เยาวชนร้อง“ครูหยุย” กระทุ้งรัฐจัดการตู้คีบตุ๊กตาเกลื่อนเมือง ระบุศาลฯ ชี้ขาดเป็นพนันชัดเจน
เยาวชนบุกสภา ร้อง“ครูหยุย” กระทุ้งรัฐบาล จัดการตู้คีบตุ๊กตาเกลื่อนเมือง ระบุศาลฎีกาพิพากษาชี้ขาดเป็นการพนันชัดเจน พบที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมายล้มเหลว ปล่อยผู้ใหญ่มอมเมาหลอกเอาเงินเด็ก
วันที่ 20 ม.ค.63 เวลา 09.45 น.ที่รัฐสภา นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน พร้อมด้วย นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กว่า 30 คน เข้ายื่นหนังสือถึง นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา เพื่อเรียกร้องให้แก้ปัญหาตู้คีบตุ๊กตาที่ตั้งอยู่เต็มห้างสรรพสินค้า ชวนเด็กและเยาวชนเล่นการพนันหลังสำรวจพบ75 ห้างดังมีเครื่องเล่นตู้คีบตุ๊กตากว่า1,300 ตู้ มีพฤติการณ์ชวนเด็ก เยาวชนเล่นการพนันด้วยการติดข้อความบิดเบือนความจริง เช่น ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ, สินค้านี้ไม่ใช่เครื่องมือการพนัน มีไว้เพื่อการขายสินค้าเท่านั้น และข้อความบอกลักษณะของตู้คีบถูกและผิดกฎหมาย หลอกให้ผู้เล่นสับสนและเข้าใจผิด แม้ศาลฎีกาได้พิพากษาชี้ขาดแล้วว่าตู้คีบตุ๊กตาเป็นการพนัน และกรมการปกครองมีนโยบายไม่ให้เจ้าพนักงานออกใบอนุญาตให้มีการเล่นการพนันดังกล่าวตั้งแต่ พ.ศ. 2549
นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า เครือข่ายฯ กังวลเป็นอย่างยิ่งว่า หากไม่มีมาตรการใดๆ ในการดูแลตู้คีบตุ๊กตา จะทำให้เด็กและเยาวชนจำนวนมากเกิดความเข้าใจสับสนว่าการเล่นตู้คีบตุ๊กตาไม่ใช่การพนันและคิดว่าเป็นเพียงการเล่นเกมเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น เครือข่ายฯ จึงขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส ดังต่อไปนี้
1.ขอให้ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมฯ ตั้งกระทู้ถามต่อรัฐบาล ถึงปัญหาตู้คีบตุ๊กตาที่ตั้งอยู่เต็มห้างสรรพสินค้า มีพฤติการณ์ชวนเด็กและเยาวชนเล่นการพนัน ทั้งที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาอย่างชัดเจนมาแล้วหลายครั้งว่าตู้คีบตุ๊กตาเป็นการพนัน อีกทั้งกระทรวงมหาดไทยไม่เคยออกใบอนุญาตให้จัดการเล่นพนันแก่ผู้ประกอบการรายใด แต่ทำไมจึงเกิดขึ้นได้เต็มบ้านเต็มเมือง และรัฐบาลมีแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
2.ขอให้คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมฯ เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาตู้คีบตุ๊กตาผิดกฎหมาย เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างยั่งยืน รวมถึงเชิญสมาคมห้างค้าปลีก ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ที่อนุญาตให้ใช้สถานที่ตั้งตู้คีบตุ๊กตา มาเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ละเลยให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงการพนัน
และ3.เครือข่ายฯ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการเฝ้าระวัง สนับสนุนการทำงาน และขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ หน่วยงาน และคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมฯในการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามปัญหาการพนัน ซึ่งเป็นปัญหาสังคม และส่งผลกระทบกับเด็กและเยาวชนไทยอย่างรุนแรง
ด้าน นายธนากร กล่าวว่า การประกอบการค้าที่นำตู้คีบมาใช้ อาจแบ่งได้เป็น 3ลักษณะ ลักษณะที่หนึ่งนำมาขายสินค้าจริง ลักษณะที่สอง คือเจตนานำมาเป็นเครื่องเล่นพนัน หรือทำทั้งสองลักษณะ ซึ่งมีปริมาณมากทั้งตามห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะในชุมชนย่านตลาดต่าง ๆ มักจะเป็นประเภทเครื่องเล่นพนัน ประเด็นสำคัญคือ ตู้พวกนี้ตั้งอยู่อย่างโจ่งแจ้งเปิดเผย ส่วนใหญ่อยู่ในโซนเครื่องเล่น แล้วยังติดป้ายประกาศที่สร้างความสับสนเข้าใจผิดแก่เด็กเยาวชน และประชาชน ทั้งที่กระทำผิดกฎหมายชัดเจนสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของการบังคับใช้กฎหมายที่ปล่อยให้มีการละเมิดสิทธิของเด็ก และกลายเป็นการร่วมกันของเจ้าของตู้กับเจ้าของสถานที่หลอกเงินจากเด็กเยาวชนด้วยความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ
ขณะที่ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ต้องขอบคุณการทำงานของเครือข่ายฯ เพราะนอกจากหน่วยงานรัฐที่ต้องดูแลสังคมแล้ว หัวใจสำคัญคือเครือข่ายภาคประชาชนที่ต้องเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังความผิดปกติที่เป็นปัญหาต่อประเทศ ดังนั้นทางคณะกรรมาธิการฯ ยินดีรับข้อเสนอจากเครือข่ายฯ และจะตั้งกระทู้ถามต่อรัฐบาล ถึงปัญหาตู้คีบตุ๊กตาที่ตั้งอยู่เต็มห้างสรรพสินค้า ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร เข้าใจว่ารัฐบาลจะมาตอบกระทู้และนำไปตรวจสอบแก้ไข ยิ่งกรณีนี้ศาลพิพากษาแล้วว่า ตู้คีบเข้าข่ายการพนัน ถือว่าข้อกฎหมายยุติอย่างแน่นอน รัฐต้องตรวจตราอย่างเข้มงวดจริงจัง นอกจากนี้จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงเครือข่ายฯมาร่วมพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/