ประชาพิจารณ์ กฎ Must-Carry ฉลุย! กสทช.เร่ง คาดใช้ได้ก่อนโอลิมปิก
เวทีประชาพิจารณ์ กฎ Must-Carry ฉลุย! “นที” หวังใช้ได้ก่อนโอลิมปิก ฟรีทีวีเห็นด้วย–ผู้บริโภคห่วง เปิดช่องฮั้ว ยัด “รายการขยะ”
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่โรงแรมเซ็นจูรี่พาร์ค สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้จัดเวทีประชาพิจารณ์ ต่อ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป หรือกฎ Must-Carry โดยมีผู้เกี่ยวข้อง ทั้งตัวแทนฟรีทีวี (ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบเป็นการทั่วไป) เปย์ทีวี (ผู้ให้บริการแบบบอกรับสมาชิก) เคเบิลทีวี สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป กว่า 100 คนเข้าร่วม
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการ กสทช. ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ )กสท.) กล่าวเปิดงานว่า ร่างประกาศฯ นี้เป็นการแก้ไขปัญหาชั่วคราว เพื่อให้ฟรีทีวีที่ให้ทรัพยากรของรัฐ สามารถไปถึงประชาชนทุกคน ในระหว่างที่มีการเปลี่ยนผ่านจากระบบอนาล็อกไปยังระบบดิจิตอล เมื่อร่างประกาศฯนี้มีผลบังคับใช้ เปย์ทีวีต้องมีหน้าที่เป็นแค่สายอากาศ ส่งต่อสิ่งที่ฟรีทีวีส่งต่อมา เพราะเหมือนเป็น Public Service ส่วนรายการที่มีเนื้อหาพิเศษ Premium Content ท่านต้องไปแข่งขันกันเอง คิดว่าการออกกฎนี้จะวิน-วินกับทุกฝ่าย ทุกคนจะได้รับข้อมูลอย่างทั่วถึง ขณะที่เจ้าของลิขสิทธิ์ปกติขายให้ฟรีทีวี ก็ขายให้ฟรีทีวีเหมือนเดิม ส่วนจุดที่ส่งผ่านให้ฟรีทีวีไม่ได้ ก็ชดเชยด้วยการส่งผ่านอีกรูปแบบ ยืนยันว่าทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ได้แก้ปัญหาหนึ่งปัญหาใดเป็นการเฉพาะ จึงการันตีไม่ได้ว่ารายการนั้นรายการนี้จะได้ดู ยืนยันว่าร่างประกาศฯนี้ไม่มีส่วนใดละเมิดลิขสิทธิ์
“หลังผ่านการทำประชาพิจารณ์ในวันนี้แล้ว จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุม กสทช.วันที่ 18 ก.ค.ทันที หากได้รับความเห็นชอบ ก็จะส่งเรื่องไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไป ยืนยันการออกร่างประกาศฯ คาดว่าจะบังคับใช้ได้ก่อนโอลิมปิก แต่เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับโอลิมปิก เพราะทางทีวีพูลก็ยืนยันว่าสามารถดูได้อยู่แล้ว ไม่มีจอดำแต่อย่างใด” พ.อ.นทีกล่าว
หลังจากนั้น เป็นช่วงของการแสดงความเห็น ต่างร่างประกาศฯ ดังกล่าว
ตัวแทนประชาชนทั่วไป กล่าวว่า ขอท้วงเรื่องร่างประกาศฯ ข้อ 4 วรรคสอง บรรทัดสุดท้าย ตั้งแต่คำว่า “เว้นแต่..ในเชิงพาณิชย์” อยากให้มีความชัดเจนว่า การแสวหาผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ แบบไหนที่ต้องเสียเงิน ไม่เช่นนั้น กสทช.จะต้องมานั่งปวดหัว ชี้ว่าอันไหนพาณิชย์-ไม่พาณิชย์
