นักวิชาการชี้งบ 3.5 แสนล้านแค่สนองนโยบายจัดการน้ำผิดพลาดของ รบ.
เครือข่ายลุ่มน้ำปิง ระบุคิดผิดสร้างเขื่อนแม่วงก์ จะตามมาอีกหลายเขื่อนทำลายอุทยานฯทั่ว ปท. แนะรัฐทบทวนความผิดพลาดที่ผ่านมาอย่าให้ 3.5 แสนล้านซ้ำรอย เสนอ 9 แนวทางจัดการลุ่มน้ำ
เร็วๆนี้ มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ และเครือข่ายลุ่มน้ำปิง โดยการสนับสนุนจาก Oxfam (ประเทศไทย) จัดสัมมนา “การจัดการลุ่มน้ำปิงอย่างยั่งยืน” ที่โรงแรมนวรัตน์ จ.กำแพงเพชร โดยมีการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาในลุ่มน้ำปิงตั้งแต่ต้นน้ำใน อ.เชียงดาว ถึงปลายน้ำ ใน จ.นครสวรรค์ โดยนายสุนทร เทียนแก้ว เครือข่ายลุ่มน้ำปิงตอนบนกล่าวว่าพื้นที่ป่าในลุ่มน้ำปิงตอนบนถูกคุกคามด้วยข้าวโพด ยางพารา ไม้เศรษฐกิจต่างๆอีกทั้งกำลังมีหลายโครงการพัฒนาเข้ามา เช่น กระเช้าไฟฟ้าขึ้นดอยหลวง อ่างเก็บน้ำปิงตอนบน โครงการผันน้ำกก ปิง โดยไม่เปิดเผยข้อมูลโครงการที่ชัดเจน ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ส่วนพื้นที่ตอนล่างตั้งแต่ จ.ตากถึงนครสวรรค์ สภาพปัญหาที่พบคือน้ำหลาก น้ำแล้ง อุทกภัย และภัยแล้งในชุมชนบริเวณเขื่อนภูมิพล ดินโคลนถล่มจากน้ำป่าไหลหลาก พื้นที่ป่าลดลง กลายเป็นพื้นที่ทำกินถึงร้อยละ 90 (ไร่ข้าวโพด กะหล่ำปลี) ทำให้ไม่มีต้นไม้ดูดซับน้ำ มีโครงการก่อสร้างเขื่อน มีการบุกรุก สร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็นถนน โรงงานอุตสาหกรรม การสร้างฝายกั้นน้ำปิง เป็นเขื่อนหิน ทำให้เกิดปัญหาการใช้น้ำของชาวบ้าน ซึ่งไม่สอดคล้องกับลักษณะภูมินิเวศของแม่น้ำ
นายตะวันฉาย หงษ์วิลัย มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ระบุว่าโครงการสร้างเขื่อนแม่วงค์ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงค์ ไม่ตอบปัญหาการแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม แต่จะทำลายระบบนิเวศ ที่อยู่ของสัตว์ป่า และแหล่งอาหาร ถ้าเขื่อนแม่วงค์สร้างได้ จะมีการสร้างเขื่อนในป่าในเขตอุทยานฯ ทั่วประเทศ
ดร.วสันต์ จอมภักดี อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งคำถามว่างบ 3.5 แสนล้าน จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและมีประสิทธิภาพอย่างไร โดนเสนอว่านโยบายการจัดการน้ำที่ผ่านมาจนถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 จะต้องมีการถอดบทเรียน ในกรณีของการสร้างเขื่อนแม่กวง น้ำไม่เคยเต็มเขื่อน และไม่เพียงพอในการใช้ จึงมีการผันน้ำข้ามลุ่มมาแม่แตง ลงแม่งัด ต่อมาลงมาแม่กวง ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาของการสร้างเขื่อนแม่กวงที่ผ่านมา ส่วนในกรณีของการขุดลอกแม่น้ำปิงในเชียงใหม่ จะทำให้น้ำไหลแรง หนองน้ำถูกทำลาย ถนนสะพานทรุด และไหลท่วมลำพูนในที่สุด การใช้เงิน 3.5 แสนล้าน จะสนองนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล
อ.อนุชา เกตุเจริญ มหาวิทยาลัยราชภัฎกำแพงเพชร กล่าวถึงปัญหาการจัดการลุ่มน้ำปิงที่ผ่านมาว่า ความรู้ของหน่วยงานราชการในเรื่องการจัดการลุ่มน้ำยังไม่มี การทำงานที่มีหลายฝ่ายหลายองค์กรขาดการบูรณาการกัน
นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ กล่าวถึงปัญหาการจัดการลุ่มน้ำในภาคเหนือที่ผ่านมาว่าลำห้วย แม่น้ำทุกสายที่ผ่านมาถูกขุดลอกโดย อปท. และหน่วยงานราชการ และกำลังจะถูกเปลี่ยนแปลงโดยงบ 3.5 แสนล้าน ทำให้แม่น้ำแบนราบ ไม่มีสูง ต่ำ มีแต่ความลึก เป็นเหมือนคลองชลประทาน ความหลากหลายของระบบนิเวศจะถูกทำลายหมดสิ้น
กำนันบุญจันทร์ วินไธสงค์ กรรมการลุ่มน้ำปิง จ.แพงเพชร กล่าวว่าการทำงานของภาครัฐที่ผ่านมา ภาคประชาชนจะรู้ก็เมื่อมีโครงการออกมาแล้ว ทำให้เกิดความขัดแย้งไม่ยั่งยืน ภาคประชาชนเองมีแผนงานตำบลหรือแผนจังหวัดซึ่งคิดจากชุมชนมากมาย แต่ไม่ถูกนำไปปฏิบัติ ดังนั้นแผนงานที่ออกมาของภาครัฐ จึงไม่ตอบรับกับสภาพปัญหาของท้องถิ่น
ทั้งนี้ในเวทีมีข้อเสนอการจัดการลุ่มน้ำปิง ภายใต้งบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ดังนี้ 1.สร้างป่าให้ซับน้ำเป็นเขื่อนที่มีชีวิต เพื่อดำรงวิถีชีวิตคนและการพัฒนาที่ยั่งยืน 2.การแก้ไขปัญหาในลุ่มน้ำปิง ควรสอดคล้องกับสภาพพื้นที่และความหลากหลายทางชีวภาพ 3.ให้มีกรรมการลุ่มน้ำสาขาและลุ่มน้ำย่อยที่มาจากภาคประชาชน โดยราชการหนุนเสริม 4.ให้หน่วยงานราชการเรียนรู้ระบบลุ่มน้ำ วิถีชีวิต ฯลฯ เพื่อให้มีการจัดการน้ำที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่แต่ละลุ่มน้ำ 5.ลดพื้นที่และทบทวนนโยบายการปลูกพืชเศรษฐกิจ
6.สนับสนุนชุมชนมีส่วนร่วมจัดการป่า และจัดตั้งกองทุนจัดการป่า 7.อนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำที่ถูกทำลาย เพื่อเป็นพื้นที่รองรับน้ำและแหล่งอาหารของชุมชน 8.ประยุกต์รูปแบบจัดการน้ำแบบเหมืองฝายกับการจัดการน้ำแบบสมัยใหม่ โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ 9.รัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชน ทบทวนบทเรียนการจัดการน้ำที่ผ่านมา ไม่ทำลายระบบนิเวศตามธรรมชาติ วิถีชีวิตผู้คน และไม่เดินซ้ำทางเดิม.