ผลการเลือกตั้ง 24 มีนาคม แสดงการเปลี่ยนแปลงใหญ่ประเทศไทย
พรรคการเมืองใดยังหมกมุ่นเรื่องอำนาจและผลประโยชน์แบบเก่าๆ จะถูกประชาชนทิ้งให้ตกยุค ทุกพรรคจะต้องพัฒนาความเป็นสถาบัน คือตั้งอยู่ในความถูกต้อง มีความรู้ และความดี นำเสนอและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะที่ดีๆ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชน
ผลการเลือกตั้งเมื่อ 24 มีนาคม 2562 แสดงการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในคุณภาพการเลือกตั้งของประชาชน ดังนี้
(1) นักการเมืองเชิงอุปถัมภ์แบบโบราณเกือบสูญพันธุ์
(2) แม้ซีกรัฐบาลที่มีอำนาจอยู่จะเอาเปรียบ และได้เปรียบทุกประการ ทั้งการเขียน กติกา การสร้างกลไก และอื่นๆ พรรคซีกรัฐบาลก็ไม่ได้รับเสียงส่วนใหญ่ เสียงที่เลือกพรรคที่ประกาศชัดเจนว่าไม่เอาด้วยกับรัฐบาล รวมกันได้รับเสียงเลือกตั้งมากกว่า
(3) การออกเสียงเลือกพรรคใดก็แล้วแต่ เลือกอย่างมีความหมายทางนโยบาย ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์กับตัวนักการเมืองแบบในอดีต กล่าวคือ
• เลือกพรรค พท. เพราะนโยบายเพื่อคนจนรากหญ้าที่สืบมาจากพรรคไทยรักไทย
• เลือกพรรค พปชร. เพราะกลัวทักษินกลับมาบ้านเมืองจะไม่สงบ อยากให้บ้านเมืองสงบ
• เลือกพรรคอนาคตใหม่ เพราะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจากแบบเก่าๆ
• เลือกพรรค ปชป. แม้ลดน้อยลงก็เป็นส่วนที่สนับสนุนหัวหน้าพรรค ที่ประกาศไม่ร่วมกับพรรคที่สนับสนุนหัวหน้ารัฐประหาร
ประชาชนจะเลือกพรรคใดก็ตามดังกล่าวข้างต้น ต้องถือว่า เลือกเพราะนโยบาย นี้เป็นคุณภาพใหม่ของประชาชนในการเลือกตั้ง ที่ชี้แนวโน้มอนาคตการเมืองไทย ซึ่งอาจจะไปตรงกับการพยากรณ์ของ บุญลือ วงษ์ท้าว ที่ว่าเมื่อถึง พ.ศ.2562 การเมืองการปกครองไทยจะเข้าสู่ประชาธิปไตยยุคที่ 3 เป็นยุคแห่งความรู้ คุณธรรม จริยธรรม
คุณภาพของประชาชนคือปัจจัยกำหนดคุณภาพของการเมือง ประชาชนไทยก้าวหน้าขึ้นมาก จากประสบการณ์ จากการต่อสู้ จากการเรียนรู้ จากการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ ชุมชนท้องถิ่นมีความเข้มแข็งมากขึ้น มีผู้นำชุมชนท้องถิ่นที่ดีและเก่งหลายแสนคนแล้วที่กำลังทำเรื่องดีๆ อย่างไม่น่าเชื่อที่คนข้างบนไม่รู้ เมื่อทีมของกองบรรณาธิการสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ลงไปดูเรื่องของคนข้างล่างเมื่อ 2 – 3 ปีก่อน กลับมาเล่าว่า “รู้สึกปลื้มปิติจนขนลุกที่เห็นคนข้างล่างกำลังทำเรื่องดีๆ ประเทศไทยเปลี่ยนแน่” คณะนี้เห็นล่วงหน้ามาแล้วว่าประเทศไทยเปลี่ยนแน่ เพราะคนไทยกำลังทำเรื่องดีๆ
พรรคการเมืองต้องตามการเปลี่ยนแปลงของประชาชนให้ทัน
พรรคการเมืองใดยังหมกมุ่นเรื่องอำนาจและผลประโยชน์แบบเก่าๆ จะถูกประชาชนทิ้งให้ตกยุค ทุกพรรคจะต้องพัฒนาความเป็นสถาบัน คือตั้งอยู่ในความถูกต้อง มีความรู้ และความดี นำเสนอและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะที่ดีๆ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชน
