แม่ทัพ 4 สั่งปรับแผนห้ามเฝ้าป้อม-นอนฐาน - ปากคำชาวบ้านคนร้ายมีสาหัส
เหตุการณ์กลุ่มก่อความไม่สงบโจมตีป้อม-จุดตรวจ ชรบ.ในพื้นที่ ต.ลำพะยา อำเภอเมืองยะลา ถูกระบุว่าเป็นเหตุรุนแรงที่สร้างความสูญเสียให้กับกองกำลังพลเรือนและภาคประชาชนมากที่สุดครั้งหนึ่งของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้แม่ทัพต้องสั่งเร่งปรับแผนเฝ้าระวังเหตุร้าย
พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ หรือ "บิ๊กเดฟ" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวระหว่างลงตรวจพื้นที่เกิดเหตุโจมตีจุดตรวจ ชรบ.ใน ต.ลำพะยา อ.เมืองยะลา ว่า ตั้งแต่นี้ไปจะต้องปรับแผนรักษาความปลอดภัยพื้นที่ โดย ชรบ.และกองกำลังประชาชนจะต้องไม่อยู่เฝ้าฐาน หรือจุดตรวจ เพราะจะตกเป็นเป้า แต่ต้องเน้นจรยุทธ์มากขึ้นกว่าเดิม
"เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่มีการโจมตีจุดตรวจแล้วทำให้กองกำลังฝ่ายพลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สาเหตุที่เลือกเป้าแบบนี้ เพราะเป็นเป้าหมายอ่อนแอ เป็นชาวบ้านที่เสียสละ เสร็จจากทำไร่ทำนาก็มาช่วยตรวจตราหมู่บ้าน จึงกลายเป็นเป้าหมายหลัก ขณะเดียวกันระยะหลังคนร้ายหาเป้าที่เป็นทหารลำบากขึ้น เพราะทหารเข้มแข็งขึ้นมาก ทหารพรานก็ลาดตระเวนพร้อมตอบโต้"
"ขณะที่จุดตรวจ ชรบ.ที่โดนโจมตีก็ตั้งอยู่ในป่า ฉะนั้นจึงต้องปรับแผนอย่างรวดเร็ว โดยกองกำลังควรเน้นจรยุทธ์ คือเคลื่อนที่ ไม่อยู่กับที่ ไปอยู่ใต้ถุนบ้าน บ้านใครบ้านมัน หรือบ้านใครสักหลังหนึ่ง ไม่ใช่นอนในฐาน หรืออยู่ฐานอยู่ป้อม เพราะเป็นที่สว่าง รอบๆ ป้อมเป็นที่มืด คนร้ายมาจากสวนยาง ยิงใส่แล้วหนีไป โดยเขาเขียนแผนเตรียมการได้เป็นเดือน ฉะนั้นต้องรีบปรับแผนเพื่อไม่ให้สูญเสียต่อไปอีก" บิ๊กเดฟ ระบุ
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวอีกว่า ผู้ก่อเหตุยังเป็นกลุ่มเดิมๆ ซ่อนอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งทางฝ่ายความมั่นคงขึ้นบัญชีเอาไว้ 118 หมู่บ้าน จึงเรียกร้องให้พี่น้องประชาชน ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ดูแลท้องที่ แจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ด้วย รวมทั้่งน่าจะรวมตัวกันแสดงพลังปฏิเสธความรุนแรง
"ผู้ก่อเหตุยังเป็นกลุ่มเดิมๆ ปัญหาคือพวกนี้อยู่ในหมู่บ้าน อยู่ตามบ้าน ใต้เตียง ใต้หลังคา ใต้ถุนบ้าน ใต้ที่ล้างจาน มีการดัดแปลงพื้นที่ ดัดแปลงบ้านเป็นฐานที่มั่น ฉะนั้นพี่น้องประชาชนต้องบอกเจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านต้องคุย ผู้ก่อเหตุไม่ได้อยู่บนภูเขา แต่ดัดแปลงพื้นที่ให้เป็นฐานที่มั่นในการหลบซ่อน หลังก่อเหตุจึงหายไปได้ทุกที คนพวกนี้ไม่ได้ไปไหน แต่หลบอยู่ตามบ้าน"
"หมู่บ้านที่มีปัญหาแบบนี้ เรารวบรวมไว้มี 118 หมู่บ้าน ก็พยายามปิดพื้นที่ แต่ไม่ใช่ทหารปิด เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านนำเข้าไป ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ไม่มีการใช้ความรุนแรง นี่คือความจำเป็นของการบังคับใช้กฎหมาย ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไม่ใช่กฎหมายพิเศษ เพราะกฎหมายใช้มานานแล้ว บางฉบับใช้มาตั้งแต่ปี 2457 (พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก) จึงขอฝากถึงประชาชนให้ชักชวนกันออกมาแสดงพลังยุติความรุนแรง ซึ่งความรุนแรงมาจากฝ่ายเดียวเท่านั้น ฝ่ายรัฐไม่เคยใช้ความรุนแรง ฉะนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกันปฏิเสธคนนอกประเทศที่สั่งมา ปฏิเสธคนในประเทศที่สั่งให้มีเหตุรุนแรง เพราะเราต้องอยู่ในพื้นที่นี้ ต้องอยู่ให้มีความสุข" บิ๊กเดฟ ระบุ
แฉฝ่ายคนร้ายเจอยิงสวนบาดเจ็บสาหัส
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวทิ้งท้ายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการโจมตีเป้าหมายอ่อนแอ สร้างภาพข่าวให้คนไทยเห็น โจมตีแล้วก็ถอยอย่างรวดเร็ว แต่ฝ่าย ชรบ.ก็ยิงตอบโต้ มีคนเจ็บ มีรอยเลือด เห็นกองเลือด และร่องรอยเข้าไปในป่า ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งรัดติดตามจับกุมและบังคับใช้กฎหมายต่อไป
คำสัมภาษณ์ของแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ระบุว่าคนร้ายได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ สอดคล้องกับข้อมูลจากชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ โดยชาวบ้านรายหนึ่งบอกกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า คืนเกิดเหตุมี ชรบ.มาอยู่เวรทั่งป้อม กำนันจัดเวรให้แต่ละหมู่ส่งกำลังมา 1 คนหรือ 2 คน มาอยู่เวรแต่ละคืน และวันอังคารมีการประชุมกัน โดยมีชาวบ้านมาอยู่ด้วย มาเยี่ยมเยียนมาพูดคุย ทำอาหารกินดอนดึก
"เวลา 4-5 ทุ่มโดนประมาณ มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 7-8 คน เดินด้วยเท้า ล้อมป้อม แล้วกราดยิง มีหนึ่งในผู้ถูกยิงกระโดดหลบ ยังถูกยิง แล้วยิงสวนกลับมา ทำให้โดนผู้ก่อเหตุ 1 คน เห็นเพื่อนผู้ก่อเหตุหามเข้าไปในป่า โดยมีเลือดหยดเป็นทางยาว คาดว่าคนร้ายที่ถูกยิงอาจบาดสาหัสหรือไม่ก็ตาย" ชาวบ้านใกล้จุดเกิดเหตุ เล่านาทีระทึก
----------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุโจมตีป้อม ชรบ.
อ่านประกอบ :
คนร้ายบุกโจมตีจุดตรวจ ชรบ.ในยะลา ดับ 14 ศพ-ชิงปืน!
เปิดรายชื่อผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บจากเหตุโจมตี ชรบ.ในยะลา
เมื่อกองกำลังประชาชนตกเป็นเป้า! ประเมิน 4 ปัจจัยไฟใต้ปะทุอีกระลอก