‘วีระ’ เชื่อพรรคสังกัด-คนใกล้ชิด อุ้ม ‘ปารีณา’ หวั่นไม่พ้น ส.ส. -บ้านเมืองอยู่ไม่ได้
ใครอุ้มปารีณา ปมครอบครองที่ดิน ‘วีระ’ ชี้ใกล้ชิดใคร อยู่พรรคไหน คนนั้นอุ้ม ใช้อำนาจรัฐที่มีกองทัพหนุน ซัดปล่อยลอยนวล ไม่ติดคุก พ้น ส.ส. บ้านเมืองอยู่ไม่ได้ รัฐบาลเดิมพันสูง ‘ศรีสุวรรณ’ เตรียมฟ้องศาลปค. -ร้องทุกข์กล่าวโทษ เลขาธิการ ส.ป.ก. ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ หากไม่ดำเนินคดีตามกม.
วันที่ 22 ธ.ค.2562 สภาที่ 3 ร่วมกับคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน จัดเวทีสภาที่ 3 ตรวจสอบการคอร์รัปชันอำนาจ กรณีใครอุ้มปารีณา? ณ ห้องประชุม ชั้น 2 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ
นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน กล่าวว่า กรณีการครอบครองที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ราชบุรี จากพรรคพลังประชาชารัฐ (พปชร.) ถือเป็นการท้าทายกฎหมายอย่างมาก ทั้งที่ผ่านมามีประชาชนถูกดำเนินคดีจากการบุกรุกที่ดินของรัฐหลายหมื่นคน
“กรณีของ น.ส.ปารีณา นั้น แม้ไม่ต้องพูดอะไร ประชาชนเห็นทั้งประเทศ น.ส.ปารีณาไม่เคยปฏิเสธว่าไม่เคยครอบครอง แต่ยืนยันมาตลอดว่าครอบครองมาก่อนประกาศเป็นพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ด้วยซ้ำ พูดชัดมาโดยตลอดแต่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ดูแล ควบคุม ลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งจะให้ดำเนินการลงโทษ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กลับยึกยัก ไม่กล้าทำอะไรอย่างตรงไปตรงมา ผิดกับกรณีชาวบ้านที่กระทำความผิดเช่นเดียวกัน พบว่า มีการจับกุมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทันที”
ถามว่าใครอุ้ม น.ส.ปารีณา เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ระบุ น.ส.ปารีณา อยู่พรรคใด พรรคนั้นอุ้ม น.ส.ปารีณา เป็นคนของใคร ใกล้ชิดกับใคร เคยเข้าไปกอดใคร คนนั้นอุ้ม และไม่ใช่อุ้มหรือเพิ่งอุ้ม ตั้งแต่มีรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือตั้งแต่ก่อนจะมีการเลือกตั้ง เราเห็นว่า มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมไทยในลักษณะดังกล่าวมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น กรณีมีการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ กรณีการทุจริตขององค์การทหารผ่านศึก กรณีพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา บรรจุแต่งตั้งบุตรชายเข้ารับราชการทหารผิดกฎหมาย รวมถึงคดีนาฬิกาของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
“กรณีของน.ส.ปารีณา จึงไม่ต้องสงสัยว่าใครอุ้ม เพราะพรรคฝ่ายค้านไม่มีความสามารถหรือศักยภาพ อำนาจรัฐใด ๆ จะไปอุ้ม ผู้อุ้มได้ต้องมีอำนาจรัฐ และไม่ใช่อำนาจธรรมดา แต่เป็นอำนาจรัฐที่มีกองทัพหนุน และอำนาจรัฐนี้ได้แผ่ไปยังองค์กรอื่น ๆ หลายองค์กรและหลายสถาบัน เช่น ฝ่ายนิติบัญญัติ เข้าไปสู่ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม”
