“ณัฐวุฒิ”เคลียร์สภา ปชช. 4 ภาครุกที่ชาวบ้านน้ำพอง "ประพัฒน์"แนะรอจัดสรรรอบใหม่
"ณัฐวุฒิ" เคลียร์ข้อพิพาทสภา ปชช.4 ภา่ครุึกที่ สปก. เกษตรกรน้ำพองโวยตัดสินลักหลั่น "ประพัฒน์"แนะขัดมติ ครม.ไม่ได้ ควรรอจัดสรรรอบใหม่
วันที่ 19 ก.ค. 55 ที่ห้องประชุมไชยยงค์ ชูชาติ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รมช.เกษตร และสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกรสภาประชาชน 4 ภาค ครั้งที่ 1 / 2555 โดยมีตัวแทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัด รวมถึงตัวแทนเกษตรกรเข้าร่วม
โดยที่ประชุมแจ้งเรื่องพิจารณาปัญหาที่สปก.ได้รับแจ้งความประสงค์จากเกษตรกรหลายรายเรื่องการขอย้ายแปลงที่ดินที่ขอรับการจัดซึ่งพบว่ามี 2 กรณีคือ กรณีที่ดินแปลงเดิมที่เกษตรกรแจ้งความประสงค์ไว้ ผ่านความเห็นชอบแผนการจัดซื้อที่ดินจากคณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน และคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.)แล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อที่ดิน และผู้เสนอขายยังต้องการขายที่ดินอยู่ แต่เกษตรกรประสงค์ขอย้ายแปลงที่ดินโดยอ้างว่าไม่ได้มีความประสงค์ในที่ดินนั้นด้วยตัวเอง แต่เป็นการขอยืมรายชื่อเกษตรกรมานำเข้าที่ประชุม คปจ. เพื่อขอความเห็นชอบแผนการจัดซื้อที่ดินซึ่ง มีกล่มเกษตรกรจำนวน 75 รายจะขอย้ายการจัดที่ดินของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.)เพชรบุรี ไปจ.ลพบุรีแทน
ส่วนกรณีที่ดินแปลงเดิมที่เกษตรกรแสดงความพึงพอใจ ผ่านความเห็นชอบการจัดซื้อที่ดินจากคณะอนุกรรมการฯ แล้ว อยู่ระหว่างการจัดซื้อที่ดินและดำเนินการ แต่ผู้เสนอขายที่ดิน ขอยกเลิกการขายที่ดิน ทำให้เกษตรกรต้องจัดหาที่ดินแปลงอื่นซึ่งเกิดขึ้นในหลายจังหวัดเช่น ชัยภูมิ ขอนแก่น ฯลฯ
ทั้งนี้ สปก.ได้เสนอแนวทางแก้ไขคือ กรณีแรกเกษตรกรสามารถย้ายแปลงที่ดินที่ขอรับการจัดการได้ แต่ต้องเป็นเกษตรกรที่มีคุณสมบัติตามมติ ครม. 3 ก.พ. 52 มาขอรับการจัดที่ดินแปลงนั้นแทนภายในวันที่ 30 ก.ย. 56 และการแสดงความประสงค์ขอย้ายแปลงที่ดินจะกระทำได้เพียงครั้งเดียวไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาในลักษณะนี้อีกหลายแห่ง
กรณีถัดมา หากผู้เสนอขายที่ดินมีเหตุผลและจำเป็นที่ต้องยกเลิกการขายที่ดิน โดยเกษตรกรผู้แสดงความประสงค์ได้ให้การยินยอม ให้เกษตรกรย้ายแปลงที่ดินที่ขอรับการจัดการไปขอรับที่ดินแปลงอื่นได้ อย่างไรก็ตามผู้เสนอขายที่ดินที่ยกเลิกการขาย หลังจากทำสัญญาซื้อขายที่ดินตามระเบียบแล้ว สปก.มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
