'อภิชิต วิโนทัย' นายกฯนครตรัง เล่าหมดเปลือก เบื้องลึกถูก ป.ป.ช.ชี้มูลคดีจัดตรุษจีนปี 56
"...หลังจากนี้เชื่อว่าทางจังหวัดน่าจะได้มีการทบทวน และส่งข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวบวกกับพยานเอกสาร ซึ่งมีฝ่ายซึ่งเคยร้องเรียนตนได้เอามาให้เพิ่มเติม ซึ่งเคยนำไปยื่นให้ป.ป.ช เมื่อเดือนสิงหาคม 2562ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งพยานหลักฐานดังกล่าว เป็นพยานหลักฐานที่เห็นได้ชัดว่ามีการกลั่นแกล้งวางแผน เพื่อเล่นงาน เพื่อจะยืมมือป.ป.ช.มาให้ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ พยานหลักฐานดังกล่าวนั้นเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ซึ่งคิดว่าป.ป.ช.ผู้ทรงเกียรติและดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ถ้ามีโอกาสทบทวนก็จะได้หยิบยื่นความเป็นธรรมให้กับตนและพี่น้องประชาชนชาวนครตรัง..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : เป็นเนื้อหาบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มของ นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง ที่ให้กับทีมข่าวพิเศษภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ตนเอง พร้อม นายปัญญา ภิรมย์ รองปลัดเทศบาลนครตรัง และนายสุพร หรือกรธวัฒน์ ตุลาธน ในคดีถูกกล่าวหาว่า ทุจริตดำเนินการจ้างเหมาจัดงานเทศกาลตรุษจีนนครตรัง โครงการอนุรักษ์สืบสานส่งเสริมเอกลักษณ์จารีตประเพณีท้องถิ่น ในการยินยอมให้ผู้รับจ้างเรียกเก็บเงินค่าเช่าพื้นที่ขายของจากผู้ที่มาเปิดร้านโดยไม่มีการนำเงินส่งเป็นรายได้ของเทศบาลนครตรังและจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายสุพร ตุลาธน ได้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับเทศบาลนครตรัง เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2562 ที่ผ่านมา
----------------------------
โดย นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง ชี้แจงว่า สำหรับในกรณีเรื่องงานตรุษจีนและงานต่างๆหลายๆเรื่องที่โดนร้องเรียนนั้น อยากจะชี้แจงความจริงที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันให้สังคมรับทราบว่า แรกเริ่มเดิมทีได้มีกระบวนการในการร้องเรียนตนในเรื่องดังกล่าว โดยได้มีการวางแผนเป็นขั้นตอนมา ตั้งแต่ตอนแรกที่เข้ามาทำงาน จะโดนร้องเรียนทุกเรื่อง และก็ได้เคยเรียนให้ป.ป.ช.ทราบแล้วในรายละเอียดต่างๆเหล่านี้
“สำหรับในเรื่องงานตรุษจีนที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลผมนั้น ผมน้อมรับ แต่ถ้าไปอ่านคำสั่งป.ป.ช.ให้ดีโดยละเอียด ป.ป.ช.บอกว่า ปฏิบัติไม่ชอบด้วยหน้าที่ แต่ไม่มีเรื่องทุจริต หรือ ระบุว่าผิดมาตรา 157 แต่ไม่ผิดเรื่องทุจริต ผมก็เคารพในการตัดสินใจของป.ป.ช. แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้มันมีข้อเท็จจริง ซึ่งทางจังหวัดตรังโดยผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้น ได้ดำเนินการสอบสวนผม เพราะว่าผมถูกแขวนตามมาตรา 44 โดยคำสั่งของคสช. ต่อมา ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 2 สมัย ก็ได้ดำเนินการสอบสวนตามคำสั่งของคสช. ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเต็มรูปแบบ และได้มีการตรวจสอบว่า ในการจัดงานดังกล่าว เป็นไปตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งผลของการสอบสวน คณะกรรมการได้พบความจริงว่าดำเนินการถูกต้องตามระเบียบ และระบุว่าได้มีการกลั่นแกล้งผมตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องให้ได้รับความเดือดร้อนด้วยซ้ำไป ซึ่งตรงนี้เป็นพยานหลักฐานสำคัญ ซึ่งทางป.ป.ช.อาจจะยังไม่ได้รับมาก่อน”
