ตามเจอหลังแจ้งสาบสูญ! ป.ป.ช.จับสดคาตลาด อดีต จนท.ประชาสงเคราะห์ชัยภูมิ เบียดบังเงิน 9 ล.
ป.ป.ช. โชว์จับสด! กลางตลาดใน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เป็นอดีต จนท.การเงิน 5 สำนักงานประชาสงเคราะห์ จ.ชัยภูมิ เบียดบังเงินราชการ 9.2 ล้าน หนีหมายศาลตั้งแต่ปี 54 ให้ภรรยาร้องหายสาบสูญ ก่อนดอดมาค้าขายของชำ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เมื่อวันเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 16 ธ.ค. 2562 นายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เข้าจับกุมนายชาญชิต พิทักษ์พลรัตน์ อดีตเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 5 สำนักงานประชาสงเคราะห์ จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิ เมื่อปี 2554 คดีเบียดบังเงินของทางราชการจำนวน 9,221,225 บาท
นายสุทธิ บุญมี กล่าวว่า นายชาญชิต พิทักษ์พลรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 5 สำนักงานประชาสงเคราะห์ จ.ชัยภูมิ ได้บียดบังเงินของทางราชการจำนวน 9,221,225 บาท ไปเป็นประโยชน์ส่วนตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติชี้มูลความผิดทางอาญา ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 และมาตรา 161
อย่างไรก็ดีนายชาญชิต ไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการเพื่อฟ้องคดีต่อศาล คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงขอให้ศาลที่มีเขตอำนาจออกหมายจับ และศาลจังหวัดชัยภูมิได้ออกหมายจับ ที่ 9/2554 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 อย่างไรก็ตามจากการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวนายชาญชิต ผู้ต้องหาตามหมายจับ ปรากฏว่านายชาญชิต ถูกศาลจังหวัดชัยภูมิสั่งให้เป็นบุคคลสาบสูญ ตั้งแต่ปี 2554 โดยผู้ยื่นคำร้องต่อศาลคืออดีตภริยา แต่เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษยังไม่ปักใจเชื่อว่านายชาญชิต จะเป็นบุคคลสาบสูญจริงจึงเริ่มกระบวนการสืบสวนเชิงลึก หาพยานหลักฐานว่านายชาญชิต ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จนได้ข้อมูลและเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารแห่งหนึ่งที่นายชาญชิต ยื่นคำขอเปิดบัญชีร่วมกับภรรยาคนปัจจุบัน (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) เมื่อปี 2560 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากศาลมีคำสั่งให้นายชาญชิต เป็นบุคคลสาบสูญ
ต่อมาสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ได้ดำเนินการสืบสวนหาตัวนายชาญชิต โดยเริ่มจากที่อยู่ตามคำขอเปิดบัญชีธนาคาร และต่อมาทราบว่าที่อยู่ดังกล่าวเป็นบ้านของภรรยาคนปัจจุบัน ซึ่งเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ปี 2560 แต่นายชาญชิต ยังคงครอบครองและอยู่อาศัยเรื่อยมา นอกจากนี้ยังปรากฏว่านายชาญชิต ได้ครอบครองรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ตง 0297 ที่มีชื่อภรรยาคนปัจจุบันซึ่งเสียชีวิตแล้ว เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และใช้เป็นยานพาหนะในการประกอบธุรกิจขายของชำ เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ โดยมักจะไปเลือกซื้อของจากตลาดสี่มุมเมือง ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานีเป็นประจำ สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษจึงได้วางแผนปฏิบัติการลงพื้นที่ และสนธิกำลังร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา ณ ตลาดสดแห่งหนึ่งในตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดยจะนำตัวนายชาญชิต ผู้ต้องหาตามหมายจับส่งให้พนักงานอัยการเพื่อฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/