กลุ่มนศ.ชายแดนใต้กลับจากจีน ยังไม่ผ่านด่านตรวจไวรัส วอนรัฐช่วย
กลุ่มนักศึกษาจากชายแดนใต้ที่ไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน เรียกร้องหน่วยงานภาครัฐรับตัวไปตรวจสุขภาพด่วน หลังเดินทางจากจีนกลับถึงไทยแล้วไม่พบด่านตรวจโรคที่สนามบิน ทำให้ไม่กล้ากลับบ้านที่ปลายด้ามขวาน เลือกพักอยู่กลางกรุงเทพฯแทน เผยเพื่อนบางคนเริ่มป่วยแล้ว
นักศึกษาไทยกลุ่มนี้มีทั้งสิ้น 13 คน ในจำนวนนี้ 6 คนมีภูมิลำเนาอยู่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยที่มณฑลเหอเป่ย แม้จะอยู่คนละมณฑลกับเมืองอู่ฮั่น (อู่ฮั่นอยู่มณฑลหูเป่ย) แต่ก็ถูกทางการจีนประกาศเป็นเขตเฝ้าระวัง "สีแดง" เช่นกัน
นักศึกษาชายรายหนึ่ง ซึ่งเป็นคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เล่าว่า กลับมาถึงไทยเมื่อคืน (26-27 ม.ค.63) ตอนที่ออกจากสนามบินในประเทศจีน เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกาย ปรากฏว่าไม่มีไข้ แต่เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กลับไม่มีกระบวนการตรวจร่างกายใดๆ จากเจ้าหน้าที่เลย ปล่อยให้เดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองตามปกติ
เมื่อผ่านด่านมาแล้ว นักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯและภาคกลางก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนนักศึกษาจากชายแดนใต้ 6 คนตกลงกันว่าจะยังไม่กลับบ้าน เพราะกลัวจะนำเชื้อไปแพร่ระบาด จึงตัดสินใจไปพักอยู่ชั่วคราวที่เพชรบุรีซอย 7
สำหรับเพชรบุรีซอย 7 อยู่บนถนนเพชรบุรี ใกล้กับแยกราชเทวี เป็นย่านชุมชนของพี่น้องมุสลิม ส่วนใหญ่เป็นคนต่างถิ่น มีร้านอาหารฮาลาลและร้านรวงให้บริการคนมุสลิมเป็นจำนวนมาก
นักศึกษาชายรายนี้บอกด้วยว่า มณฑลเหอเป่ยเป็นเขตสีแดงที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ พวกตนจึงไม่กล้าไปไหน และอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือพวกตนด้วย ช่วยรับพวกตนไปตรวจสุขภาพ เพราะล่าสุดเพื่อนที่กลับมาด้วยกัน 1 คน ไปหาเพื่อนที่มหาวิทยาลัยรังสิต ล่าสุดเพื่อนโทรมาบอกว่ามีไข้สูง กำลังจะไปโรงพยาบาลในย่านนั้น ทำให้พวกตนยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก
ด้าน นางกอมารียะ (สงวนนามสกุล) ชาวอำเภอยะหา จังหวัดยะลา แม่ของนักเรียนหญิงในกลุ่มที่เพิ่งเดินทางกลับไทย บอกว่า ลูกสาวเพิ่งไปเรียนได้ 3 เดือน เมื่อวานได้คุยกับลูกถึงสถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่จีน ลูกบอกว่าเมืองที่ลูกอยู่ตอนนี้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังสีแดงไปแล้ว จึงบอกให้ลูกกลับมาก่อน โดยเดินทางกลับมาพร้อมเพื่อนๆ อีก 4-5 คน ถึงเมืองไทยเมื่อคืน ตอนนี้พักอยู่ที่เพชรบุรี ซอย 7 ยังไม่ได้ตรวจสุขภาพ จึงรู้สึกเป็นห่วงมาก อยากให้เจ้าหน้าที่รับตัวลูกสาวและเพื่อนๆ ไปตรวจสุขภาพก่อนเดินทางกลับมาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
"ตอนที่ลูกอยู่ที่จีนรู้สึกตกใจและเป็นห่วงมาก พอลูกบอกจะกลับ ก็รีบโอนเงิน 2 หมื่นบาทไปให้เป็นค่าตั์๋วทันที ตอนแรกลูกบอกว่าทางมหาวิทยาลัยแจ้งว่ากำลังจะสอบในสัปดาห์หน้า เขาขอให้สอบเสร็จก่อน แต่ทางพี่กับแฟนบอกให้ลูกกลับมาก่อน เรื่องสอบค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้ต้องเอาชีวิตให้รอดก่อน ทำให้ลูกและเพื่อนๆ ตัดสินใจกลับไทย" นางกามารียะ กล่าว
ขณะที่ นายซัยนูรดีน นิมา นักวิชาการศึกษาชำนาญการ สำนักงานวิชาการและบริการชุมชน วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งมีลูกสาวไปศึกษาต่อที่เมืองซีอาน ประเทศจีน บอกว่า ลูกสาวเดินทางกลับมาแล้ว และเล่าว่าเพื่อนๆ กำลังทยอยกลับ บางส่วนยังอยู่ที่สนามบิน คาดว่านักศึกษาไทยที่ไปศึกษาต่อที่ซีอานน่าจะกลับไทยก่อนทั้งหมด แม้เมืองซีอานจะห่างจากอู่ฮั่น แต่เมื่อหลายเมืองปิดการเดินทางและการท่องเที่ยว จึงคิดว่าสถานการณ์น่าจะตึงเครียด ควรกลับมารอดูความชัดเจนที่บ้านก่อนดีกว่า