นายวีระ ยังระบุถึงการดำเนินการกรณีดังกล่าว ว่าติดปัญหายึกยัก ต้องรอตรวจสอบให้รอบคอบ ในขณะที่ความผิดเดียวกันของประชาชนกลับไม่รอบคอบ พบว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมทันที แม้คดียังไม่ถึงที่สุด มีการปรับ ตัดต้นไม้ของชาวบ้านที่ปลูกในพื้นที่ป่า บางพื้นที่มีการเผากระท่อม จึงเป็ความเจ็บปวดของคนส่วนใหญ่ ซึ่งถูกกระทำจากอำนาจรัฐมาแล้ว
“ไม่ได้บอกว่าประชาชนบุกรุกป่าไม่ผิดกฎหมาย แต่อะไรถูกบัญญัติเป็นการกระทำที่ผิด ไม่ว่าใครทำก็ผิด คนทำไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวย หรือคนที่ไม่มีอำนาจหรือมีอำนาจ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน” เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน กล่าว และว่า ขณะที่ กรณี น.ส.ปารีณาเป็นการท้าทาย หากจะให้ลอยนวลไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องหลุดจากส.ส. เห็นว่า รัฐบาลกำลังเดิมพันสูง เพราะต้องเอาระบบนิติรัฐมาแลก หากเป็นเช่นนี้บ้านเมืองอยู่ไม่ได้
นายวีระ กล่าวอีกว่า รัฐบาลหวังเพียง น.ส.ปารีณาติดคุกไม่ได้ หลุดจากส.ส.ไม่ได้ เพราะเสียงปริ่มน้ำ และ น.ส.ปารีณาเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ถือเป็นภาพลักษณ์ของรัฐบาลในการให้ผิดติดคุกหรือหลุดจากส.ส.ไม่ได้ จึงนับเป็นการท้าทายความรู้สึกประชาชนอย่างมาก และเป็นฟางเส้นสุดท้าย อย่างไรก็ดี มีความปรสงค์อย่างเดียว คือ อยากให้กฎหมายยังศักดิ์สิทธิ โดยต้องใช้บังคับและลงโทษกับทุกคนที่ทำความผิดและถูกใช้อย่างตรงไปตรงมา ไม่เลือกปฏิบัติ ภายใต้กมาตรฐานเดียวกัน
ด้าน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า กรณีของ น.ส.ปารีณาได้รับความสนใจจากประชาชน เพราะเป็นเรื่องเข้าข่ายผิดกฎหมายชัดเจนเกี่ยวกับการบุกรุกแผ้วถางที่ดินของรัฐ ในที่นี้แบ่งเป็นสองส่วน คือ ที่ดินของกรมป่าไม้ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และที่ดินในการยึดถือครอบครองของ ส.ป.ก. เนื่องจากถูกกรมป่าไม้มอบที่ดินดังกล่าวให้ส.ป.ก.ไปดำเนินการจัดสรรเพื่อให้เกษตรกร ซึ่งเข้าข่ายตามกฎหมาย เพื่อทำเกษตรกรรม ฉะนั้นการที่กรมป่าไม้มอบที่ดินดังกล่าวให้ ส.ป.ก.ดำเนินการแล้ว กลับละเลย ละเว้น เพิกเฉย ไม่จัดสรรที่ดินดังกล่าวให้เกษตรกร แต่กลับปล่อยให้น.ส.ปารีณา และบิดายึดถือครอบครองและทำประโยชน์ต่อเนื่องมา จนกระทั่งถูกขุดคุ้ย
“เมื่อนักการเมืองเข้ามาทำประโยชน์แล้ว จึงเป็นการขัดต่อกฎหมายชัดเจน โดยเฉพาะที่ดินดังกล่าว คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แม้รับมอบจากกรมป่าไม้ ยังไม่ได้นำมาประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ฉะนั้นโดยนัยยะทางกฎหมายจึงยังเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ถือเป็นอำนาจของกรมป่าไม้ต้องนำไปดำเนินการ จะมาอ้างว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก. กรมป่าไม้ไม่มีอำนาจเข้าไปดำเนินการ คงไม่ได้”
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวต่อว่า กรณีนี้เป็นหน้าที่ของภาครัฐ โดยเฉพาะกรมป่าไม้ต้องไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งดำเนินการแล้ว แต่ส่วนของ ส.ป.ก.นั้น เมื่อกรมป่าไม้มอบอำนาจให้ส.ป.ก.ใช้อำนาจตามพ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 แล้ว ถือเป็นอำนาจต้องดำเนินการ จะไปโบ้ยว่าไม่ใช่หน้าที่หรือโบ้ยว่าถ้าคืนที่ดินกลับมาสู่ส.ป.ก.แล้วจะไม่มีความผิดไม่ได้
