สรรพากร แจงปมร้านอาหารปัดVAT 50 สต.ขึ้น1บ.ไม่มีในกม.เป็นข้อตกลงร่วม-ลูกค้าทวงต้องทอนให้
สรรพากรแจงปมปัดเศษVATเกิน 50 สตางค์ เป็น 1 บาท ไม่มีในกม. ถือเป็นข้อตกลงร่วมระหว่างลูกค้ากับร้านอาหาร ชี้หากไม่พอใจสามารถทวงได้ต้องหามาทอน ด้านร้านมัลลิการ์ ยันเงินทุกบาทนำส่งภาษีสรรพากรหมด แสดงข้อมูลครบถ้วนในใบกำกับภาษี สนับสนุนลูกค้าขอทุกครั้งเพื่อความโปร่งใส
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอข้อร้องเรียนจากลูกค้าที่เข้าไปรับประทานอาหาร ร้านเย็นตาโฟเครื่องทรงโดย อ.มัลลิการ์ ที่มีการปัดเศษค่าภาษีมูลค่าเพิ่มผู้บริโภค (VAT) 7 % ซึ่งมีตัวเลขทศนิยมเศษสตางค์เกิน 50 สตางค์ ปัดขึ้นเป็น 1 บาท เพื่อแก้ปัญหาไม่มีเหรียญสตางค์ทอนให้กับลูกค้า (อ่านประกอบ: ร้านมัลลิการ์ แจงปัดเศษ VAT เกิน 50 สตางค์ เป็น 1บาท หลักสากลแก้เงินทอน-ปรึกษาสรรพากรแล้ว, ร้อง 'อิศรา' ช่วยสอบร้านอาหารดังคิด VAT 7% ปัดเศษสตางค์ทศนิยมเป็น1บ. หวั่นถูกเอาเปรียบ)
นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ รองอธิบดีกรมสรรพากร ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา ถึงข้อปฏิบัติเรื่องการจ่ายค่าภาษีมูลค่าเพิ่มผู้บริโภค (VAT) 7 % ของลูกค้าที่เข้าไปรับประทานอาหารในร้านค้าว่า ตามหลักการการเสีย VAT 7% มีข้อตกลงระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อในเรื่องการคืนภาษีให้ คือ ถ้าลูกค้าไม่ยอมที่จะเสียเงินตรงนี้ ก็มีสิทธิทวงคืนจากทางร้านค้าได้ และร้านค้าก็ต้องไปหาเหรียญมาทอนให้ได้ ซี่งที่ผ่านมาก็เคยมีข่าวว่าทางเซเว่นอีเลฟเว่นต้องไปหาเหรียญสตางค์มาทอน ดังนั้น จากกรณีดังกล่าวนี้ ตามหลักทางกฎหมายแล้วจะเห็นได้ว่า ไม่มีการกำหนดเอาไว้เลยว่า ถ้าหากเกิน 50 สตางค์ไปแล้ว จะต้องปัดขึ้นเป็น 1 บาท
เมื่อถามต่อว่า ถ้าหากมีการเก็บเงินจากการปัดเศษ VAT ที่เกิน 50 สตางค์เป็น 1 บาท เงินจำนวนที่เกินมานั้น ทางร้านค้า ต้องนำส่งให้สรรพากรด้วยหรือไม่ นางสมหมาย กล่าวว่า "ต้องดูตอนที่ออกใบกำกับภาษีเป็นใบสลิปเล็กๆนั้น ว่าทางร้านค้านำส่งมายังสรรพากรว่าเป็นอย่างไร แต่ทางสรรพากรยึดข้อกฎหมายเรื่องการเสียVAT 7% เปอร์เซ็นต์สำคัญ”