นายอภิชิต ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้เชื่อว่าทางจังหวัดน่าจะได้มีการทบทวน และส่งข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวบวกกับพยานเอกสาร ซึ่งมีฝ่ายซึ่งเคยร้องเรียนตนได้เอามาให้เพิ่มเติม ซึ่งเคยนำไปยื่นให้ป.ป.ช เมื่อเดือนสิงหาคม 2562ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งพยานหลักฐานดังกล่าว เป็นพยานหลักฐานที่เห็นได้ชัดว่ามีการกลั่นแกล้งวางแผน เพื่อเล่นงาน เพื่อจะยืมมือป.ป.ช.มาให้ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ พยานหลักฐานดังกล่าวนั้นเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ซึ่งคิดว่าป.ป.ช.ผู้ทรงเกียรติและดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ถ้ามีโอกาสทบทวนก็จะได้หยิบยื่นความเป็นธรรมให้กับตนและพี่น้องประชาชนชาวนครตรัง
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความสับสนเรื่องผลพวงจากคำสั่งของป.ป.ช.ในทางกฎหมายต่างๆ ว่าต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายกเทศฒนตรีนครตรังกล่าวว่า “ตอนนี้มีขบวนการการสร้างความสับสน พี่น้องประชาชนที่อ่านในเพจต่างๆ หรือใน Facebook ต่างๆ แต่ผมไม่อยากเปิดศึกหลายด้านในเรื่องคดีว่าเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่ แต่ว่าถ้อยคำที่เขียนในโลกโซเซียลมีเดียต่างๆ เหมือนอย่างมีบางเพจมีการจั่วหัว หรือพาดหัวข่าวว่า เป็นเรื่องทุจริต จริงๆ ผมไม่ได้โดนข้อหาทุจริต ที่ป.ป.ช.ชี้มูลผม เป็นเรื่องปฏิบัติไม่ชอบด้วยหน้าที่เท่านั้น ซึ่งผิดตามมาตรา 157 ซึ่งก็ต้องมาดูว่าการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายกับทางราชการหรือเปล่า"
"ผมยืนยันว่าให้สอบถามพี่น้องประชาชน และพยานหลักฐานถ้าได้ตรวจพิสูจน์ ที่ทางจังหวัดได้พิสูจน์มาแล้ว เราล้วนทำงานด้วยความตั้งใจ ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เป็นประโยชน์สุขต่อประชาชนที่ได้รับ เป็นที่ประจักษ์ของประชาชน ชอบเทศบาลนครตรัง”
นายกเทศมนตรีนครตรังรายนี้ ยังระบุว่า สำหรับในเรื่องการจัดงานตรุษจีนนี้ ขอเรียนว่าเรื่องจริงที่นำเรียนป.ป.ชนั้น แล้วก็เป็นข้อเท็จจริงซึ่งทางปปช.มีอยู่ แต่พยานของตนนั้น ทาง ป.ป.ช.ไม่ได้หยิบมาวินิจฉัย
"จริงๆแล้วการจัดงานดังกล่าว เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการจัดจ้างตามหน้าที่ปกติ แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ได้ช่วยดำเนินการ มีการประชุมกันหลายครั้ง ปลัดเทศบาลในขณะนั้นเอง กลับไม่เคยเข้าประชุมเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในส่วนของหัวหน้าสำนักปลัด ซึ่งเป็นผู้ซึ่งจะต้องรับผิดชอบในเรื่องงานดังกล่าว ก็เข้าประชุมเพียง 2 ครั้ง ในจำนวน 7 ครั้ง เวลาก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดไม่สามารถที่จะจัดจ้างตามวิธีปกติได้ตามที่เจ้าหน้าที่ได้แนะนำ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2556 ได้มีนายสุพร หรือนายกรธวัฒน์ ตุลาธน ผู้รับเหมาได้ขึ้นมาพบที่ห้องทำงาน โดยได้บอกว่าเจ้าหน้าที่ที่ห้องคลังให้มาพบ ตนก็สอบถามว่าเรื่องอะไรและเป็นใคร นายสุพรจึงเล่าให้ฟังว่าเขาเคยทำงานเฉลิมพระชนมพรรษาที่จังหวัดตรัง และก็สนใจงานตรุษจีนและมาติดต่อที่ห้องคลัง
"ตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องซึ่งเราเองในฐานะที่เป็นผู้นำท้องถิ่น ถือว่างานตรุษจีนเป็นงานประเพณีก็เรียกผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุย หลังจากนั้นก็มีการดำเนินการพูดคุยกันระหว่างเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งตัดสินใจว่าให้เขาดำเนินการทำงานตรุษจีนเวทีนั้น เราก็จัดงานเป็น 2 จุดด้วยกัน จุดแรกจัดที่ด้านล่าง ด้านหอนาฬิกาจุดดังกล่าวพ่อค้าแม่ค้ามาขายของ ทุกคนก็มีความสุขกันเทศบาลจัดวันที่ 9-11 กุมภาพันธ์ 2556 ก็ไม่มีการเก็บเงินหรือผลประโยชน์จากแม่ค้าแม้แต่น้อย"
"ในส่วนเวทีของด้านบนซึ่งเป็นลาน “ร. 5” ด้านหน้าอบจ.ตรัง ตรงจุดนั้นมีการเก็บค่าใช้จ่าย เนื่องจากว่าสมัยนั้นทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านได้แนะนำบอกว่าให้ช่วยทำงานให้ต่อเนื่องกัน เรียกว่าเทศกาลแห่งความสุขในช่วงวันที่ 7-15 กุมภาพันธ์ 2556 โดยให้ผู้จัดงานจัดเวทีเวทีหนึ่ง แล้วทางหอการค้า สโมสรโรตารี และทางแม่ค้าก็ช่วยเหลือเงินในเวทีเวทีหนึ่ง ความจริงทั้งหมดเป็นแบบนี้ แล้วเทศบาลก็ไม่ได้ไปหาผลประโยชน์ตรงนั้นเลย แต่ได้ช่วยงานวิวาห์ใต้สมุทรไปด้วย"
นายอภิชิต ยังกล่าวว่า "สำหรับเรื่องงบประมาณในปีนั้นได้มีการตั้งไว้ เป็นการประหยัดงบด้วยซ้ำ เดิมตั้งไว้ราว 2.6 ล้านบาทแต่เมื่อมีการตรวจรับงานก็ได้มีการตัดสิ่งที่ไม่ตรงหรือสิ่งซึ่งได้รับการเห็นว่ามันไม่ถูกต้องออกไปอีก 7.8 แสนบาท รวมแล้วใช้เงินไปประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ซึ่งกว่าจะเบิกงบประมาณได้ก็ใช้ระยะเวลาประมาณ 7-8 เดือน จึงอยากชี้แจงในประเด็นที่ตั้งคำถามในเรื่องเอื้อประโยชน์ คือ 1.ผมกับนายสุพรไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่มีความจำเป็นต้องไปเอื้อประโยชน์กับนายสุพร 2. ในการจัดงานดังกล่าวเนื่องจากเวลากระชั้นชิดและมีคนมาติดต่องานและไม่ใช่มีนายสุพรคนเดียว มีคนอื่นมาติดต่อด้วย แต่คนอื่นไม่กล้าจะทำเนื่องจากเวลากระชั้นชิด มีนายสุพรเพียงคนเดียว และเท่าที่ฟังจากคณะกรรมการที่เป็นผู้จัดงาน นายสุพรกล้าตัดสินใจที่จะทำ ผมมาทราบภายหลังว่านายสุพรได้ขนเครื่องไม้เครื่องมือมา และมีคนมองว่า นายสุพรได้ดำเนินงานก่อนวันทำสัญญา ซึ่งตรงนั้นนายสุพรเนี่ยเขาก็เป็นคนตัดสินใจเองว่าเขาต้องลงมือทำก่อน เพราะไม่อย่างนั้นจะทำไม่ทัน ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบรายละเอียดที่แท้จริงทั้งหมด"
“เรื่องความล่าช้าของกลไกปฏิบัติจนเหลือเวลาน้อย ต้องใช้วิธีพิเศษ ผมบอกว่ากลไกทางข้าราชการเป็นกลไกทางการเมืองของฝ่ายตรงข้ามทั้งสิ้น เขาก็วางเฉยเสียส่วนใหญ่ แม้เราจะมีการประชุมเขาก็ไม่ดำเนินการให้ เขาก็ใส่เกียร์ว่าง พูดกันตรงๆก็เป็นอย่างนั้น ซึ่งคนที่อยู่ในวงการการเมืองหรือว่าคนที่มีสติพอจะคิดได้ ก็น่าจะเข้าใจได้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น”นายอภิชิตระบุ
(ดูบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มในคลิปประกอบ)
อ่านประกอบ :
ป.ป.ช.ฟันนายกเทศมนตรีนครตรัง-พวก จัดงานตรุษจีนปี 56 เอื้อเอกชน
โพรไฟล์ 'สุพร' โดน ป.ป.ช.ฟันคดีตรุษจีนปี56! ผูกรับจัดงานประเพณีเทศบาลตรัง 4 โครงการรวด
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/