'น้องนาเดีย'.. นางฟ้าในป่ายาง
"...คุณย่าของเธอบอกว่า ก่อนไปส่งที่โรงเรียน ก็จะให้ “น้องนาเดีย” มาช่วยงานก่อน ผมดูเผินๆ อาจจะเป็นงานหนักเกินวัยสำหรับเด็กน้อยผู้กำลังเรียนอยู่แค่ชั้นอนุบาล 3 อย่างเธอ แต่มองอีกด้าน ผมเข้าใจเอาจากรอยยิ้มและแววตา เธอกลับมีความสุข เหมือนได้เล่นของเล่นที่ชอบไปด้วย..."
ที่เมืองเล็กๆชายฝั่งทะเลอันดามัน อย่าง “จังหวัดตรัง” ทุกๆวันผมตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อออกไปปั่นจักรยานราวๆ 6 โมงเช้า ขอบฟ้าฟากตะวันออก เรื่อเรืองไปด้วยสีทองเข้ม ที่ค่อยๆจางลงจนเป็นสีเทาหม่นๆ เนื่องจากเป็นฤดูแห่งมรสุม
@ วานิช สุนทรนนท์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฅนตรัง
ธรรมชาติได้จัดสรรสรรพสิ่งได้อย่างลงตัวบ้าง ไม่ลงตัวบ้าง แต่เราต้องยอมรับกับความเป็นจริงที่เป็นไปในยามนี้ โดยเฉพาะสถานการณ์สินค้าเกษตรหลักทางภาคใต้ที่ตกต่ำ โดยเฉพาะ “ยางพารา” และ “ปาล์มน้ำมัน”
ส่วนสิ่งใด หรือใคร จะเป็นสาเหตุของเรื่องดังกล่าว ผมคงเข้าไม่ถึงและไม่สามารถบอกได้
ผมออกเดินทางจากบ้านในตัวอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เหมือนที่ปั่นไปบ่อยๆ วันนี้ดีตรงที่ปั่นได้ดี ทำความเร็วได้ดี ไม่เหนื่อยง่าย หายใจเต็มปอด อากาศเย็นเล็กน้อย ไม่เหมือนกับหลายวันก่อนที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันนี้ แต่หนาวเข้ากระดูก เพราะอากาศชื้นในยามหน้าฝน ได้ทิ้งร่องรอยของไอหมอหนาทึบไว้ให้ได้สัมผัสในยามเช้าแทบทุกวัน
ปั่นไปก็สว่างไป ความหวังที่จะไปถ่ายพระอาทิตย์แรกขึ้นระหว่างทางจึงเป็นไปไม่ได้ เพราะเหนือเทือกเขาบรรทัดที่เบื้องหน้า มีเมฆหนาๆปกคลุม เมื่อพระอาทิตย์ผุดโผล่ขึ้นมาเหนือเมฆนั้นได้ ก็คงจะมีแสงจ้ามากเกินไปแล้ว
จุดระหว่างทางที่ผมว่า คือบริเวณหน้าบ้านของ “น้องนาเดีย” ที่ผมมักพูดถึงอยู่บ่อยๆ และถ่ายรูปมาให้ดูแล้วหลายครั้งในเฟซบุ๊ก “วานิช สุนทรนนท์”
ฝั่งตรงข้ามบ้านของ “น้องนาเดีย” จะมีที่ว่าง ถัดไปหน่อยจะเป็นทิวสวนมะพร้าว ส่วนลิบๆนั่นเป็นทิวเขาบรรทัด แนวเทือกเขาที่เป็นเหมือนกระดูสันหลังของภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งเป็นลักษณะของด้ามขวานทองที่ทุกคนเรียกขาน และเมื่อตะวันขึ้นมา ก็จะแย้มยิ้มงดงามตรงนั้น
แต่วันนี้อดทั้งการเฝ้าดูดาวดวงแดงแรกแย้ม และอดที่จะทักทาย “น้องนาเดีย” เพราะประตูบ้านของเธอปิดเงียบ ผมนึกในใจว่า เธอคงจะยังไม่ตื่น หรือคุณย่าของเธอ คงพาออกไปช่วยเก็บน้ำยางแล้ว ผมจึงปั่นผ่านไปเงียบๆ แต่ไม่กี่สิบเมตรจากตรงนั้น ก็ได้ยินเสียงใสๆ เรียกมาแต่ไกล
“ตา… ตา…” ผมหันกลับไปมองเข้าไปในสวนยางทางขวามือทันที “น้องนาเดีย” กำลังเรียก ส่งเสียงแข่งกับคุณย่าของเธอ
@ น้องนาเดีย กับคุณย่า
ผมเลี้ยวจักรยานกลับไปหาทันที ทั้งสองคนกำลังช่วยกันเก็บน้ำยาง คุณย่าของ “น้องนาเดีย” บอกว่า ท่านเป็น “คนตัดยางหวะ” หรือ “คนรับจ้างกรีดยาง” 2 สวน คือ สวนนี้ กับ อีกสวนที่อยู่ถัดไปอีกหน่อย พอตัดเสร็จในช่วงกลางดึก ก็จะกลับไปปลุก “น้องนาเดีย” ที่กำลังนอนหลับสบายตามวัย ให้มาช่วยเก็บน้ำยางในช่วงหัวรุ่ง ตามเรี่ยวแรงเล็กๆที่เด็กน้อยพอจะทำได้
