สัญญาณ "บิ๊กแดง" แยกมิตร แยกศัตรู เลือกข้าง! จับตาปูทางเขย่าการเมือง
จากปฏิบัติการ "เดี่ยวไมโครโฟน" ของ ผบ.ทบ. ซึ่งก็ได้รับทั้งดอกไม้ และก้อนอิฐ แถมทำให้เกิดแฮชแท็กใหม่ที่อ่านแล้วใจระทึก น่าคิดว่าการบรรยายพิเศษของ "บิ๊กแดง" หนนี้ จริงๆ แล้วต้องการส่งสัญญาณอะไร
ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น เลขาธิการสมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลน่าสนใจว่า อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ที่เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ ผบ.ทบ.เลือกเปิดบรรยายพิเศษ เป็นวันครบรอบ 86 ปีของ "กบฏบวรเดช" ซึ่งมีแนวคิดขวาจัด แต่ทำการไม่สำเร็จ ถูกรัฐบาลคณะราษฎรของ พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ปราบปรามจนราบคาบ
แม้จะเป็นเรื่องบังเอิญในเรื่องนี้ แต่การเลือกห้วงเวลาพูดของ ผบ.ทบ.ก็ยังน่าสนใจอยู่ดี เพราะเป็นการเลือกจังหวะเวลาเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง เริ่มจาก
1. การเลือกเดือนตุลาคม ถือเป็นเดือนที่มีประวัติศาสตร์ร้อนแรงทางการเมือง และมีสถานการณ์อ่อนไหวมาก มีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้ง 6 ตุลาฯ 19, 14 ตุลาฯ 16
2. วันที่ 11 ตุลาคม อยู่ระหว่างวันที่ 6 ตุลาฯ และ 14 ตุลาฯ วันสัญลักษณ์แห่งการสูญเสียของผู้คนที่บาดเจ็บล้มตายเพราะการต่อสู้ทางการเมือง คนที่สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยก็เลือกให้เป็นสัญลักษณ์ทางประชาธิปไตยของไทย แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีการพูดว่าเหตุการณ์สำคัญในช่วงนั้นมีประเด็นเกี่ยวข้องกับแนวคิดคอมมิวนิสต์แทรกซึมอยู่ และ ผบ.ทบ.ก็ยกประเด็นมาพูดทำนองว่าแนวคิดคอมมิวนิสต์ยังคงอยู่ในสังคมไทย คือการไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง วันที่ 13 ตุลาคม เป็นวันแห่งความสูญเสียพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่และทรงเป็นที่รักยิ่งของคนไทย อาจนับเป็นสัญลักษณ์ทางสถาบันเบื้องสูงได้เหมือนกัน ซึ่ง ผบ.ทบ.ก็พูดเน้นเรื่องการปกป้องสถาบันอย่างมาก
ฉะนั้นการเลือกจังหวะเวลาในการพูด จึงเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้เลือกระหว่างสองสัญลักษณ์นี้หรือไม่ ผบ.ทบ.จึงวางแนวทางการบรรยายให้เห็นถึงการอยู่ขั้วตรงข้ามกันของสองสัญลักษณ์ ได้แก่ ฝ่ายที่ถูกโยงว่ายังเกี่ยวข้องกับแนวคิดคอมมิวนิสต์ ต้องการล้มล้างสถาบัน กับฝ่ายที่ต้องการปกป้องสถาบัน
บรรยากาศแบบนี้เหมือนการโยนหินถามทางเพื่อปูทางไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบางอย่างในอนาคตหรือไม่ เพราะในรอบมากกว่า 2 ทศวรรษ หลังยุค รสช.เข้ายึดอำนาจเมื่อปี 2534 ยังไม่เคยปรากฏภาพของ ผบ.ทบ.คนใดที่ออกมาแสดงบทบาทร้อนแรงทางการเมืองเช่นนี้มาก่อน (แม้แต่คนที่ตัดสินใจทำรัฐประหาร 2 ครั้งล่าสุด ก็ยังแทบไม่เคยออกมาพูดยาวๆ ในทางการเมืองแบบนี้)
