‘มนัญญา’เสนอตนเองเป็นปธ.คกก. 4 ฝ่าย ถกเเบน 3 สารพิษเกษตร เชื่อเสร็จก่อน 60 วัน
‘มนัญญา’ เผยได้ข้อมูลสต๊อกสารเคมีเสี่ยงสูงแล้ว ขอยังไม่เปิดเผย ล่าสุด เตรียมลงพื้นที่สุ่มตรวจร้านจำหน่าย ย้ำต้องการให้ 3 สารชนิดขาดตลาด ซัดคกก.วัตถุอันตราย ไม่ฟันยกเลิก เท่ากับยืดอายุการขาย เสนอนั่งปธ.คกก. 4 ฝ่ายเอง เชื่อเเล้วเสร็จก่อน 60 วัน
วันที่ 23 ก.ย. 2562 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมช.กษ.) ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาสารเคมีเกษตรที่มีความเสี่ยงสูง 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพลิฟอส และไกลฟอเซส ณ ด่านตรวจพืชท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย
น.ส.มนัญญา เปิดเผยตอนหนึ่งถึงการเข้าไปทวงขอข้อมูลสต๊อกสารเคมีที่มีความเสี่ยงสูง ณ สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่า ได้รับตัวเลขสต๊อกของสารเคมีมาแล้ว แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม ก.เกษตรฯ จะต้องลงพื้นที่สุ่มตรวจและเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบ เพราะประชาชนเป็นผู้บริโภค ฉะนั้นต้องรู้ข้อมูลว่า สิ่งที่บริโภคเข้าไปนั้นมีความเป็นพิษหรือไม่
“สารเคมีทั้ง 3 ชนิด อยู่ตรงไหน ประชาชนจับตาดูอยู่แล้วว่า อยู่ตรงไหน คุณบอกว่ามีอยู่เป็นหมื่น และตอนนี้ขายไปแล้วอยู่เท่าไหร่ ณ วันที่ตรวจเหลืออยู่เท่าไหร่ และอยู่ในท้องตลาดอีกเท่าไหร่ แต่ตอนนี้มีข้อมูลตรงนี้อยู่แล้วว่าสต๊อกมีอยู่ขนาดนี้ รู้แม้กระทั่งร้านค้าจำหน่ายอยู่แห่งหนตำบลใด” รมช.กษ. กล่าว และว่า ทั้งนี้ เมื่อมีการยกเลิก ของเหล่านี้ต้องหายไป ไม่ใช่การยืดระยะเวลาขายของ เราไม่ต้องการให้ยืดระยะเวลาขายของ เราต้องการให้สาร 3 ชนิดนี้ขาดไปเลย แต่ตราบใดคณะกรรมการวัตถุอันตรายต้องยืดมติไปอีก 2-3 เดือน เป็นโอกาสให้การขายสารเคมีสามารถยืดออกไป ทั้งที่ ไม่สามารถนำเข้ามาได้
เมื่อถามถึงมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายจะยกเลิกการใช้ต่อเมื่อมีสารทดแทนนั้น น.ส.มนัญญา กล่าวว่า อยากให้ใช้คำว่า ‘สารทางเลือก’ เพราะประชาชนมีสิทธิที่จะเลือก เลือกใช้อะไรก็ได้ ซึ่งสารทางเลือกนั้นไม่จำเป็นต้องทำให้วัชพืชตายภายในเสี้ยววินาที แต่สามารถยืดไป 1-2 วันก็ได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า สารทางเลือกมีอยู่และย่อมมีฤทธิ์น้อยกว่าอยู่แล้ว และกรมวิชาการเกษตรต้องหาสารทางเลือกที่เป็นมลพิษกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
นางสาวมนัญญา กล่าวอีกว่า ปฏิบัติการวันนี้ต้องการตรวจสอบการนำเข้าการนำเข้าสารเคมีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งทราบว่ามี 5 ชนิดประกอบด้วย สารป้องกันกำจัดโรคพืช และป้องกันกำจัดแมลง รวมถึงมีการตรวจสอบตัวอย่างสารให้เป็นไปตามขั้นตอนหรือไม่ ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกต กระบวนการนำเข้าสารเคมีที่มีการปะปนกันมามากกว่าหนึ่งชนิดในตู้คอนเทนเนอร์เดียวกันใช่หรือไม่ เช่น 3 ตู้ มี 3 สารปนกันอยู่ในแต่ละตู้ ซึ่งทำให้ยากต่อการตรวจสอบ และอาจมีการปลอมปนเข้ามาได้ จึงเสนอให้มีการแยกสารแต่ละชนิดอยู่แต่ละตู้ นอกจากนี้ยังสอบถามถึง สินค้าเกษตรต่างๆที่นำเข้ามาด้วย เช่นเมล็ดผักชีที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
