‘บิ๊กตู่’ตอบกระทู้ ‘ลิงแสม’บางขุนเทียน ทำหมันกว่า 100 ตัว เตรียมพัฒนาที่อยู่ 12 ไร่
พล.อ.ประยุทธ์ ตอบกระทู้ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เรื่องลิงแสมบางขุนเทียน เดิม 600 ตัว ซื้อที่ดิน 12 ไร่อยู่อาศัย ต่อมาเพิ่มจำนวน ทำหมันกว่า 100 ตัว พร้อมปรับปรุงพื้นที่ ก่อสร้างรั้ว ขุดบ่อน้ำ ปลูกพืชให้อยู่อาศัย
สำนักข่าวอิศรา www.isrannews.org รายงานว่า 11 ก.ย.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้ถาม เรื่อง การจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยให้กับลิงในเขตพื้นที่บางขุนเทียน ของ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคอนาคตใหม่ กรุงเทพมหานคร เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 27 ธ.ค.2562 ที่ถามว่า
ด้วยในปัจจุบันเขตบางขุนเทียนมีโครงการบ้านจัดสรรเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้มีประชาชนอยู่อาศัยในเขตพื้นที่อย่างหนาแน่น ซึ่งแต่เดิมนั้นเขตพื้นที่บางขุนเทียนเป็นเขตพื้นที่ที่มีลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อโครงการบ้านจัดสรรได้ขยายตัวมากขึ้น จึงทำให้ลิงต้องมาอาศัยอยู่บริเวณถนนที่ประชาชนใช้สาหรับสัญจรไปมา อันก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนกับผู้สัญจรไปมาและลิงที่อาศัยอยู่บนท้องถนนเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมีการจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยให้กับลิงในเขตพื้นที่บางขุนเทียนอย่างเหมาะสมแล้ว จะเป็นการบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น จึงขอเรียนถามว่า
1. รัฐบาลมีนโยบายในการจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยให้กับลิงในเขตพื้นที่บางขุนเทียนหรือไม่อย่างไร ขอทราบรายละเอียด
2. หากรัฐบาลไม่มีนโยบายในการจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยให้กับลิงในเขตพื้นที่บางขุนเทียนจะมีมาตรการหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของลิงในเขตพื้นที่บางขุนเทียนอย่างไร ขอทราบรายละเอียดขอให้ตอบในราชกิจจานุเบกษา
พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า จากการรายงานของกระทรวงมหาดไทยทราบว่า สำนักงานเขตบางขุนเทียนมีสภาพพื้นที่เป็นพื้นที่ราบลุ่มและราบต่าติดชายทะเลอ่าวไทยมีสภาพป่าชายเลน เป็นที่อยู่อาศัยของลิงแสมโดยประมาณ 600 กว่าตัว ต่อมามีการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว มีการสร้างหมู่บ้านจัดสรร โรงงานอุตสาหกรรมพาณิชยกรรม ร้านค้า ร้านอาหารมากขึ้น ทำให้ที่อยู่อาศัยและอาหารของลิงแสมลดลง ฝูงลิง มีพฤติกรรมการอยู่อาศัยและการหาอาหารเปลี่ยนไปโดยเข้าไปอาศัยตามบ้านเรือน โรงงาน ร้านค้าของประชาชน เพื่อหาอาหารในการดำรงชีวิต สร้างความเดือดร้อนราคาญให้กับประชาชนบริเวณใกล้เคียงกรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตบางขุนเทียน จึงได้ซื้อที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 181 อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 12 ไร่ 3 งาน 57 3 ส่วน 10 ตารางวา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2550 เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและอนุรักษ์ฝูงลิงแสม ต่อมาฝูงลิงแสมเริ่มเคลื่อนย้ายไปหากินนอกพื้นที่เนื่องจาก ไม่มีแหล่งอาหารในพื้นที่ดินบริเวณดังกล่าว ประกอบกับมีประชาชนนำอาหารไปให้ลิงแสมบริเวณริมถนนเลียบทางด่วนกาญจนาภิเษก ลิงบางตัวลงไปเดินและรออาหารบนถนน ทำให้เกิดปัญหาด้านการจราจรและลิงถูกรถชน ซึ่งสำนักงานเขตบางขุนเทียนได้แก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยติดป้ายประชาสัมพันธ์ห้ามให้อาหารลิงบริเวณริมถนนเลียบทางด่วนกาญจนาภิเษก จัดสถานที่ให้อาหารลิงเป็นสัดส่วนบริเวณอนุสาวรีย์คุณกะลา ริมคลองสนามชัย และดูแลด้านความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
ต่อมาลิงแสมได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น ประกอบกับกรุงเทพมหานคร ได้มีคำสั่งที่ 2275/2560 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2560 แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการปัญหาลิง เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอนุรักษ์สัตว์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการที่ปรึกษา และมีผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียนเป็นประธานกรรมการ ซึ่งสำนักงานเขตบางขุนเทียนได้มีคำสั่งที่ 218/2561 ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2561 แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการปัญหาลิง ในพื้นที่เขตบางขุนเทียน และได้ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำแผนและโครงการบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่เขตบางขุนเทียน เพื่อแก้ไขปัญหาเหตุเดือดร้อนราคาญจากลิงแบบบูรณาการ และยั่งยืนในพื้นที่เขตบางขุนเทียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง สร้างความเข้าใจในการมีส่วนร่วมของประชาชนที่เกี่ยวข้อง ลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและเกิดการป้องกันโรคติดต่อระหว่างมนุษย์กับลิง รวมทั้งควบคุมและลดประชากรลิงแสมมิให้เพิ่มจำนวนมากขึ้นด้วยวิธีการทำหมันถาวรในลิงเพศผู้และเพศเมียโดยการผ่าตัดแบบไม่มีผลต่อพฤติกรรมทางเพศแล้วปล่อยกลับคืนฝูงตามธรรมชาติ จำนวน 100 ตัว
ทั้งนี้ สำนักงานเขตบางขุนเทียนมีแนวคิดจะปรับปรุงที่ดินบริเวณพื้นที่ 12 ไร่ ให้เหมาะสมกับสภาพการอยู่อาศัยของลิง ด้วยการสร้างรั้ว ซ่อมแซมสะพานทางเดินของเดิมที่ชำรุด ติดตั้งประปา และสร้างบ่อน้า รวมทั้งปลูกพืชเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยและอาหารของลิงแสม โดยจะรายงานกรุงเทพมหานครเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และขอจัดสรรงบประมาณเพื่อดาเนินการต่อไป
หมายเหตุ : ภาพประกอบ ลิงแสม จาก http://kitti2003.blogspot.com/2017/10/12.html