ตัวแทน บ.ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเปย์ทีวี กล่าวว่า ข้อ 4, 5 และ 6 อยากให้ปรับให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาเรื่องจอดำ ควรจะใส่คำว่า “ประชาชนและผู้ประกอบการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกทุกราย”เพราะที่ พ.อ.นทีกล่าวว่า ร่างประกาศฯ นี้จะทำให้เปย์ทีวีเป็นแค่สายอากาศ แต่อยากให้ใส่ข้อความว่า เรื่องลิขสิทธิ์ไม่มีปัญหา ให้เหมือนกับกฎ Must-Carry ทั่วโลก ว่าเรื่อง Rights ไม่มีปัญหา หากนำมาออกเปย์ทีวีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ข้อ 4 กำหนดภาระให้กับฟรีทีวี ข้อ 6 กำหนดภาระให้กับเปย์ทีวี แต่ข้อ 6 ควรจะเติมคำว่า ทั้งนี้ตามสัญญาณทีฟรีทีวีส่งมา เช่นถ้าเกิดเขาไม่ส่งมา แล้วเกิดผู้บริโภคเขาร้องมา
“อีกหน่อยฟรีทีวีจะเป็นระบบดิจิตอล จะมีการแบ่งช่องเยอะมาก แล้วเปย์ทีวีมีหลายขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ในเมื่อข้อ 6 ไม่กำหนดให้เขา เรื่องความจุเขาอาจจะทำไม่ได้ จึงควรจะเติมถ้อยคำด้วยว่า 'และไม่เกิดภาระอันเกินสมควรแก่เปย์ทีวีด้วย' เพราะเขาอาจจะอยู่ในชุมชนเล็กๆ ไม่มีทางแบกรักภาระของฟรีทีวีในระบบใหม่” ตัวแทน บ.ทรูวิชั่นส์ฯ กล่าว
ตัวแทนสถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 เปิดเผยว่า ตัวแทนฟรีทีวีทั้ง 6 ช่องได้ประชุมเพื่อหารือกันถึงร่างประกาศฯดังกล่าว เบื้องต้นฟรีทีวีเห็นด้วยกับร่างประกาศฯดังกล่าว แต่ประเด็นสำคัญสิ่งที่ฟรีทีวีมีเห็นความเพิ่มเติมร่วมกัน คือ 1.เผยแพร่รายการเดียวกันโดยไม่มีการตัดทอนหรือแก้ไขใดๆทั้งสิ้น 2.การเผยแพร่ต้องในเวลาเดียวกับสื่อต้นทาง หรือเป็นแบบเรียลไทม์ 3.ต้องไม่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ และ 4.ต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือทางการค้าเพิ่มเติม
ตัวแทนผู้บริโภครายหนึ่ง กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่กังวลคือเมื่อมีกฎ Must-Carry แล้วจะมี Must-Offer ไหม คือทำอย่างไร ไม่ให้ฟรีทีวีชะลอการลงทุน แล้วนำรายการเนื้อหาขยะมาให้เรา แล้วร่างประกาศฯนี้จะไปป้องกันลิขสิทธิ์เหนือตลาดได้อย่างไร เพราะ Must-Carry จะทำให้เกิดการฮั้วกัน แล้วความเป็นธรรมในการเข้าถึงจะอยู่ที่ไหน นอกจากนี้เ เราจะหาข้อกำหนดป้องการมาโก่งราคาสินค้าได้อย่างไร ดังนั้นกฎ Must-Carry นอกจากดูได้อย่างเดียว ยังมีรายการที่มีเนื้อหาสาระด้วย ไม่ใช่ดูช่องหลายสีแล้วมีแต่รายการโฆษณาอย่างเดียว
ผู้สื่อข่าว “สำนักข่าวอิศรา” รายงานว่า ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับกฎ Must-Carry แต่มีข้อท้วงติงเรื่องถ้อยคำในตัวร่างประกาศฯ ที่ยังเขียนไว้ไม่คลุมเครือ จึงอยากให้ กสทช.กลับไปปรับปรุงให้ชัดเจนมากขึ้น
