการผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ ให้คณะกรรมการมีอำนาจที่จะลงโทษโดยการตักเตือน ตำหนิ ให้ขอโทษต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามที่คณะกรรมการกำหนด หรือประณามให้เป็นที่ประจักษ์
ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าสมาชิกหรือกรรมาธิการผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ หรือไม่มีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าสมาชิกหรือกรรมาธิการผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้อันเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้คณะกรรมการยกคำร้องโดยเร็ว คำวินิจฉัยของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่งและวรรคสองถือเป็นที่สุด และให้รายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อทราบ
ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่ามีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า สมาชิกหรือกรรมาธิการผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้อันเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้คณะกรรมการเสนอความเห็นต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา
ในกรณีที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้อันเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพิจารณาดาเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
การลงมติของสภาผู้แทนราษฎรตามวรรคห้าให้ถือเอาคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
ข้อ 29 การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามความในหมวด 1 ให้ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้อันเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามความในหมวด 2 จะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้อันเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ ให้พิจารณาถึงพฤติกรรมของการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติเจตนาและความร้ายแรงของความเสียหายที่เกิดจากการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัตินั้น
ประกาศ ณ วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563
ชวน หลีกภัย
ประธานสภาผู้แทนราษฎร ดูรายละเอียดในลิงก์
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/031/T_0037.PDF
หมายเหตุ : ภาพ ชวน หลีกภัย จาก https://th.wikipedia.org