นายกฯ ไทย-มาเลเซีย ร่วมงานการประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียน
นายกฯ ประยุทธ์ โชว์ตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ของไทยดีขึ้นมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ระดับ 2.53 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ 3.8 ซึ่งสูงที่สูดในรอบ 6 ปี
วันที่ 21 มิ.ย. 2562 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก บมจ.ธนาคารกรุงเทพ และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) จัดการประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียน (Bloomberg ASEAAN Business Summit ) ครั้งที่ 5 ณ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทรเรีย กรุงเทพฯ
โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยกล่าวเปิดการประชุม ในวาระการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทยในปี 2562 การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีสำหรับผู้นำองค์กรภาคธุรกิจ ภาคการเงิน และภาครัฐบาล ทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก เข้าร่วมหารือเกี่ยวกับโอกาสและความท้าทาย รวมถึงทิศทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียน
จากนั้น พลเอกประยุทธ์ปาฐกถาในหัวข้อ The Future of Thailand and ASEAN ตอนหนึ่งว่า “เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปีนี้และประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมในหลายด้านที่จะเดินหน้าพัฒนาประเทศไปสู่ความก้าวหน้าพร้อมกับภูมิภาค ปัจจุบัน เหตุการณ์ในประเทศมีเสถียรภาพโดยไทยได้ก้าวพ้นสถานการณ์ความไม่สงบ มีความปรองดองและสามารถแก้ปัญหาคั่งค้างที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น การประมงผิดกฎหมาย การปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างเป็นระบบ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ เป็นต้น ที่สำคัญต่อประชาชนชาวไทยมากก็คือ การที่เราได้ผ่านพ้นการเลือกตั้งทั่วไปตามกระบวนการประชาธิปไตยด้วยความเรียบร้อย เป็นไปตามโรดแมปที่กำหนด”
นายกรัฐมนตรีของไทย ยังได้กล่าวขอบคุณและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อและจะพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อสืบสานนโยบายพัฒนาประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ส่วนในด้านเศรษฐกิจ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า “ที่ผ่านมา ดัชนีเศรษฐกิจต่าง ๆ ของไทยบ่งชี้ว่า สถานการณ์ในประเทศดีขึ้นมาก เศรษฐกิจขยายตัวได้ร้อยละ 4.1 ถือเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 6 ปี มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ระดับ 2.53 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ 3.8 ซึ่งสูงที่สูดในรอบ 6 ปี เช่นกัน สำหรับภาคการท่องเที่ยวก็เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนประเทศไทยถึง 38 ล้านคน ในปี 2561 เพิ่มขึ้น 2.9 ล้านคนจากปีก่อนหน้า และปีนี้คาดว่าเราจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวถึง 40 ล้านคน ซึ่งจะเป็นอีกแหล่งรายได้ที่สำคัญของประเทศ และเพื่อให้นโยบายในการพัฒนาประเทศมีความต่อเนื่อง ประเทศไทยได้กำหนด ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีขึ้น เพื่อเป็นกรอบในการทำงานและนำพาให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรม แต่ต้องยอมรับว่า แม้ผู้มีรายได้น้อยในประเทศไทยจะลดลงต่อเนื่อง จากร้อยละ 57.07 ของประชากรในปี 2533 เหลือร้อยละ 7.87 ในปี 2560 แต่ไทยยังต้องเผชิญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศทั่วโลก”
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีขอให้ภาคเอกชนมั่นใจและใช้ประโยชน์จากความพร้อมของไทย และอาเซียนทั้งทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเมืองที่นำไปสู่ความต่อเนื่องทางนโยบาย
ด้านนายแพร์รี รวินทรานาธาน กรรมการผู้จัดการ บลูมเบิร์ก มีเดีย กรุ๊ป กล่าวถึงเป้าหมายการจัดประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียนของสำนักข่าวบลูมเบิร์กจัดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญยิ่งสำหรับอาเซียน ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของโลกและเป็นช่วงที่มีการเลือกตั้งทั่วไปของหลายประเทศในภูมิภาค ส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจและการตัดสินใจของนักลงทุน
"เรามีความยินดีที่ได้กลับมาเยือนกรุงเทพฯ อีกครั้งและได้อำนวยความสะดวกให้เกิดการหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการกำหนดจุดยืนที่เหมาะสมสำหรับอาเซียน”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียน มีหัวข้อสำคัญของการประชุม ได้แก่ 1. การเปลี่ยนแปลงของการเมืองระหว่างประเทศและผลกระทบต่อการค้าโลกกับอาเซียน 2. ข้อริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง และภาพรวมด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3. ผลกระทบของความพยายามในการปฏิรูปทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน และ 4. กระแสของ “แอปพลิเคชั่นครบวงจร” และผลกระทบต่อตลาดอีคอมเมิร์ซ
ผู้เข้าร่วมเสวนา นำโดย ซินดี้ สิรินยา บิชอพ นักแสดง พิธีกรรายการ Asia’s Next Top Model / ผู้ก่อตั้ง #DontTellMeHowToDress ดร. คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SEA Group ดร. ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในด้านอื่นๆ
ในช่วงท้ายของการประชุม ดร. มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้กล่าวปาฐกถาปิดการประชุมในหัวข้อ “The Future of Malaysia and ASEAN”
ดร.มหาเธร์ ได้ถึงคณะรัฐมนตรีของมาเลเซียจะยังไม่มีการสับเปลี่ยนในตอนนี้และจะทำเช่นนั้นหากมีความจำเป็นเท่านั้น เราไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงที่บ่อยจนเกินไป
“เมื่อมีการสับเปลี่ยนครม. คุณทำให้หลายคนปวดใจกับคนมากมาย พวกเขาอาจตอบสนองในทางที่เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ที่ดีก็เป็นได้” ดร.มหาธีร์ กล่าว และ ชื่นชมคณะรัฐมนตรีของเขาทำงานได้ดีมาก
ทั้งนี้ นายกรัฐมตรีมาเลเซีย กล่าวว่า แม้เยาวชนในมาเลเซียจะมีความอ่อนไหวต่อการพัฒนารอบประเทศ แต่พวกเขาก็มีความรักต่อประเทศและเต็มใจที่จะสร้างมาเลเซียให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยคนรุ่นใหม่ควรให้ความสำคัญกับคนรุ่นเก่าสำหรับประสบการณ์ของพวกเขา
ดร.มหาธีร์ ยังได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญเรื่อง พิจารณาขายสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ (Malaysia Airlines) ว่ามาเลเซียยินดีที่จะพิจารณาขายสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ถ้ามีข้อเสนอที่ดีสำหรับบริษัทแต่รัฐบาลจะต้องทำให้มั่นใจว่าผู้ซื้อที่มีศักยภาพสามารถจัดการสายการบินได้เป็นอย่างดี ยังมีทางเลือกต่าง ๆ ที่สามารถพิจารณาได้สำหรับอนาคตของสายการบินรวมถึงการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่หรือการเพิ่มเงินสดจากรัฐบาล