ขณะที่เขียนบทความนี้ยังไม่ทราบว่าพรรคใดจะจัดตั้งรัฐบาล พรรคใดจะเป็นฝ่ายค้าน เนื่องจากมีจำนวนผู้แทนราษฎรไล่เลี่ยกัน ฝ่ายค้านก็จะมีอำนาจต่อรองเชิงนโยบายได้เกือบไม่แพ้กัน ถ้าคิดว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ 2 ปี แล้วมีการเลือกตั้งในปี 2564 แล้วเข้าสู่ประชาธิปไตยยุคที่ 3 ดังกล่าวข้างต้น ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านควรต่อรองผลักดันทำนโยบายดีๆ ให้ประชาชนเห็น โดยทำความเข้าใจประเด็นใหญ่ๆ ของประเทศไทยสัก 7 – 8 เรื่อง และควรผลักดันแก้ไขกฏกติกาที่ไม่เป็นธรรม อย่าอยู่กับความไม่เป็นธรรมเลย ประชาชนเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจทางการเมืองแล้ว
ถ้าทุกฝ่ายช่วยกันทำเรื่องดีๆ การเลือกตั้งในปี 2564 จะยิ่งมีคุณภาพมากขึ้น และประเทศจะก้าวสู่ประชาธิปไตยยุคใหม่ที่มีความลงตัวและประเทศหลุดพ้นจากหลุมดำได้
ที่ว่าทุกฝ่ายนั้นรวมถึงคุณทักษิณด้วย
คุณทักษิณสามารถทำให้สังคมส่วนที่ยังกลัวคุณทักษิณหายกลัวได้ โดยถอนตัวจากการต่อสู้ทางการเมืองไปทำแบบ บิลล์ เกตส์ หรือยิ่งกว่านั้น
ขณะนี้โลกขาดผู้นำที่จะขับเคลื่อนเรื่อง New Consciousness and Peace และกำลังระส่ำระสาย คุณทักษิณมีความสามารถระดับโลก สามารถขับเคลื่อนเรื่องจิตสำนึกใหม่และสันติภาพโลก ดังที่ผมเคยเสนอแนะเมื่อหลายปีก่อน อาจสร้าง Foundation for Global New Consciousness and Peace เป็นเครื่องมือ การทำเรื่องนี้จะเป็นคุณแก่โลกและแก่ประเทศไทยด้วย สังคมส่วนที่เคยกลัวคุณทักษิณก็จะหายกลัว และจะออกเสียงเลือกตั้งให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยและมีคุณภาพมากขึ้น
ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา ฝ่ายทุนนิยม ฝ่ายสังคมนิยม ถ้ามีวัตถุประสงค์ตรงกันที่จะสร้างประเทศไทยให้เป็นสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม การเป็นซ้าย เป็นขวา เป็นสังคม เป็นเทคโนโลยี หรืออะไรอื่น ก็ไม่มีความเป็นปฏิปักษ์ แต่เป็นการเสริมเพื่อสร้างสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันด้วยความเป็นธรรม อะไรที่ดีของแต่ละอย่างก็นำมาใช้ประโยชน์
ที่เรียกว่าฝ่ายซ้ายนั้นเขาไม่ใช่คนเลว หรือยักษ์มารอะไร นิยามสั้นๆ ของฝ่ายซ้ายก็คือคนที่เห็นใจคนจนและรักความเป็นธรรม ซึ่งก็ควรนำมาเป็นแนวทางในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ร่วมกันด้วยความเป็นธรรม ในการนี้อะไรที่ควรอนุรักษ์ก็อนุรักษ์ อะไรที่ควรใช้ทุนก็ใช้ทุน อะไรที่ต้องใช้สังคมเข้มแข็งก็ใช้ สังคม เทคโนโลยี และอื่นๆ ก็เช่นกัน ถ้าวัตถุประสงค์ตรงกันฝ่ายที่ดูเหมือนตรงข้ามก็สามารถร่วมมือกันได้ ประเทศไทยกำลังมาถึงยุคใหม่แล้ว ที่คนไทยทุกหมู่เหล่าร่วมสร้างประชาธิปไตยยุคศรีอาริยะ และในยุคเช่นนี้กองทัพก็จะถอนตัวจากการเมืองโดยอัตโนมัติ ไปทำหน้าที่ป้องกันประเทศและรักษาความมั่นคงในพหุบทตามสภาพการณ์สมัยใหม่ที่ซับซ้อน
สังคมไทยที่หลายคนบ่นว่าไม่เอาไหน ถ้าพิจารณาตามประวัติศาสตร์ มีความสามารถในการปรับตัว และยืดหยุ่นได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เรากำลังจะเห็นการเปลี่ยนใหญ่ประเทศไทย ที่คนไทยแต่ละฝ่ายกำลังทำเรื่องดีๆ จะโดยร่วมกันหรือไม่ร่วมก็แล้วแต่ แต่มันจะถักทอกันสร้างประเทศไทยที่น่าอยู่ที่สุด เป็นประเทศของเราร่วมกัน
(หมายเหตุ : การชุมนุมประท้วงแบบผิดกฏหมายหรือก่อความรุนแรงไม่น่าจะมีอีกแล้ว เพราะทุกฝ่ายมีบทเรียน และความเอาจริงของกระบวนการทางกฏหมาย)