ด้าน แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคง วิเคราะห์ว่า เป้าหมายการพูดของ ผบ.ทบ. คงไม่ได้ประเมินถึงผลได้ผลเสียที่จะตามมามากนัก เพราะวัตถุประสงค์ที่ออกมาพูด แม้ไม่ได้ประกาศชัดๆ แต่ก็อ่านได้ว่า เป็นการเปิดหน้าแยกมิตรแยกศัตรูกับฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีท่าทีเคลื่อนไหวกระทบสถาบัน ฉะนั้นท่าทีที่ออกมาจึงเป็นการส่งสัญญาณให้คนเลือกข้างให้ชัด โดยเฉพาะคนที่อยู่ตรงกลาง หรือเหยียบเรือสองแคม ทำให้เชื่อได้ว่าหลังจากนี้อุณหภูมิการเมืองจะร้อนแรงขึ้นแน่นอน และอาจมีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
ผลที่จะเกิดขึ้่นอีกด้านคือ กลุ่มต้านหรือกลุ่มที่อยู่ตรงข้ามจะเปิดหน้า เปิดตัวออกมาตอบโต้ ซึ่งในทางยุทธวิธีจะทำให้มองเห็นศัตรูชัดเจนขึ้น และยังสามารถประเมินกำลังอีกฝ่ายได้ด้วย หากในอนาคตมีการปลุกความเคลื่อนไหวทางการเมืองหนักขึ้นในช่วงที๋ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีถือหุ้นสื่อของนายธนาธร และคดียุบพรรคอนาคตใหม่
นอกจากนั้นยังมีผลไปถึงความเคลื่อนไหวในกองทัพ และการวางตัวผู้นำเหล่าทัพคนใหม่ เพราะต้องมีคุณสมบัติชัดเจนในทิศทางที่ ผบ.ทบ.บรรยาย
หันไปฟังความคิดเห็นของชาวบ้านร้านตลาดกันบ้าง เน้นไปที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง ผบ.ทบ.ให้น้ำหนักในการบรรยายอยู่ไม่น้อย
นายกอเซ็ง ดอเลาะ พนักงานบริษัทเอกชนในจังหวัดยะลา ให้ความเห็นว่า ที่ร้านน้ำชาเมื่อวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม มีคนพูดถึงเหตุการณ์ที่ ผบ.ทบ.ออกมาเล่าประวัติศาสตร์ชาติไทย จะผิดหรือถูกชาวบ้านคงไม่รู้เรื่องมากนัก แต่ฟังแล้วเหมือนเป็นการเล่าประวัติศาสตร์ผสมความรู้สึก มีการต่อว่าเรื่องการเมือง และเสียดสีนักการเมืองบางกลุ่ม ทำให้มีเสียงวิจารณ์ว่ากำลังใช้ความเป็นทหารมาด่านักการเมือง
ส่วนตัวมองว่าทหารควรแยกบทบาทออกจากการเมืองให้ได้ ทหารควรปกป้องประเทศชาติจากภัยคุกคามนอกประเทศ ไม่ควรมาทะเลาะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ เพราะในความรู้สึกของคนทั่วไป ทหารคือนักรบของชาติ มีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ ไม่ได้มีหน้าที่มาทะเลาะกับใคร และไม่มีหน้าที่รบกับคนไทยด้วยกัน
ขณะที่ นางชไมพร ดีนแดง อดีตข้าราชการในจังหวัดยะลา เล่าความรู้สึกว่า ตอนที่ ผบ.ทบ.พูดก็รู้สึกเฉยๆ มีหลายช่วงที่รู้สึกแปลกๆ เพราะไม่ตรงกับที่รับรู้มา หรือตนอาจศึกษาไม่หมดก็เป็นได้ เรื่องนี้มองในแง่ดีว่า ผบ.ทบ.ทำให้คนไทยได้ฟังประวัติศาสตร์ในมุมของทหาร แม้จะแปลกๆ แต่ก็น่าเรียนรู้ แต่ควรเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่เป็นมุมของนักประวัติศาสตร์ด้วย เพื่อจะได้ไม่คลาดเคลื่อน
------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : (ซ้าย) ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น
อ่านประกอบ : ผบ.ทบ.ฉะ "คอมฯเก่า-ซ้ายดัดจริต-นักวิชาเกิน" ปั่นประเทศ