สตง. พบ อปท. 'สวมชื่อ' เบิกเงินลูกจ้างคุมสถานีสูบน้ำไฟฟ้า จี้ อธิบดี สถ. แก้ปัญหาทั่วปท.
สตง.สุราษฎร์ธานี พบปัญหา อปท. 'สวมชื่อ' เบิกเงินลูกจ้างชั่วคราวคุมงานสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า หลังรับถ่ายโอนต่อมาจากกรมชลประทาน เผยข้อมูลเชิงลึกภารกิจปัญหาเพียบ ไม่ได้ใช้ ปย. เสี่ยงบรรลุผลสำเร็จโครงการ จี้ อธิบดี สถ. เร่งแก้ไขปัญหาทั่วประเทศ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 13 (จังหวัดสุราษฎร์ธานี) ได้ทำหนังสือแจ้งถึง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) เพื่อแจ้งผลตรวจสอบการดำเนินงาน เรื่อง การบริหารจัดการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในระหว่างปีงบประมาณ 2556 - 2559 ซึ่งพบข้อตรวจสอบสำคัญเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน คือ มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งได้รับจัดสรรและจ่ายเงินสนับสนุนค่าจ้าง ลูกจ้างชั่วคราวประจำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า โดยไม่มีลูกจ้างชั่วคราวประจำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ได้รับถ่ายโอนมาจากกรมชลประทาน แต่ สถ. ได้จัดสรรเงินงบประมาณค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราวให้ และมีการเบิกจ่ายเงินตามที่ได้รับการแจ้งจัดสรรให้กับบุคคลที่มีรายชื่อไม่ตรงกันกับรายชื่อลูกจ้างชั่วคราวประจำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ได้รับการถ่ายโอนมาจากกรมชลประทาน
นอกจากนี้ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ได้ถ่ายโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ได้ใช้ประโยชน์ มีความเสี่ยงต่อการบรรลุถึงผลสำเร็จของการถ่ายโอนภารกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้รับการถ่ายโอนภารกิจสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าทั้งหมด ไม่ได้จัดทำข้อบัญญัติองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่อง การบริหารกิจการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ตามหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ มท 0890.7/1959 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 ขณะที่การขอสนับสนุนงบประมาณและการเบิกจ่ายเงินที่ได้รับจัดสรรไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งจากการตรวจสอบในระยะเวลา 4 ปี งบประมาณ คือ ระหว่างปี 2556- 2559 พบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้รับจัดสรรเงินสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้าดังกล่าว โดยรวมค่ากระแสไฟฟ้าในส่วนที่เกษตรกรต้องรับผิดชอบหน่วยละ 60 สตางค์อยู่ด้วย ทำให้ได้รับเงินจัดสรรค่ากระแสไฟฟ้าเกินกว่าที่หนังสือกำหนด แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่สามารถเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าได้ครบถ้วนจากลุ่มเกษตรกร ผู้ใช้น้ำซึ่งเป็นส่วนของค่ากระแสไฟฟ้าที่กลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำต้องรับผิดชอบในจำนวน 60 สตางค์/หน่วยได้
สตง.ระบุว่า สาเหตุของปัญหาเกิดจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการถ่ายโอนภารกิจซึ่งมีหน้าที่ในการบริหารจัดการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป็นหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ รวมทั้งสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในการจัดสรรงบประมาณ ไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหนังสือสั่งการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
ผู้ว่าฯ สตง. พิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากในปัจจุบันมีจังหวัดที่มีภารกิจสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนสำหรับงานสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าอีก ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐ เห็นควรให้มีการพิจารณาทบทวนสภาพปัญหาและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นตามที่ปรากฏดังผลการตรวจสอบของ สตง. เพื่อกำหนดให้มีการควบคุม กำกับ การบริหารจัดการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่อยู่ในความรับผิดชอบในภาพรวมทั้งหมดให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/