โดนอีก! อดีตบิ๊ก ธอส.-ที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย ป.ป.ช.ฟันเพิ่มคดีบัญชีทรัพย์สิน
อดีตบิ๊ก ธอส.-ที่ปรึกษานายก อบจ. เชียงราย ‘ศักดาพินิจ’ โดนอีกคดีบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช.ส่งศาลฎีกาฯวินิจฉัย ก่อนหน้ายกคำร้อง เหตุส่งฟ้องขณะกม. ฉบับใหม่บังคับใช้ ไม่กำหนดตำแหน่งให้มีหน้าที่ต้องยื่นกรณีพ้น 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) มีมติชี้มูล นายศักดาพินิจ ณรงค์ชาติโสภณ หรือวชิรศักดิ์ หงษ์ชนินท์รัฐ อดีตรองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คดีความผิดเกี่ยวกับการแสดงบัญชีทรัพย์สินเพิ่มอีกหนึ่งคดี ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยชี้ขาด
ล่าสุดศาลฎีกาฯ รับเป็น คดีดำที่ อม.32/2562 นัดพิจารณาครั้งแรก หรือนัดฟังคำพิพากษา วันที่ 31 ต.ค.2562
อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายละเอียดการชี้มูลของ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า เป็นการจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน หรือ จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ ปกปิดทรัพย์สิน ต่อ ป.ป.ช.
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูล นายศักดาพินิจ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน ได้แก่ เงินฝากธนาคารของผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 10 บัญชี เงินฝากธนาคารของนางอัญชลีศรณ์ ธรรมเพลิน คู่สมรส จำนวน 4 บัญชี เงินเบิกเกินบัญชีของผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 3 บัญชี ที่ดินของผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรส รวม 6 แปลง
ต่อมาวันที่ 25 ก.พ.2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา ยกคำร้อง เนื่องจาก ป.ป.ช.ยื่นคำร้อง ขณะ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ใช้บังคับ ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวไม่ได้กำหนดให้ตำแหน่งที่ปรึกษามีหน้านที่ต้องยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นตำแหน่งหนึ่งปี ถือว่าไม่มีความผิด
องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากว่า ก่อนวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้อง มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. 2561 โดยมาตรา 3 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แม้บทเฉพาะกาลตามมาตรา 188 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 บัญญัติว่า “ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้มีมติว่า ผู้ใดจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบไว้แล้วในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับให้เป็นอันใช้ได้ และให้ดำเนินการต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้” ซึ่งหมายความว่าผู้ร้องมีอำนาจดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหาต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าว ต้องอยู่ภายใต้บังคับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 ด้วย เมื่อปรากฏว่าคดีนี้ผู้ร้องมีมติเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2561 ก่อนวันที่ 22 ก.ค.2561 ที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ใช้บังคับ และผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลในวันที่ 17 ก.ย.2561 อันเป็นเวลา ภายหลังที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ใช้บังคับแล้ว จึงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับขณะยื่นคำร้องมาบังคับแก่คดีนี้ซึ่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 105 วรรคสาม (1) ไม่ได้กำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี จึงเป็นกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้น ไม่เป็นความผิดต่อไป ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นผู้กระทำการนั้นย่อมพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ทั้งไม่อาจห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งได้ ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคท้าย
พิพากษายกคำร้อง (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ อม.25/2562 วันที่ 25 ก.พ.2562)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/