รักเกียรติ สุขธนะ แบบอย่างนักการเมืองที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมสำนึกผิด
สมัยมาเล่นการเมือง ก็มาด้วยอุดมคติ แต่สภาพของการเมือง ทำให้ต้องหาเงินมาเลี้ยงดู ส.ส ในมุ้งของตน จากการเข้าสู่การเมืองด้วยอุดมคติ ก็กลายเป็นเริ่มเข้าสู่ด้านมืด เพราะต้องหาเงินมาเพื่อมีตำแหน่งและอำนาจสูงขึ้น
ดิฉันได้ทราบข่าวการถึงแก่กรรมของอดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข คุณรักเกียรติ สุขธนะจากสื่อมวลชนด้วยความรู้สึกเสียใจต่อครอบครัวของคุณรักเกียรติ
เมื่อ 21 ปีที่แล้ว (2541) คดีทุจริตจัดซื้อยา 1,400ล้านบาท หลังวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 เป็นคดีที่โด่งดังมาก ดิฉันเป็นหนึ่งในแกนนำ 30 องค์กรพัฒนาเอกชนที่ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยการรวบรวมรายชื่อ 50,000 รายชื่อเพื่อถอดถอนรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงสาธารณสุข
แต่ยังไม่ทันจะครบจำนวน 50,000 รายชื่อ คุณรักเกียรติที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้นก็ยอมลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งต่างจากยุคปัจจุบัน ที่นักการเมืองไม่ว่ามาจากเลือกตั้งหรือรัฐประหาร ไม่มีทางยอมลาออกเด็ดขาด แม้มีข่าวฉาวโฉ่เรื่องทุจริต และถูกสังคมบีบคั้นอย่างไร ก็ไม่ยอมลาออกเด็ดขาด
นายรักเกียรติ สุขธนะ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินว่าร่ำรวยผิดปกติ และสั่งให้ทรัพย์สินจำนวน 233.8 ล้านบาทตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งเป็นคดีที่เครือข่าย 30 องค์กรฯ เป็นผู้ยื่นกล่าวหาต่อป.ป.ช และป.ป.ช ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ และคดีนี้พบหลักฐานว่ามีเงินสินบน 5 ล้านบาทจากบริษัทยาเพื่อให้ยกเลิกราคากลางยารวมอยู่ด้วย นายรักเกีรยติจึงถูกตัดสินจำคุก 15 ปีอีกคดีหนึ่ง
ในระหว่างการขับเคี่ยวต่อสู้เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ ดิฉันถูกคุณรักเกียรติฟ้อง 4 คดี ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และรมช.สาธารณสุขก็ฟ้องดิฉัน แต่ดิฉันก็สามารถชนะคดีที่ถูกฟ้องได้ทั้งหมด
หลังจากคุณรักเกียรติติดคุก 5 ปี เป็นจำนวน 1 ใน 3 ของโทษจำ หลังถูกพักโทษ ก็ออกมาบวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา ดิฉันได้เขียนจดหมายไปถึงท่านเพื่อขออโหสิกรรมต่อกัน ซึ่งท่านก็เขียนตอบว่าท่านอโหสิกรรม