สำหรับสารเคมีเกษตรที่มีความเสี่ยงสูงทั้ง 3 ชนิดคือ พาราควอต คลอร์ไพรีฟอส และไกลโฟเซต หลังจากที่ถูกสั่งห้ามนำเข้าตั้งแต่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นสารเคมีอันตรายที่กระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมปรากฏว่าไม่พบมีการนำเข้าผ่านด่านตรวจพืชท่าเรือกรุงเทพ แม้จะไม่มีการนำเข้า 3 สารเคมีดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังคงค้างอยู่ในสต๊อก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากนั้นเดินทางต่อไปยังนิคมอุตสาหกรรมบางปู เข้าไปที่บริษัทเเห่งหนึ่งที่ได้รับใบอนุญาตในการนำเข้า พาราควอต และไกลโฟเซต เพื่อตรวจสอบสต็อกการนำเข้าและคงค้าง โดยเจ้าหน้าที่บริษัทให้ข้อมูลว่า ปี 2562 ได้นำเข้าสารทั้ง 2 ชนิดจริง มีใบอนุญาต โดยพาราควอต นำเข้า 190 ตัน ส่วนไกลโฟเซต นำเข้า 370 ตัน ขณะเดียวกัน มีอีกหนึ่งบริษัทที่เป็นเจ้าของเดียวกัน สามารถนำเข้าได้เพียงสารพาราควอต ซึ่งปี 2562 นำเข้ามาแล้ว 54 ตัน โดยสารทั้ง 2 ชนิด ได้จำหน่ายต่อให้กับร้านค้า และบางส่วนอยู่ในมือเกษตรกรแล้วจึงไม่มีสต๊อกตกค้างที่บริษัท
ทั้งนี้ทีมงานของรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ได้ขอเอกสารการนำเข้าและปริมาณของสารเคมีอันตรายทั้งสองชนิด เพื่อนำกลับไปตรวจสอบว่าเป็นข้อมูลที่ตรงกับข้อมูลของกรมวิชาการเกษตรหรือไม่ เบื้องต้นพบว่าตัวเลขไม่ตรงกัน นอกจากนี้ นางสาวมนัญญา ถือโอกาสตรวจสอบสารกำจัดแมลงและศัตรูพืช ไดคลอร์วอส และควินคอลแรก ซึ่งสารทั้ง 2 ชนิดนำเข้าจากประเทศจีน บรรจุอยู่ในถังพลาสติก 200 ลิตร รวมทั้งหมด 32,000 ลิตร ซึ่งทีมงานของรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ได้มีการเก็บตัวอย่างของสารไปตรวจสอบว่าตรงตามที่แจ้งนำเข้าหรือไม่
นางสาวมนัญญา กล่าวว่า แค่อำนาจของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่สามารถที่จะแบน 3 สารเคมีอันตรายได้ทันที แต่ต้องอาศัยทุกภาคส่วนช่วยกัน ซึ่งการแบนจะส่งผลกระทบกับผู้นำเข้าและผู้เกี่ยวข้อง หลังจากนี้จะมีการยกระดับโรงงานที่นำเข้าให้มีมาตรฐานสากล รัดกุมมากกว่านี้ จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ประกอบการ แจ้งให้ทราบด้วยว่ามีสารเคมีที่สามารถทดแทน 3 สารเคมีอันตราย(พาราควอต คลอร์ไพรีฟอส และไกลโฟเซต) ซึ่งเกษตรกรก็ทราบอยู่แล้วว่ามีสารทดแทน
สำหรับตัวเลขของบริษัทที่นำเข้าสารเคมี กับข้อมูลของกรมวิชาการเกษตร ที่ไม่ตรงกัน จะต้องไปดูอีกครั้งว่าเพราะอะไร
รมช.เกษตร กล่าวด้วยว่า สำหรับการดำเนินการต่อไปนั้น จากหนังสือสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วม 4 ภาคส่วน นั้น จะป็นกลไกในการทำงานซึ่งจะขอเสนอตัวเองเป็นประธานกรรมการชุดนี้ เพื่อมาแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว มั่นใจว่าจะสามารถทำงานแล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด 60 วัน และอาจจะเสร็จก่อนเวลาดังกล่าวด้วย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ:จับท่าที ‘มนัญญา’ เอาจริงยกเลิกสาร 3 ชนิด บุกทวงสต๊อก ไร้เงาอธิบดีกรมวิชาการเกษตร
ยึดสุขภาพตัวตั้ง! หยุดเกมยื้อเวลา สร้างเงื่อนไข ‘ไม่ยกเลิก’ สารเคมีเกษตรเสี่ยงสูง
ผู้ตรวจการฯ ย้ำเลิกผลิต-ขายพาราควอต เสนอนายกฯ สั่งขึ้นบัญชีวัตถุอันตรายชนิดที่ 4