โฉนด 5 แปลง เงินฝาก 5 บัญชี! ปปง.อายัดทรัพย์กลุ่มทุนลอบขุดทรายรุกป่าสงวน จ.พังงา
ปปง.รับลูกดีเอสไอ อายัดทรัพย์ กลุ่มทุนเจ้าของบ่อทราย‘วิชา จิรัชฌานนท์’กับพวก ลักลอบขุดทรายในเขตป่าสงวน จ.พังงา โฉนดที่ดิน 5 แปลงกว่า 57 ไร่ เงินฝาก 5 บัญชี เสียหายกว่า 85 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า คณะกรรมการธุรกรรม ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่ง ที่ ย.83/2562 ลงวันที่ 2 พ.ค.2562 อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว รายนายวิชา จิรัชฌานนท์ กับพวก ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อม ตามที่ได้รับรายงานจากสํานักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบด้วย โฉนดที่ดินใน ต.นาเตย ต.ท้ายเหมือง ต.บางทอง อ.ท้ายเหมือง ,ต. บางไทร อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา รวม 5 แปลง เนื้อที่ ประมาณ 57-2-20.2 ตารางวา เงินฝาก 5 บัญชี อยู่ในชื่อนายวิชา ทั้งหมด มูลค่าประมาณ 9,554,853.66 บาท
ในคำสั่งของคณะกรรมการธุรกรรมระบุว่า สํานักงาน ปปง. ระบุว่า ได้รับรายงาน จากสํานักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามหนังสือที่ ยธ 0815/3965 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 เรื่อง รายงานการดําเนินคดีความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน รายนายวิชา จิรัชฌานนท์ กับพวก ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ ยึดถือ หรือครอบครองทรัพยากรธรรมชาติหรือกระบวนการแสวงหาประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันมีลักษณะเป็นการค้า กล่าวคือ
สืบเนื่องจาก สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพังงา ได้มีหนังสือกล่าวโทษกรณีมีกลุ่มนายทุน ผู้มีอิทธิพลรวมตัวกันเป็นขบวนการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้และขุดเอาทรายซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนรวมไปขายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน โดยมีการใช้อิทธิพลข่มขู่รังแกข้าราชการและประชาชนในพื้นที่ ให้ได้รับความหวาดกลัว และขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ สืบสวนนําตัวผู้กระทําความผิดมาดําเนินคดี ตามกฎหมาย ต่อมาเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 เจ้าพนักงานตํารวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สนธิกําลังเข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณบ่อทราย ติดกับถนนสาธารณะ (ถนนท่าดินแดง) หมู่ที่ 6 ตําบลท้ายเหมือง อําเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ผลการตรวจสอบพบรถแบ็กโฮกําลังขุดตักดินในพื้นที่ และพบรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ บรรทุกทราย จํานวน 1 คัน และรถยนต์บรรทุกพ่วง 10 ล้อบรรทุกทราย จํานวน 2 คัน จอดอยู่บริเวณใกล้กับ ที่เกิดเหตุ โดยมีนายวิชา จิรัชฌานนท์ ผู้ต้องหา แสดงตัวเป็นเจ้าของบ่อทรายดังกล่าว พร้อมกับชี้แจงว่า ตนได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ดําเนินการขุดทรายได้ แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว พบว่าผู้ต้องหา ได้แผ้วถางขุดทรายเกินกว่าพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานผู้ตรวจค้นจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าลักทรัพย์ที่ใช้ หรือมีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ยึดถือครอบครองทําประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือกระทําด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยได้กระทําเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ เข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น เข้าไปยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐ ทําสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดินโดยมิได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตั้งและประกอบกิจการโรงงานจําพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นได้ร่วมกันจับกุมตัว ผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นําส่งพนักงานสอบสวนสถานีตํารวจภูธรท้ายเหมือง ดําเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาคณะกรรมการคดีพิเศษได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 5/2555 เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2555 ให้กรณี ขบวนการบุกรุกและลักลอบขุดทรายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองทุ่งมะพร้าว อําเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยรับคดีดังกล่าวนี้เป็นคดีพิเศษที่ 236/2555 ซึ่งได้ความว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์บุกรุก ลักลอบขุดทราย ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองทุ่งมะพร้าว ตําบลท้ายเหมือง อําเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เพื่อนําไปจําหน่ายต่อให้กับผู้อื่น โดยที่ดินแปลงที่ผู้ต้องหาได้รับอนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ มีเนื้อที่เพียง 5-0-0 ไร่ แต่ทําการดูดทรายคิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 32-2-34 ไร่ ซึ่งเกินกว่าบริเวณที่ได้รับอนุญาตถึง 27-2-34 ไร่ คิดมูลค่าความเสียหายตามปริมาตรทรายที่ถูกขุดโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเงิน 83,445,584.41 บาท และมูลค่าความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมเป็นเงิน 2,032,181.00 ถึง 2,062,754.00 บาท อันเข้าลักษณะเป็น ความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (15) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายวิชา จิรัชญานนท์ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทําความผิด ดังกล่าว
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 8/2560 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2560 ที่ประชุมมีมติ มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดําเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคําสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่ ม.152/2560 ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2560 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด รายนายวิชา จิรัชฌานนท์ กับพวก พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ ดําเนินการตรวจสอบรายงานการทําธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทําธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว ปรากฏ หลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่านายวิชา จิรัชฌานนท์ กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทําอันเข้าลักษณะเป็นความผิด มูลฐานตามมาตรา 3 (15) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทําความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และจากการตรวจสอบข้อมูลการทําธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด รวมทั้งจากการ รวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด จํานวน 10 รายการ พร้อมดอกผล และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดในคดีนี้ประกอบด้วย อสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่ดินตามโฉนดที่ดิน ที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3 ก.) อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียนในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครอง โดยผู้มีชื่อ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองอาจดําเนินการทางนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ หรือผู้มีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้ และสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร อันเป็นทรัพย์สินที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือช่อนเร้นได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคําสั่งให้อายัด ทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดําเนินการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคําสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าว ตกเป็นของแผ่นดิน สํานักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุ อันควรเชื่อได้ว่านายวิชา จิรัชญานนท์ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด และอาจมี การโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 4/2562 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2562 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณาดําเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคําสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว จํานวน 10 รายการ พร้อมดอกผล มีกําหนด ไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2562 ถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2562 โดยมีรายการทรัพย์สินที่อายัตปรากฏตามบัญชีทรัพย์สิน แนบท้ายคําสั่งนี้