10 ม.ค.‘บิ๊กโจ๊ก’มาให้ข้อมูล ป.ป.ช.ปมไบโอเมตริกซ์ สตม. 2.1 พันล.-บี้สอบ ผบ.ตร. ด้วย
‘ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ เข้าให้ถ้อยคำอนุฯ ป.ป.ช. ปมยื่นร้องสอบโครงการไบโอเมทริกซ์ สตม. 2.1 พันล้าน เผยมีปัญหาความล่าช้า แต่เอกชนไม่ยอมแก้ไข ระบุขอให้เรียก ‘ผบ.ตร.-บิ๊กตำรวจ’ 4 รายเข้าให้ถ้อยคำ – 10 ม.ค. 63 ‘บิ๊กโจ๊ก’ มาให้ข้อมูลในฐานะพยาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2563 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อประชาชนและสังคม เดินทางเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. กรณียื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องมือในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลแบบลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า (ไบโอเมตริกซ์) ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานตรวจค้นเข้าเมือง (สตม.) วงเงิน 2.1 พันล้านบาท รวมถึงการจัดซื้อรถตรวจการไฟฟ้าของ สตม.
นายษิทรา กล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2562 ให้มีการตรวจสอบโครงการไบโอเมตริกซ์ โดย ป.ป.ช. มีหนังสือแจ้งให้ตนเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ในวันนี้ พร้อมให้ระบุตัวบุคคลที่ต้องการจะให้ไต่สวน ทั้งนี้ได้นำเอกสารหลักฐาน พร้อมรายการใช้งานเครื่องไบโอเมตริกซ์จากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ตามจังหวัดต่าง ๆ เช่น เชียงใหม่ ตาก ชลบุรี ซึ่งทั้งหมดพบว่า ระบบมีปัญหาไม่สามารถใช้งานได้ตามคุณสมบัติที่ระบุไว้ในทีโออาร์ และรายงานปัญหาดังกล่าวไปยังบริษัทคู่สัญญา แต่ไม่ได้มีการแก้ไขใด ๆ นอกจากนี้ในการส่งมอบงานบางงวดเอกชนยังไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนดนัด แต่ สตช. เซ็นตรวจรับงานให้ก่อน เพื่อไม่ให้เอกชนเสียเงินค่าปรับวันละ 5 ล้านบาท รวมถึงกรณีรถตรวจการไฟฟ้าที่จัดซื้อมาในราคาคันละ 4 ล้านบาทอาจใช้งานไม่คุ้มค่า และไม่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณไวไฟได้ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่อาจมีปัญหาสัญญาณอ่อน
นายษิทรา กล่าวอีกว่า ขอให้ ป.ป.ช.เรียกนายตำรวจ 4 คนมาให้ถ้อยคำ ได้แก่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ติณภัทร ภุมรินทร์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (ผบ.สกบ.) โดย 2 คนนี้เกี่ยวข้องในฐานะผู้อนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างโครงการดังกล่าว รวมทั้ง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) และ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ในฐานะเป็นผู้ตรวจรับงานโครงการและเป็นผู้ขยายสัญญาให้กับเอกชน โดยเฉพาะ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ซึ่งย้ายมาจากตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อมาตรวจรับงาน งวดที่ 6 โดยเฉพาะ
นายษิทรา กล่าวว่า ตนยังขอยื่นเอกสารเพิ่มรายชื่อในบัญชีพยานเป็น 13 ปาก เพิ่มเติมจากที่ก่อนหน้านี้มีเพียง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เพื่อขอให้ ป.ป.ช.เรียกมาไต่สวนข้อมูลเพิ่มเติมโดยทั้ง 13 คนประกอบไปด้วยนายตำรวจระดับนายพล 2 คน ระดับนายพัน 10 คน และชั้นประทวน 1 คนโดยทั้งหมดเป็นตำรวจที่เคยเกี่ยวข้องกับการตรวจรับงานโครงการไบโอแมทริกซ์ แต่พบความไม่ชอบมาพากล จึงไม่ได้เซ็นอนุมัติการตรวจรับ และต่อมาตำรวจทั้ง 13 คนถูกย้าย ไปประจำการในตำแหน่งอื่น
ภายหลังการเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. เป็นระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง นายษิทรา ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าว่า หลังจากให้ถ้อยคำตามที่ยื่นร้องเรียน และยื่นรายชื่อพยานเพิ่มเติม หลังจากนี้ ป.ป.ช. จะทยอยเรียกสอบปากคำพยาน เริ่มจากวันที่ 10 ม.ค. 2563 เวลา 09.30 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล จะเข้าให้ปากคำเป็นพยานปากแรก และจะมาพร้อมอดีตรองผู้บัญชาการ สตม. คนที่ไม่ยอมเช็นต์รับมอบโครงการจนถูกย้าย ส่วนพยานคนอื่น ๆ จะทยอยเรียกมาให้ข้อมูลจนครบทั้ง 13 คน
นายษิทรา กล่าวด้วยว่า ทราบว่าที่ผ่านมา ป.ป.ช. เรียกเอกสารจากสำนักงานส่งกำลังบำรุง และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไปมากพอสมควรแล้ว โดยสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่สุ่มตรวจการใช้งานเครื่องไบโอเมตริกซ์ ทั้งนี้หากการไต่สวนพบว่ามีมูล เชื่อว่า ป.ป.ช. จะเรียกผู้ถูกร้องทั้ง 4 คน รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาชี้แจง
อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ยังไม่เรียก‘บิ๊กโจ๊ก’ให้ข้อมูลโครงการไบโอแมทริกซ์ สตม. 2.1 พันล.-สอบคืบ 50%
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/