ต่อมาทางสำนักงานป.ป.ช ได้เชิญท่าน และดิฉันมาขึ้นเวทีร่วมกับคุณกล้าณรงค์ จันทิก ที่ทำคดีเรื่องทุจริตยา เราต่างมีโอกาสได้พบกันและเสวนาบนเวทีเดียวกัน ซึ่งดิฉันได้กล่าวขออโหสิกรรมต่อหน้าอีกครั้ง ว่า ดิฉันและองค์กรเครือข่าย ตรวจสอบกรณีทุจริตยา ได้กระทำไปตามหน้าที่พลเมือง ไม่มีความโกรธเคืองใดๆ เป็นส่วนตัวกับท่านเลย พระรักเกียรติก็ตอบรับการขออโหสิกรรม และบอกว่าเข้าใจสิ่งที่พวกเราทำ
พระรักเกียรติกล่าวว่า “เมื่อก่อนเคยคิดว่าคุณรสนาเป็นมือปืนรับจ้างของฝ่ายตรงข้ามในกระทรวงสาธารณสุข แต่ภายหลังจึงได้รู้ความจริงว่า มิใช่เป็นเช่นนั้น เพราะยังเห็นไปตรวจสอบเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีกฟผ.หรือ ปตท.ฯลฯ และเชื่อว่า มีความสุจริตใจ”
ดิฉันยอมนับถือท่าน ที่ท่านยอมรับผิด และได้ชดใช้ความผิดของท่านแล้ว ท่านกล่าวว่า “ถ้าอาตมามีโอกาสพบธรรมะของพระพุทธเจ้าก่อน อาตมาคงไม่มีชะตากรรมต้องติดคุกแบบนี้”
พระรักเกียรติยังเล่าเรื่องหมอดูที่เคยทำนายตั้งแต่ท่านยังเป็นนักการเมืองยังเติกร์กใหม่ๆว่า “จะมีโอกาสได้เป็นถึงรัฐมนตรี แต่ต้องระวัง เพราะมีดวงถ้าไม่ตายก็
ติดคุก “ หมอดูคนนั้นยังได้ทายดวงชะตาของอดีตนายกรัฐมนตรีอีกคนไว้อย่างแม่นยำ แต่ขอเว้นที่จะกล่าวถึง
พระรักเกียรติเคยเล่าถึงการคอร์รัปชันทางการเมืองว่า ในสมัยของท่าน ใครที่มีแววจะได้รับทุนอุดหนุนจากพรรคให้ลงส.ส เมื่อได้เป็น ส.ส หลายสมัย ถ้าจะเลื่อนขั้นเป็นรัฐมนตรี ก็ต้องมีมุ้งที่เลี้ยงดู ส.ส จำนวนหนึ่งเพื่อต่อรองให้เป็นรัฐมนตรี เมื่อเป็นรัฐมนตรี ก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงดูส.ส ในมุ้งของตนเอง ท่านกล่าวว่า สมัยมาเล่นการเมือง ก็มาด้วยอุดมคติ แต่สภาพของการเมือง ทำให้ต้องหาเงินมาเลี้ยงดู ส.ส ในมุ้งของตน จากการเข้าสู่การเมืองด้วยอุดมคติ ก็กลายเป็นเริ่มเข้าสู่ด้านมืด เพราะต้องหาเงินมาเพื่อมีตำแหน่งและอำนาจสูงขึ้น
พระรักเกียรติกล่าวว่า แต่รัฐธรรมนูญใหม่ในปี 2540 ยิ่งง่ายต่อการยึดอำนาจสภา ท่านเคยกล่าวว่า “ปัจจุบันนี้แค่มีเงิน 2หมื่นล้าน ก็สามารถซื้อ ส.ส ได้เกือบทั้งสภา”
พระรักเกียรติได้เริ่มเข้าสู่การเมืองในฐานะ ส.ส ยังเติร์กที่มีแววรุ่ง เปรียบเสมือนมาสว่าง แต่ช่วงกลางมืด เพราะสภาพการเมืองที่ต้องหาเงินจากอำนาจทางการเมืองมาดูแลมุ้ง หรือพยุงมือที่ยกสนับสนุนตำแหน่งรัฐมนตรีให้ แต่ต้องพบชะตากรรมที่ถูกลงโทษ และในที่สุดเมื่อบวชและได้มาพบธรรมะของพระพุทธเจ้า ทำให้ท่านได้กลับมาพบปลายทางที่สว่างอีกครั้ง
ดิฉันเชื่อว่า กรรมอันคุณรักเกียรติได้ชดใช้แล้วในชาตินี้และความดีที่ท่านได้บำเพ็ญสืบมาจนตราบสิ้นอายุขัย กุศลผลบุญดังกล่าวย่อมเป็นพลวัตปัจจัยให้ท่านได้พบสุคติในสัมปรายภพอย่างแน่นอน
รสนา โตสิตระกูล
13 มิ.ย 2562
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
“พระรักเกียรติ” เปิดวงจรอุบาทว์นักการเมืองไทยเข้ามาถอนทุน 3 ทาง