ผมลงจากรถจักรยาน แล้วเดินตาม “น้องนาเดีย” ไปดูเธอเก็บน้ำยางใกล้ๆ ก่อนต้องอุทานออกมาโดยทันทีกับภาพที่เห็นว่า ... “เก่งเหลือเกินลูกเอ๋ย…อย่าเปรียบกับเด็กอื่นๆ ในวัยเดียวกันเลย ตาเองยังทำแบบหนูไม่ได้เลย” ทั้งเรื่องตื่นเช้า และทำงานหนักเกินวัย
“หนูตื่นตี 5 ค่ะ” “น้องนาเดีย” บอกด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มของความสุขและภาคภูมิใจ แต่กลับไม่มีแววตาของความเหน็ดเหนื่อยทั้งแรงกายและต่อโชคชะตาเลยแม้แต่น้อย
คุณย่าของเธอบอกว่า ก่อนไปส่งที่โรงเรียน ก็จะให้ “น้องนาเดีย” มาช่วยงานก่อน ผมดูเผินๆ อาจจะเป็นงานหนักเกินวัยสำหรับเด็กน้อยผู้กำลังเรียนอยู่แค่ชั้นอนุบาล 3 อย่างเธอ แต่มองอีกด้าน ผมเข้าใจเอาจากรอยยิ้มและแววตา เธอกลับมีความสุข เหมือนได้เล่นของเล่นที่ชอบไปด้วย
สิ่งสำคัญคือ การเรียนรู้ “โลกแห่งความจริง” ที่ใกล้ตัว ในเรื่อง “การทำมาหากิน” จากมรดกของคนใต้ที่สั่งสมถ่ายทอดกันมานับร้อยปี
เพราะ “ต้นยางพารา” และ “น้ำยางพารา” ถือเป็น “หลอดเลือดหลัก” คอยหล่อเลี้ยงหลากหลายชีวิตในภาคใต้และภาคอื่นๆทั่วประเทศ เป็นทุนต้นน้ำของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจภาคใต้ที่แท้จริง แต่ “ยางพารา” ในยามนี้ กลับกำลังเผชิญกับมรสุมราคายางตกต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เศรษฐกิจภาคใต้โดยรวมจึงพลอยเหงาหงอยไปด้วย จากกำลังซื้ที่ตกลงอย่างมาก ในสถานการณ์ปัจจุบัน ราคาน้ำยางพารา ที่คำนวนเป็นยางบริสุทธิ์หรือยางแห้งแล้ว ราคาหน้าสวนที่พ่อค้ารายย่อยรับซื้อจากชาวสวนยาง ตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 32-33 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่า “สามโลไม่ถึงร้อยบาทแล้ว”
แน่นอนว่า “น้องนาเดีย” ไม่อาจเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเธอยังเป็นเด็ก แต่กลับเป็นเรื่องดีที่เธอจะได้ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่เครียดกับปัญหาปากท้องที่เกิดขึ้นเหมือนกับผู้ใหญ่อย่างเราๆ
ผมกำลังเดินกลับมาที่จักรยานที่มีหมาตัวหนึ่งมานอนเฝ้าให้ อยู่ริมถนน “น้องนาเดีย” ก็ยังส่งเสียงเล็กๆ ตามมาอย่างใสซื่อ
“คุณตาๆ หนูตั้งชื่อให้ตุ๊กตาแล้วนะ”...เธอหมายถึงตุ๊กตาที่ผมหามาฝากเมื่อเดือนก่อน ผมเดินกลับไปหาแล้วถามว่า ลูกตั้งชื่อว่าอะไร?
“จูเนียร์ค่ะ” ผมไม่รู้ว่าเด็กน้อยคิดถึงอะไร แต่ดีใจที่เธอไม่ลืมสิ่งเล็กๆ อันนี้ ผมปั่นจากมา “น้องนาเดีย” โบกก็มือเล็กๆลาอยู่ไหวๆ
เกือบตลอดระยะทางที่เหลือในเช้าวันนั้น ผมคิดถึงเด็กผู้หญิงคนนี้ และเราจะมีส่วนดูแลช่วยเหลือเด็กน้อยที่แม่ไปทาง พ่อไปทาง อยู่อ้างว้างกับคุณย่าเพียงลำพังคนนี้ได้อย่างไร…?
เรื่อง/ภาพ : วานิช สุนทรนนท์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฅนตรัง ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำจังหวัดตรัง / จำนง ศรีนคร : เรียบเรียง
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/