ป.ป.ช.อุบเงียบฟันอาญา ปลัดเทศบาลบ้านแซว เชียงราย-พวก 5 ราย คดีทุจริตจัดซื้อ ผ้าห่ม ปี 57
ป.ป.ช.อุบเงียบเชือด 'เศรษฐศักดิ์ พรหมมา' ปลัดเทศบาลตำบลบ้านแซว เชียงราย พร้อมพวก 5 ราย คดีทุจริตจัดซื้อ ผ้าห่ม ปี 57 ส่งเรื่องอัยการดำเนินคดีอาญาแล้ว ตั้งแต่ช่วง พ.ย. 61 เผยเคยถูก บิ๊กตู่ ใช้อำนาจ ม.44 สั่งระงับปฏิบัติหน้าที่ ล็อต 9 ด้วย
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายเศรษฐศักดิ์ พรหมมา เมื่อครั้งดำรง ปลัดเทศบาลตำบลบ้านแซว อําเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรี ตำบลบ้านแซว และพวก ประกอบไปด้วย นายพินัย ทิพย์คำ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองช่าง นายอินทร ปัญญาวงค์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง หัวหน้าสำนักปลัด นางสาวพัชโรบล กาวีละ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นักวิชาการพัสดุ นายสมถวิล แก้วดำ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ประสานงานชนบท และ นายสุทัศน์ นาระถี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง พนักงานสูบน้ำ ในคดีทุจริตโครงการจัดซื้อ ผ้าห่มของเทศบาลตำบล บ้านแซว ปีงบประมาณ 2557
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายเศรษฐศักดิ์ พรหมมา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความ เสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอก ข้อความลงในเอกสาร รับรอง เป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการ อย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใด ได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริง อันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริง อันเป็นความเท็จ ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา 162 (1) (4) และ ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจ ในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ประกอบ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริตพ.ศ.2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือ ผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริต ต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้ เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงาน เทศบาลจังหวัดเชียงราย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษ ทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง
นายพินัย ทิพย์คำ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา 162 (1) (4) และ ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความ เสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือ ผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของ ทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือ นโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้ เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงาน เทศบาลจังหวัดเชียงราย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษ ทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง
นายอินทร ปัญญาวงค์ มีมูลความผิดทางวินัย ฐานอาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัย อำนาจหน้าที่ราชการของตน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หาประโยชน์ แก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประกาศ คณะกรรมการพนักงานเทศบาล จังหวัดเชียงราย เรื่อง หลักเกณฑ์และ เงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และ การร้องทุกข์ ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสอง
นางสาวพัชโรบล กาวีละ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา 162 (1), (4) และ ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่น ได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริต ต่อหน้าที่ราชการ และฐานปฏิบัติหน้าที่ ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้ เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงาน เทศบาลจังหวัดเชียงราย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจาก ราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง
นายสมถวิล แก้วดำ และ นายสุทัศน์ นาระถี มีมูลความผิดทางวินัย ฐานอาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัย อำนาจหน้าที่ราชการของตน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หาประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประกาศคณะกรรมการพนักงาน เทศบาลจังหวัดเชียงราย เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการ สอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสอง ประกอบประกาศ คณะกรรมการพนักงานเทศบาล จังหวัดเชียงราย เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงาน บุคคลของเทศบาล ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2545 ข้อ 420
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณา โทษทางวินัย และไปยังอัยการ สูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว เมื่อวันที่ 31 พ.ย. 2561 อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
ทั้งนี้ นายเศรษฐศักดิ์ พรหมมา เคยถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ตามคำสั่งหัวคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 35/2560 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 9 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นทางการ กรณีสั่งให้ดำเนินการจัดซื้อและเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้ขายโดยไม่จัดทำเอกสารหลักฐานตามที่ระเบียบกำหนด แต่จัดทำแล้วให้ผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งตนเองลงลายมือชื่อในภายหลัง และสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปลอมหลักฐานการแจกผ้าห่มและลงลายมือชื่อแทนผู้มีรายชื่อตามหลักฐานและนำหลักฐานการแจกผ้าห่ม จำนวน 3 ชุด ซึ่งมีรายละเอียดข้อความไม่ถูกต้องตรงกันมาใช้อ้างอิงเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ (อ่านประกอบ: โดนสอบพร้อมนาย-ปลอมหลักฐานแจกผ้าห่ม! ล้วงข้อกล่าวหา13ปลัดอบจ.อบต.เทศบาล ม.44 ล็อต 9)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/