ประยุทธ์ จันทร์โอชา:โหวตเลือกนายกฯเชื่อในวุฒิภาวะของ ส.ส.-ส.ว.
การตั้งคณะรัฐมนตรีต้องหาทางออกให้ได้เพื่อเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง ไม่ใช่รัฐบาลของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เป็นรัฐบาลของประชาชน เป็นรัฐบาลของประเทศ ทุกคนต่างก็มุ่งหวังเข้ามาทำงานการเมือง เพื่อประชาชนด้วยกันทั้งสิ้น และประชาชนยังรอความหวังจากรัฐบาลนี้อยู่
วันที่ 4 มิถุนายน 2562 เวลา 13.10 น. ณ บริเวณห้องโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงเหตุผลในการปฏิเสธไม่ไปแสดงวิสัยทัศน์ในวันโหวตนายกรัฐมนตรี 5 มิถุนายนนี้ว่า เรื่องการแสดงวิสัยทัศน์ ได้ตอบไปแล้ว ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่โดยพยายามทำให้ดีที่สุด พยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มากมาย ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของตนคือมั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน ภายในหลักการสามัญคือการมองอนาคตไปข้างหน้า และมีแผนปฏิบัติราชการมาโดยตลอด ซึ่งได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทไว้อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ เพิ่มความเชื่อมโยงในทุกมิติ ทั้งกายภาพและในส่วนของดิจิทัล ต้องปรับตัวเองให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกในวันนี้ด้วย
สำหรับการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้มองในทางที่ดี อย่าไปมองในทางที่ไม่ดี โดยเชื่อในวุฒิภาวะของ ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ทรงเกียรติ รวมถึงขีดความสามารถ ประสบการณ์ของประธานรัฐสภาทั้งสองคน น่าจะทำให้การประชุมในวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีดำเนินการต่อไปได้ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ต้องการให้พูดกันเฉพาะวาระที่กำหนดไว้ในการประชุมเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า วันนี้คนไทยทุกคน มุ่งหวัง คาดหวัง และรอฟังการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 5 มิถุนายน ต้องการให้ทุกคนมั่นใจนักการเมือง ส.ส.ต่าง ๆ ที่ได้คัดเลือกจากประชาชนเข้ามาทำหน้าที่ผู้ทรงเกียรติ และทุกคนทราบดีถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในระยะเวลากว่า 10 ปี ทุกคนต้องนำมาเป็นบทเรียนว่าทำอย่างไรจะไม่เกิดขึ้นอีก ทำอย่างไรให้ประชาชนไม่เบื่อหน่าย ทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อมั่น ทำอย่างไรสิ่งที่ได้หาเสียงไว้ทำตามขั้นตอนตามความเหมาะสม ตามสถานการณ์ ซึ่งทุกอย่างไม่มีอะไรจะได้โดยเร็วทั้งหมด เพราะทั้งหมดจะต้องคำนึงถึงภาระงบประมาณของรัฐด้วย ถ้ายังเป็นแบบเดิม ๆ ประเทศไทยจะเสียโอกาสอีกมากมาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกมีปัญหา สงครามการค้ายังไม่จบ สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบกับประเทศไทยและอาเซียนและทุกภูมิภาคของโลกใบนี้ หลายคนบอกว่า อยากให้มีการปฏิรูป ซึ่งได้เริ่มต้นปฏิรูปมาระยะหนึ่งแล้ว จากนี้เป็นการปฏิรูปการเมืองในระบบรัฐสภา โดย ส.ส. และ ส.ว.ผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ต้องช่วยให้การปฏิรูปการเมืองเดินหน้าไปด้วยดี ไม่กลับไปสู่ปัญหาเดิม ๆ อีก ดังนั้น ควรเริ่มจากการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แสดงให้ประชาชนมั่นใจว่า เลือกมาแล้วไม่ผิด ไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง
"การจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกนายกรัฐมนตรี ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าต้องการให้มีการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว เพราะฉะนั้นทุกคนที่อยู่ในกลไกการ จัดตั้งคณะรัฐมนตรีต้องหาทางออกให้ได้เพื่อเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง ไม่ใช่รัฐบาลของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เป็นรัฐบาลของประชาชน เป็นรัฐบาลของประเทศ เพราะฉะนั้นต้องหาทางออกให้ได้ ทุกคนต่างก็มุ่งหวังเข้ามาทำงานการเมือง เพื่อประชาชนด้วยกันทั้งสิ้น และประชาชนยังรอความหวังจากรัฐบาลนี้อยู่"
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าเมื่อตั้งรัฐบาลเสร็จแล้วสถานการณ์ทางการเมืองจะสงบเรียบร้อยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ไม่อยากให้มองเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองอย่างเดียว ต้องมองเรื่องของการมีเสถียรภาพ ความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคมสิ่งแวดล้อม และการกระจายรายได้ด้วย จะมองเรื่องการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ การเมืองเป็นเพียงกลไกหนึ่ง ในการทำหน้าที่เพื่อประชาชนทุกหมู่ ทุกฝ่าย ทุกอาชีพ ทุกรายได้เพราะถือเป็นคนไทยทั้งประเทศ ต้องเป็นรัฐบาลเพื่อประชาชน โดยประชาชนทั้งสิ้นภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข นายกรัฐมนตรีทำคนเดียวไม่ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใดก็ตาม ทุกคนต้องร่วมมือกัน จะแบ่งแยกกันไม่ได้ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมทั้งหมดเพื่อทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า