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ มาตรา 24 ระบุไว้ชัดเจนว่า คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม คณะอนุกรรมการ เลขาธิการ รองเลขาธิการ พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา ฉะนั้นเมื่อพบเห็น หรือทราบว่ามีผู้ใดเข้ามาครอบครองที่ดินส.ป.ก. มีสิทธิครองครองอยู่ถือเป็นผู้บุกรุกที่ดิน สปก. การบุกรุกเป็นโทษทางอาญา ไม่ใช่โทษทางแพ่ง
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า เมื่อเป็นโทษทางอาญาจึงเป็นหน้าที่ของเลขาธิการ ส.ป.ก. ต้องไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ เอาผิด น.ส.ปารีณา แต่เท่าที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นว่าจะทำหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด แต่พยายามจะโบ้ยว่าไม่ใช่ความผิดทางอาญา มองเป็นความผิดทางแพ่ง ซึ่งไม่ใช่เช่นนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีประชาชนกลับถูกพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะกรมป่าไม้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยเฉพาะกรณีการทวงคืนผืนป่า ที่อ้างคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 64/2557 ตัดต้นยางพารา ทำให้ประชาชนน้ำตาร่วง แม้จะมีคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 66/2557 ออกมาแก้ไขว่าไม่เกี่ยวกับคนยากจน แต่เห็นว่าร้อยละ 80-90 ถูกเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ตรวจยึดและดำเนินคดีในชั้นศาลทุกวันนี้นั้นล้วนเป็นคนยากจน
“น.ส.ปารีณา ไม่มีสิทธิใด ๆ ทั้งสิ้นในการยึดถือครอบครองที่ดินตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพราะพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะประโยชน์ของผู้ที่เป็นเกษตรกรจะได้รับการจัดสรรที่ พ.ศ. 2535 ระบุชัดว่า ต้องเป็นผู้ยากจน จบการศึกษาด้านเกษตรกรรม และเป็นทายาทเกษตรกร” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และว่า น.ส.ปารีณาเป็นนักการเมืองมาเกือบ 10 ปี แล้ว พ่อเป็นนักการเมือง ไม่ใช่เกษตรกร ฉะนั้นไม่มีคุณสมบัติใดจะยึดถือครอบครองที่ดินแปลงนี้ และมีความพยายามขอกลับมาใช้ประโยชน์ในที่ดินอ้างว่าคืนให้ส.ป.ก.ใหม่ โดยสงวนสิทธิ ซึ่งได้ทำหนังสือถึงเลชาธิการ ส.ป.ก.ว่า จะอ้างสงวนสิทธิไม่ได้ เพราะไม่มีสิทธิมาตั้งแต่ต้น
นายศรีสุวรรณ ยังระบุเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการ ส.ป.ก. ให้ดำเนินคดีกับน.ส.ปารีณาและนักการเมืองคนอื่น ๆ ที่ยึดครองที่ดินส.ป.ก. รวมทั้งหมด 12 คน ในทางอาญา ไม่ใช่ทางแพ่ง หรือเรียกคืนอย่างเดียว ส่วนเลขาธิการ ส.ป.ก. จะทำตามอำนาจหน้าที่หรือไม่ ต้องติดตามต่อไป เว้นแต่เกินระยะเวลา 60 วันนับแต่วันที่ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการ หากพบว่าเลขาธิการ ส.ป.ก.ไม่ดำเนินการทางคดีกับ น.ส.ปารีณา และนักการเมืองคนอื่น ๆ จะนำคดีนี้ขึ้นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อกดำเนินการตามกฎหมาย และร้องทุกข์กล่าวโทษทางอาญากับเลขาธิการ ส.ป.ก. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 .
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/