โดนไล่ออกจากราชการ สมัคร ส.ส. พรรคเสรีรวมไทย กกต.ถอนชื่อหลังเลือกตั้ง
อีกหนึ่งกรณีศึกษา! ผู้สมัคร ส.ส. สมุทรสาคร พรรคเสรีรวมไทย ‘ณัฑฐภณ’ มีประวัติโดนไล่ออกจากราชการ ถูก กกต.เพิกถอนชื่อหลังเลือกตั้ง แถมตัดคะแนน ต้นสังกัดยื่นค้าน อ้างศาลอาญาคดีทุจริตฯตัดสินแล้วไม่ผิด ศาลฎีกาพิพากษา เรื่องเฉพาะตัว พรรคไม่มีอำนาจร้อง กกต.ฟันย้อนหลังได้
คดีเพิกถอนชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 นอกจากผู้สมัครถือครองหุ้นสื่อมวลชน ยังมีกรณีขาดคุณสมบัติอันเนื่องมาจากคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ ผู้สมัครมิได้เป็นสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน ,กรณีผู้สมัคร ส.ส.จ.กาญจนบุรี และ ผู้สมัคร ส.ส.จ.พิษณูโลก มีประวัติทุจริต ,กรณีผู้สมัคร ส.ส.จ.นครศรีธรรม มีตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ไม่ยอมลาออกจากมาลงสมัคร , และ กรณีผู้สมัคร ส.ส. พังงา พ้นโทษจำคุกมายังไปถึง 10 ปี แต่มาสมัครเป็น ส.ส. ,กรณีผู้ สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา มีประวัตถูกศาลพิพากษากระทำผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 ลงโทษปรับ 5,000 บาท และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งมีกําหนด 5 ปี ยังไม่พ้นกำหนด มาสมัคร ส.ส. ตามที่ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานไปก่อนหน้านี้
คราวนี้เป็นกรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ไม่มีคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังจากมีการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.2562 ผ่านไปแล้ว เนื่องจากมีประวัติทุจริต ถูกไล่ออกจากราชการ ต่อมาพรรคต้นสังกัดยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง อ้างลูกพรรคบริสุทธิ์ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตัดสินแล้วไม่ผิด คดีอยู่ระหว่างชั้นศาลอุทธรณ์ ขอให้มีคำสั่งอย่าให้ กกต.ตัดคะแนน ปรากฎว่า 17 มิ.ย.2562 ศาลฎีกาฯพิพากษา กกต.มีอำนาจ สั่งยกคำร้อง รายละเอียดดังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3810/2562 วันที่ 17 มิ.ย.2562 ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง พรรคเสรีรวมไทย ผู้ร้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้คัดค้าน
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องได้ส่ง นายณัฑฐภณ ฉิมอินทร์ สมาชิกพรรคผู้ร้องสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสมุทรสาคร ต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสมุทรสาครได้ประกาศว่า นายณัฑฐภณมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้คัดค้านประกาศคะแนนเลือกตั้งของนายณัฑฐภณจํานวน 4,082 คะแนน ทําให้ผู้ร้องมีคะแนนรวมทั้งสิ้น 826,530 คะแนน ต่อมาผู้คัดค้านมีมติให้ผู้สมัครบางคนรวมทั้ง นายณัฑฐภณเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม และมิให้นําคะแนนที่ได้รับไปใช้ในการคํานวณตามมาตรา 128 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 กรณีเคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทําการทุจริตหรือประพฤติ มิชอบในวงราชการ มีลักษณะต้องมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 42 (10) ผู้ร้องได้มีหนังสือชี้แจงข้อมูลไปยังผู้คัดค้านว่า นายณัฑฐภณเคยดํารงตําแหน่ง รองปลัดองค์การบริหารส่วนตําบลบางน้ำจืด อําเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ถูกกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัย ซึ่งองค์การบริหารส่วนตําบลบางน้ำจืดมีคําสั่งไล่นายณัฑฐภณออกจากราชการ นายณัฑฐภณยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยยืน นายณัฑฐภณจึงยื่นฟ้ององค์การบริหารส่วนตําบลบางน้ำจืดกับพวกต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้ ศาลปกครองกลางเพิกถอนคําสั่งองค์การบริหารส่วนตําบลบางน้ำจืดที่ไล่นายณัทฐภณออกจากราชการ คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองกลาง หลังจากนั้นอัยการสูงสุดได้ฟ้องนายณัฑฐภณกับพวกต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษายกฟ้อง