โดยนายณัฐวุฒิ ได้อนุญาตให้เกษตรกรจำนวน 75 รายที่แจ้งความประสงค์ไว้ มีสิทธิย้ายแปลงที่ดินได้ ตามที่ นายประพาส โงกสูงเนิน ประธานสภาประชาชน 4 ภาคอ้างว่า การขอย้ายแปลงเพชรบุรี เพราะส่วนหนึ่งเกษตรกรที่มีชื่อตามสิทธิ ยังไม่เคยเห็นที่ดิน พอไปเห็นกลับเป็นที่สนามกอล์ฟ และมีสภาพเป็นบ่อน้ำใหญ่ ซึ่งนายณัฐวุฒิยืนยันว่าการย้ายแปลงให้กระทำได้เพียงครั้งเดียว ขณะเดียวกันได้สอบถามถึงแนวทางแก้ปัญหาการให้เกษตรกรรายอื่นเข้ามาใช้สิทธิแทนซึ่งทราบว่ามีเกษตรกรจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอีกหลายพื้นที่เห็นที่ดินดังกล่าวและพอใจที่จะเข้าไปทำกิน
นายสุเนตร แก้วคำหาร ประธานสหพันธ์เกษตรกร และข้าราชการ กล่าวว่า กรณีการจัดซื้อที่ดินของ บสท.ที่อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เนื้อที่กว่า 400 ไร่ ซึ่งมีการดำเนินการตามขั้นตอนสุดท้ายที่ สปก.เข้ารังวัดขอบเขต แต่กลับปรากฎว่ามีผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิตามบัญชี 1,889 รายเข้าไปบุกยึดทำให้ไม่สามารถจัดซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวได้ เคยทำหนังสือเพื่อให้เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหานี้โดยเร่งด่วน แต่ก็ไม่ได้รับการสนองตอบ จึงต้องการให้มีการชี้ขาดในการประชุมครั้งนี้ กรณีการขอย้ายแปลงที่ดินจากจ.เพชรบุรี ไปลพบุรี ให้ได้สิทธินั้น แต่เราขอเข้าแปลงน้ำพองมาตั้งนานแล้วทุกวันนี้ในก็ยังไม่ได้เข้าไป ถามว่าเมื่อไรจะได้สิทธิ
นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า เสนอทางออกมวลชนกลุ่มที่ยึดที่ไม่อยู่ในรายชื่อผู้มีสิทธิ 1,889 ราย ทำให้ไม่สามารถเดินต่อได้เนื่องจากราชการไม่สามารถจัดหาที่ให้ได้ เพราะเป็นมติครม. ถ้าทำก็จะถูกสอบวินัยร้ายแรง จริงๆ แล้วน่าจะประเมินว่าภายหลังจากมีการจัดที่ครบแล้ว งบประมาณตั้งต้นที่ให้มาแต่แรกน่าจะพอเหลือ จากนั้นให้สำรวจมวลชนของทุกภาคที่อยู่ในที่ตั้ง และอยู่ในเกณฑ์ มีคุณสมบัติ ก็ออกเป็นมติว่า เมื่อจบจาก 1,889 ราย อาจจะเข้าไปดำเนินการทำเรื่องนี้ได้ เพราะเป็นเกษตรกรที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันมีผลกระทบคือไม่มีที่ทำกิน
ทั้งนี้นายณัฐวุฒิได้หาทางออกให้ปัญหาการบุกยึดถือครองที่ดินโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายในนามของสภาประชาชน 4 ภาค โดยมีมติมอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในฐานะเลขานุการที่ประชุม ไปสำรวจสภาพการบุกรุกและถือครองที่ดิน อ.น้ำพองของมวลชนจำนวนกว่า 30 ราย พร้อมกับหาที่พักพิงแห่งใหม่ให้ และคอยช่วยเหลือดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายใน เพื่อถอนมวลชนออกและให้ระบบจัดพื้นที่ได้เดินต่อไปได้ ส่วนมวลชนอีกกว่า 100 รายที่บุกรุกพื้นที่ในจ.ลพบุรี เป็นเป้าหมายดำเนินการต่อไป และจะไม่เข้าไปกดดัน ผลักดันใดๆ ทั้งสิ้น ให้พักรอก่อน