ผบ.ทบ.เยือนอินโดฯ ชู "อาเจะห์โมเดล" ดับไฟใต้ "สร้างความเข้าใจ ไม่แยกดินแดน"
มีข่าวจากองทัพบก ยืนยันภารกิจ ผบ.ทบ.เยือนจังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อลงนามความร่วมมือทางทหาร และร่วมถอดบทเรียนการแก้ปัญหาความขัดแย้ง "อาเจะห์โมเดล" สู่ "ชายแดนใต้" พร้อมใช้มาตรการทางความมั่นคงร่วมกันในการจำกัดเสรีการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบ
หลังมีข่าวลือตลอดวันที่ 14 มกราคมเรื่อง "บิ๊กแดง" ยกคณะไปอินโดฯ ล่าสุดมีข่าวจากกองทัพบกในวันพุธที่ 15 มกราคม ระบุว่า มีการเดินทางไปเยือนอินโดนีเซียจริง โดยผู้ที่ร่วมเดินทางไปกับคณะของ ผบ.ทบ. ประกอบด้วย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นหัวหน้าคณะ, พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4, พล.ต.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) และนายทหารระดับสูงจากกองทัพบก
ปลายทางอยู่ที่จังหวัดอาเจะห์ เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย
จุดประสงค์เพื่อลงนามความร่วมมือด้านการทหารระหว่างไทยกับอินโดนีเชีย พร้อมทั้งร่วมถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหาในอดีต นำไปสู่แนวทางการพัฒนาความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาในอนาคตร่วมกัน โดยจะยึดแนวทางแก้ปัญหาแบบ "อาเจะห์" ที่เน้นการสร้างความเข้าใจ และการอยู่ร่วมกันของทุกฝ่าย
ข่าวจากกองทัพบกยืนยันว่า การพบปะกันเป็นไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพ
รายละเอียดตามข่าวของกองทัพบก ระบุว่า การหารือระหว่างคณะของ ผบ.ทบ. กับคณะของกองทัพบกอินโดนีเซีย มีวัตถุประสงค์ 3 ประเด็นคือ ลงนามอนุสัญญา MOU ระหว่างกองทัพบกไทยกับกองทัพบกอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4 แล้ว หรือที่เรียกว่า Implementing Arrangement โดยข้อตกลงส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการฝึกศึกษา และแลกเปลี่ยนนายทหารนักเรียน, การให้ความร่วมมือด้านการฝึกร่วมระหว่างกำลังพลของทั้ง 2 กองทัพ ซึ่งได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลานาน โดยกองทัพบกของอินโดนีเซียถือว่ามีความสัมพันธ์อันดีและลึกซึ้งกับกองทัพบกไทยมาอย่างยาวนาน
นอกจากนั้นยังมี Minute Meeting ที่ได้มีการประชุมหารือ และบันทึกการประชุมร่วมกัน โดยมีประเด็นสำคัญหลักอยู่ 3 เรื่อง คือ
1.การให้ความร่วมมือในด้านความมั่นคงระหว่าง 2 ประเทศ โดยไม่ยอมให้บุคคลที่เป็นภัยของทั้งสองประเทศใช้พื้นที่ของประเทศตนในการก่อการร้าย
2.การติดตามความเคลื่อนไหวบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายและเป็นภัยต่อความมั่นคงและอธิปไตยของทั้งสองประเทศ รวมถึงในภูมิภาคด้วย
และ 3.สกัดกั้นการลงมือของกลุ่มผู้กระทำความผิดทั้งที่เป็นบุคคลหรือกลุ่ม ที่จะใช้พื้นที่ของประเทศไทยและอินโดนีเซียกระทำผิดต่อความมั่นคงภายในของทั้ง 2 ประเทศและภูมิภาค
โอกาสนี้ยังมีการประชุม Four Eyes ระหว่างผู้บัญชาการทหารบกอินโดนีเซีย กับ ผบ.ทบ.ไทย ซึ่งเป็นการหารือส่วนตัว โดย พล.อ.อภิรัชต์ ยืนยันที่จะเดินหน้ายุทธศาสตร์ความร่วมมือทางทหาร เสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป ซึ่งจากความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ผู้ก่อความไม่สงบถูกจำกัดเสรีในการก่อเหตุมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหลบหนี การฝึกกำลัง หรือใช้เป็นแหล่งพักพิง ถือเป็นการพัฒนาร่วมกันในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน รักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของสองประเทศ และสร้างความมีเสถียรภาพความมั่นคงปลอดภัยในภูมิภาคอาเซียน
ข่าวจากกองทัพบก ยังอ้างคำสัมภาษณ์ของ ผบ.ทบ.ว่า การเดินทางเยือนอาเจะห์ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าไทยและอินโดนีเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก โดย พล.อ.อภิรัชต์ ถือเป็น ผบ.ทบ.ไทยคนแรกที่เดินทางไปที่อาเจะห์ และลงนามความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ของไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกกับอินโดนีเซีย โดยใช้ Aceh Model (อาเจะห์ โมเดล) ซึ่งจะมีความร่วมมือระหว่างกองทัพบกของสองประเทศในเรื่องการข่าว การแลกเปลี่ยนข้อมูล ฝึกศึกษา การดูงาน และมี Working Group ร่วมกัน
การเดินทางเยือนอาเจะห์ในครั้งนี้ คณะของ ผบ.ทบ.ยังได้พบกับอดีตผู้นำทางจิตวิญญาณ และผู้นำขบวนการอาเจะห์เสรีที่เรียกร้องเอกราชในอาเจะห์ ที่รู้จักกันดีในชื่อ "กลุ่มแกม" (GAM) โดยอดีตผู้นำขบวนการอาเจะห์เสรี บอกว่า ไม่เห็นด้วยและประณามการกระทำของกลุ่ม BRN ที่ก่อเหตุกับผู้บริสุทธิ์และยังไม่ยุติการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา สามารถเลือกผู้นำท้องถิ่นหรือผู้แทนราษฎรได้ภายใต้แห่งรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทยมานานแล้ว
จากความร่วมมือครั้งนี้คาดว่าจะทำให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงกลุ่ม BRN ถูกจำกัดเสรีในการปฏิบัติมากขึ้น ไม่ว่าจะหลบหนี ไปฝึก หรือใช้เป็นแหล่งพักพิงในอินโดนีเซีย ย่อมทำได้ยากขึ้น
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวด้วยว่า สันติสุขในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือร่วมใจระหว่างกันอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่นำเรื่องศาสนาเข้ามาสร้างความแตกต่าง หรือแบ่งแยก แล้วนำไปสู่การแยกดินแดน โดยการเดินทางเยือนอาเจะห์ครั้งนี้ ได้รับความเห็นชอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นที่เรียบร้อย
"หัวใจของสันติภาพที่เกิดขึ้นในอาเจะห์นั้น คือ 'การมีความเข้าใจ' ไม่ใช่ 'การแบ่งแยกดินแดน' หลังจากนี้จะได้มอบหมายให้แม่ทัพภาคที่ 4 สานต่อในระดับภูมิภาคต่อไป" รายงานข่าวจากกองทัพบก อ้างคำกล่าวของ ผบ.ทบ.
-------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ :
ถอดบทเรียนเจรจา"อาเจะห์-ไทย" นักวิชาการหนุนชายแดนใต้"ปกครองพิเศษ"
"เจรจา-วางปืน-ปกครองพิเศษ" หมายเหตุจากอาเจะห์ถึงชายแดนใต้