แม้คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์แต่ก็ถือว่านายณัฑฐภณเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่เคยถูกสั่งให้ออกจาก ราชการเพราะทุจริตต่อหน้าที่ ขอให้ผู้คัดค้านยกเลิกมติตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและประกาศรับรอง ผลการเลือกตั้งของนายณัฑฐภณ ต่อมาเลขาธิการสํานักงานผู้คัดค้านมีหนังสือแจ้งว่าคําพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางไม่มีผลเป็นการยกเลิกคําสั่งขององค์การบริหารส่วนตําบลบางน้ําจืดไล่นายณัฑฐภณออกจากราชการ มติของผู้คัดค้านดังกล่าวทําให้ผู้ร้องไม่สามารถนําคะแนนที่ได้รับไปใช้คํานวณจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อได้ ขอให้ศาลมีคําสั่ง ให้ผู้คัดค้านประกาศรับรองว่านายณัฑฐภณเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยให้ นําคะแนนที่ได้รับจํานวน 4,082 คะแนน มาใช้ในการคํานวณหาจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อของผู้ร้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตรวจคําร้องประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า คดีเกี่ยวกับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรณีผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งมีสิทธิยื่นใบคําร้องต่อศาลฎีกาและให้อํานาจศาลฎีการับวินิจฉัยคําร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ได้ 2 กรณี กล่าวคือ กรณีแรก ผู้สมัครซึ่ง ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งไม่รับสมัครหรือไม่ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครตามมาตรา 46 มีสิทธิยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ไม่รับสมัครหรือวันที่ประกาศรายชื่อผู้สมัคร แล้วแต่กรณีตามมาตรา 49 กับ กรณีที่สอง ผู้สมัครซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งมีคําวินิจฉัยให้ถอน การรับสมัครเพราะเหตุไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามคําร้องของผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือผู้สมัครอื่น มีสิทธิ ยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาภายในสามวันนับแต่วันที่ถูกถอนการรับสมัครตามมาตรา 51 วรรคสอง การที่ผู้ร้องเป็นพรรคการเมืองมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 20 วรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิและหน้าที่ตามบทบัญญัติของกฎหมายภายในขอบแห่งอํานาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ดังได้บัญญัติหรือกําหนดไว้ในกฎหมายแยกต่างหากจากนายณัฑฐภณ ฉิมอินทร์ มายื่นคําร้องเป็นคดีนี้ จึงเป็นการยื่นคําร้องโดยไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายรับรองสิทธิของผู้ร้องให้ทําเช่นนั้นได้ แม้ผู้ร้องอ้างว่ามีส่วนได้เสียกับคะแนนที่นายณัฑฐภณ ได้รับจากการเลือกตั้ง แต่ก็เป็นผลของกฎหมายที่เกิดขึ้นถ้าหากนายณัฑฐภณมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง อีกทั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งต้องยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น กรณีตามคําร้องของผู้ร้องปรากฏว่า นายณัฑฐภณสมาชิกพรรคผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งในวันเลือกตั้งอยู่ก่อนแล้ว และ นายณัฑฐภณได้คะแนนเลือกตั้งจํานวน 4,082 คะแนน ไม่อยู่ในลําดับที่จะได้รับการเลือกตั้งในเขต เลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสมุทรสาคร แต่ภายหลังจากวันเลือกตั้งเพิ่งมาถูกผู้คัดค้านมีมติว่า นายณัฑฐภณ เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทําการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 42 (10) และมีคําสั่งมิให้นําคะแนนที่ได้รับไปใช้ในการคํานวณตามมาตรา 128 ซึ่งเป็นอํานาจของผู้คัดค้านที่สามารถกระทําได้ตามมาตรา 53 วรรคสอง ที่ผู้ร้องยื่นคําร้องขอให้ศาลฎีกามีคําสั่งให้ผู้คัดค้านประกาศรับรองว่านายณัฑฐภณเป็นผู้สมัคร รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และให้นําคะแนนที่นายณัฑฐภณได้รับมาใช้ในการคํานวณหาจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของผู้ร้อง มีผลเท่ากับขอให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนมติและคําสั่งของผู้คัดค้านดังกล่าว ในกรณีเช่นว่านี้ ไม่มีบทกฎหมายใดให้อํานาจศาลฎีกาที่จะสั่งเพิกถอนมติและคําสั่งของผู้คัดค้านดังกล่าวได้ ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะรับคําร้องของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป
จึงมีคําสั่งไม่รับคําร้อง
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ:
มีประวัติถูกศาลสั่งปรับเงิน-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ยังไม่ครบ 5 ปี โผล่สมัคร ส.ส.
หนึ่งเดียวรอด คดีถือหุ้นสื่อ! ผู้สมัคร ส.ส. สระแก้ว เจ้าของ นสพ.ประชารัฐ
พ้นโทษจำคุกไม่ถึง 10 ปี ลงสมัคร ส.ส. พังงา
คดีผู้สมัคร ส.ส.เพื่อชาติ มีประวัติทุจริต ผู้ว่าฯสั่งปลด - กกต.ถอนชื่อ ศาลฎีกา ชอบแล้ว
คดีผู้สมัคร ส.ส.โคราช เจ้าของสื่อ หยุดพิมพ์ 9 ปี ไม่จดเลิก ศาลฎีกา คำสั่ง กกต.ชอบแล้ว
กรณีศึกษา:ลงสมัคร ส.ส.นครศรีฯ ไม่ยอมทิ้งเก้าอี้ ส.จ. อ้างคำสั่ง 1/2557 หน.คสช. ออกไม่ได้
กรณีศึกษา รองปลัด อบต. ทุจริต 17 โครงการ เปลี่ยนชื่อลงสมัคร ส.ส. จ.พิษณุโลก