‘ฉลาดซื้อ’ เผยผลสุ่มตรวจพบ ‘ชาไข่มุก’ 23 ยี่ห้อ มีน้ำตาลเกินคำแนะนำ WHO
ฉลาดซื้อเผยผลตรวจวิเคราะห์สารกันบูด น้ำตาล และโลหะหนัก ในชานมไข่มุก 25 ยี่ห้อ พบตัวอย่างเม็ดไข่มุกมีสารกันบูด 100% ไม่เกินมาตรฐาน มีเพียง 2 ยี่ห้อ น้ำตาลน้อยกว่าปริมาณที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ บางยี่ห้อสูงถึง 18 ช้อนชา
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า วันที่ 11 ก.ค. 2562 ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โดยโครงการเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ จัดงานแถลงเปิดเผยผลทดสอบน้ำตาลและสารกันบูดในชานมไข่มุก 25 ตัวอย่าง ณ ห้องประชุมชั้น 2 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
โดยสุ่มเก็บตัวอย่างชานมไข่มุกทั้งหมด 25 ยี่ห้อ ขนาดแก้วปกติ แบบไม่ใส่น้ำแข็ง ในเดือนพฤษภาคม 2562 โดยชานมไข่มุกที่ซื้อมีราคาตั้งแต่แก้วละ 23 - 140 บาท ส่งตรวจวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ ได้แก่ ปริมาณพลังงาน, น้ำตาล และไขมัน และทดสอบหาโลหะหนักประเภทตะกั่ว และสารกันบูดในเม็ดไข่มุก
ผลการผลทดสอบพบว่า ยี่ห้อที่มี ปริมาณน้ำตาลต่อแก้วน้อยที่สุด ได้แก่ ยี่ห้อ KOI Thé มีปริมาณน้ำตาลเท่ากับ 16 กรัม ( 4 ช้อนชา ) และยี่ห้อที่มีปริมาณน้ำตาลต่อแก้วมากที่สุด ได้แก่ ยี่ห้อ CoCo Fresh Tea & Juice มีปริมาณน้ำตาล 74 กรัม ( 18.5 ช้อนชา )
โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำปริมาณน้ำตาลที่ได้รับต่อวัน ไม่ควรเกิน 24 กรัม (6 ช้อนชา) ซึ่งพบว่ามีเพียง 2 ยี่ห้อเท่านั้น ที่มีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่า 24 กรัม คือ ยี่ห้อ KOI Thé และ ยี่ห้อ TEA 65°
ส่วนผลการทดสอบสารกันบูดประเภทกรดเบนโซอิก (Benzoic acid) และกรดซอร์บิก (Sorbic acid) ในเม็ดไข่มุก พบว่า ยี่ห้อที่มีปริมาณสารกันบูดน้อยที่สุด ได้แก่ ยี่ห้อ The ALLEY มีปริมาณกรดซอร์บิก เท่ากับ 58.39 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และยี่ห้อที่พบปริมาณสารกันบูดรวมมากที่สุด ได้แก่ ยี่ห้อ BRIX Desert Bar พบปริมาณกรดเบนโซอิก และกรดซอร์บิกรวมกัน เท่ากับ 551.09 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งไม่เกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
ทันตแพทย์หญิงมัณฑนา ฉวรรณกุล รองผู้จัดการโครงการฯ เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกินวันละ 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา ซึ่งจากผลทดสอบชานมไข่มุก ยี่ห้อที่มีน้ำตาลน้อยสุด คือ 16 กรัมหรือ 4 ช้อนชา และมากสุด คือ 74 กรัม หรือ 18.5 ช้อนชา ซึ่งเกินกว่าปริมาณที่ควรได้รับถึง 3 เท่า และแม้เครื่องดื่มจะมีน้ำตาลน้อยกว่า 24 กรัม แต่ในหนึ่งแก้วมีปริมาณน้ำตาลต่อวันไปแล้ว 2 ใน 3 ซึ่งเป็นปริมาณการบริโภคจะเกินข้อแนะนำ ดังนั้น เครื่องดื่มเหล่านี้จึงเป็นเครื่องดื่มที่ควรงดการดื่ม เพราะเป็นแหล่งอุดมน้ำตาล ซึ่งปริมาณน้ำตาลที่สูงหากได้รับในคราวเดียว จะรบกวนระบบการ metabolite จะทำให้เกิดเป็นกลุ่มโรคเรื้อรังไม่ติดต่อ ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ด้าน นางสาวสารี อ๋องสมหวัง บรรณาธิการบริหาร นิตยสารฉลาดซื้อ กล่าวว่า จากผลการทดสอบต้องการให้ผู้บริโภคได้รับทราบว่า ชานมไข่มุกบางยี่ห้อ มีน้ำตาลมากเกือบ 19 ช้อนชา และให้นึกภาพตามว่าน้ำตาลปริมาณ 19 ช้อนชานั้นมากขนาดไหนนั้นจะทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการบริโภคได้มากขึ้น และทุกยี่ห้อมีสารกันบูด แต่ไม่มียี่ห้อไหนที่ให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภค
พร้อมทั้งกล่าวถึงข้อเสนอต่อผู้ประกอบการให้ปรับลดขนาดปริมาณต่อแก้ว (Serving Size) ลงให้เหมาะสม เพื่อควบคุมไม่ให้ผู้บริโภคได้รับปริมาณพลังงานและน้ำตาลต่อแก้วสูงจนเกินไป เพราะผู้บริโภคซื้อชานมไข่มุกส่วนใหญ่บริโภคจนหมดแก้วเพราะความเสียดาย เป็นเหตุให้ได้รับพลังงานและน้ำตาลมากจนเกินความจำเป็น และขอให้ผู้ประกอบการมีการระบุฉลากให้ถูกต้องตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เนื่องจากผลจากทดสอบพบว่าชานมไข่มุกนั้น มีสารกันบูด พร้อมทั้งเสนอแนะให้ อย. เร่งผลักดันให้เกิดฉลากสัญญาณไฟจราจรเพื่อทำให้เกิดการปรับปรุงคุณภาพอาหารให้เป็นมิตรกับผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/