พนักงานกทพ. ร้อง ‘ศักดิ์สยาม’ เร่งยุติข้อพิพาททางด่วน ‘บีอีเอ็ม’
พนักงาน กทพ. ยื่นหนังสือถึง ‘ศักดิ์สยาม’ ขอให้ยุติข้อพิพาททางด่วนกับเอกชนโดยเร็ว หวั่นหนี้ดอกเบี้ยจากคดีพิพาทพุ่ง จนสร้างภาระให้กับประเทศ
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นผู้แทนรับหนังสือจากตัวแทนพนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่ได้ยื่นหนังสือถึง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เรื่อง การยุติข้อพิพาทสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 และทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด เนื่องจากจนถึงปัจจุบันการเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ ทำให้กลุ่มพนักงาน กทพ. เกิดความกังวลต่อความมั่นคงและสวัสดิภาพในการทำงานอย่างมาก
สำหรับหนังสือดังกล่าว กลุ่มพนักงานกทพ.บางส่วน ได้ชี้แจงจุดยืนใน 4 ประเด็น ได้แก่
1.ข้อพิพาทดังกล่าวเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของฝ่ายบริหาร กทพ. ทำให้เกิดปัญหาพิพาทกับเอกชนมาโดยตลอด และไม่ได้แก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จ ทำให้ยืดเยื้อมากว่า 30 ปี หากไม่รีบดำเนินการแก้ไขจะเกิดความเสียหายต่อหน่วยงาน เป็นภาระทางการเงินของประเทศและประชาชน และเกิดผลกระทบต่อความมั่นคง สวัสดิการ รายได้ของพนักงาน กทพ.
2.การเจรจาที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความล่าช้า เนื่องจากมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีให้ข้อมูลแก่สังคมในทางที่ผิดว่าควรจะสู้คดีในทุกคดี โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ในกรณีที่แพ้คดี
3.กลุ่มพนักงาน กทพ. มีจุดยืนต้องการให้แก้ไขปัญหาข้อพิพาทให้หมดสิ้นไปจากหน่วยงาน บนพื้นฐานที่เป็นธรรม ไม่ทำให้ กทพ. และรัฐเสียหาย เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง สวัสดิการ และรายได้ของพนักงาน กทพ. และขอสนับสนุนรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่จะเจรจาแก้ไขปัญหาข้อพิพาทให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยขอให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของส่วนรวมเป็นหลัก
4.ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติให้เพิ่มเงินเดือนให้พนักงาน กทพ. ทุกคน คนละ 1 ขั้น เหมือนธนาคารออมสิน ที่ทำโครงการธนาคารประชาชนจนประสบความสำเร็จ เนื่องจาก กทพ. ได้ระดมทุนในกองทุน Thailand Future fund และการขยายสัมปทานจนประสบความสำเร็จตามนโยบายของรัฐบาล
นายชาญชัย โพธิ์ทองคำ อดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ) ในฐานะตัวแทนพนักงานบางส่วนของ กทพ. กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ตัวแทนพนักงาน 7-8 คน เข้ายื่นหนังสือถึงรมว.คมนาคม ผ่านนายชัยวัฒน์ เพื่อขอให้ยุติข้อพิพาทสัมปทานทางด่วนกับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM โดยเร็ว เนื่องจากหากปล่อยไว้นานไป กทพ.จะได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะดอกเบี้ยค่าชดเชยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
“พนักงานกทพ.ส่วนหนึ่งอยากให้ข้อพิพาทยุติลงโดยเร็ว เพราะไม่ต้องการให้หนี้ตรงนี้ กลายเป็นภาระประเทศ และกระทบต่อพนักงาน โดยเฉพาะหนี้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน อย่างคดีที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้ กทพ.แพ้ และจ่ายค่าชดเชย 4,300 ล้านบาทนั้น หากไปดูพบว่าหนี้ดอกเบี้ยสูงมาก เนื่องจากคดีเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2540-41 แล้ว ส่วนบางคดีที่สหภาพ กทพ.บอกว่าชนะและสู้ความได้นั้น เป็นคดีที่ไม่เกี่ยวกับการแข่งขันกับเอกชนแต่อย่างใด ” นายชาญชัยกล่าว
นอกจากนี้ พนักงาน กทพ.ต้องการให้กระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้ามาแก้ปัญหาหลังจากมีการลงนามสัญญาแลกกับการยุติข้อพาททางด่วนไปแล้ว เนื่องจากทราบมาว่าสภาวิชาชีพบัญชี จะมีการบันทึกการต่ออายุสัมปทานให้เอกชนดังกล่าวเป็นหนี้ของกทพ. ซึ่งจะกระทบต่อการปรับขึ้นเงินเดือนและโบนัสของพนักงานในอนาคต
“ที่ผ่านมาสหภาพ กทพ. โจมตีพวกเรารุนแรงมาก หาว่าเราไปเข้าข้างเอกชน ซึ่งความจริงไม่ใช่ เราต้องการให้ข้อพิพาทยุติลงโดยเร็ว เพื่อที่ข้อพิพาทดังกล่าวไม่กระทบต่อรายได้และสวัสดิการของพนักงาน” นายชาญชัยกล่าว
อ่านประกอบ : เปิดร่างสัญญาต่ออายุสัมปทาน 'ทางด่วน' ขุมทรัพย์แสนล้าน ‘บีอีเอ็ม’ (ตอน 1)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/