รองอธิบดีกรมสรรพากร ยังกล่าวด้วยว่า "ตามหลักการการเสียภาษีนั้นจะต้องมีการนำภาษีขายมาหักด้วยภาษีซื้อด้วย ไม่ใช่เก็บภาษีขายเพียวๆ ถ้าหากมีการเสียภาษีให้กับกรมสรรพากรด้วยเงินสดและมีเศษสตางค์ ไม่ว่าจะเป็นเศษ 25 สตางค์ 50 สตางค์ หรือ 75 สตางค์ ทางกรมสรรพากรก็จะเก็บเงินภาษีถ้วนๆไม่มีเศษสตางค์แต่อย่างใด อาทิ ถ้าหากต้องเสียภาษี 100 บาท แล้วมี 25 สตางค์ เราก็จะเก็บ 100 บาท หรือถ้ามี 90 สตางค์ เราก็จะเก็บ 100 บาทเช่นกัน ยกเว้นแต่ว่าการเสียภาษีนั้นจะเป็นการเสียภาษีด้วยเช็ค ก็จะมีการเก็บส่วนเกินที่เป็นสตางค์ตามมาด้วย"
ขณะที่ ตัวแทนฝ่ายบัญชีของบริษัทมัลลิการ์ อินเตอร์ฟู๊ด เจ้าของร้านมัลลิการ์ ได้ชี้แจงสำนักข่าวอิศราเพิ่มเติมว่า "อันที่จริงแล้วตามข้อมูลเรื่อง VAT นั้นมันจะมีใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย โดยจะระบุถึงคำว่า Tax INV ซึ่งแปลว่าใบกำกับภาษีอย่างย่อตามมา แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ลูกค้ามักจะไม่ขอกัน โดยถ้าหากขอก็จะทราบเลยว่าเวลามากินที่ร้านจะมีภาษีตรงไหนบ้าง ซึ่งทางร้านได้ขึ้นป้ายและพยายามบอกตลอดว่าลูกค้าสามารถขอใบกำกับภาษีได้ ดังนั้น ถ้าหากมีประเด็นสงสัยอย่างไรในเรื่องรายละเอียดการจ่ายเงินค่าอาหาร รวมไปถึงภาษีมูลค่าเพิ่มต่างๆ ก็สามารถจะสอบถามกับทางร้านได้ ซึ่งที่ผ่านมาทางร้านก็สนับสนุนลูกค้าที่มาใช้บริการให้ขอใบกำกับภาษีตรงนี้ด้วยเช่นกันเพื่อให้เกิดความโปร่งใส"
"ขอยืนยันว่าจำนวนเงินที่มีการปัดเศษขึ้นนั้น ทุกสตางค์จะต้องนำส่งเป็นภาษีให้กับทางสรรพากรหมด ขอย้ำว่าทางร้านนั้นไม่มีการเก็บเงินเอาไว้กับตัวเองอย่างแน่นอน ซึ่งตรงนี้สามารถตรวจสอบได้ และต้องขอชี้แจงอีกครั้งว่า ราคาอาหารในร้านนั้นไม่ได้แพงแต่อย่างใด ถ้าหากเทียบกับราคาอาหารร้านอื่นๆในห้างสรรพสินค้า และสมมติว่าเมื่อสั่งอาหาร อาทิ เย็นตาโฟ ราคา 98 บาท ก็จะได้วัตถุดิบที่ปรากฎตามรูปในเมนูอย่างแน่นอน" ตัวแทนฝ่ายบัญชีของบริษัทมัลลิการ์ อินเตอร์ฟู๊ด เจ้าของร้านมัลลิการ์ระบุ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ
โชว์รายได้208ล.ขาดทุน53ล.! ถุงเงินร้านมัลลิการ์ ก่อนปมปัดเศษVAT แก้ปัญหาทอนตังค์ลูกค้า
ร้านมัลลิการ์ แจงปัดเศษ VAT เกิน 50 สตางค์ เป็น 1บาท หลักสากลแก้เงินทอน-ปรึกษาสรรพากรแล้ว
ร้อง 'อิศรา' ช่วยสอบร้านอาหารดังคิด VAT 7% ปัดเศษสตางค์ทศนิยมเป็น1บ. หวั่นถูกเอาเปรียบ