'เดชา' นำทีมเดินเพื่อผู้ป่วย วันเเรก 15 กม. ปลดเเอก 'กัญชา' ใช้ทางการเเพทย์
'เดชา' นำทีมเดินเพื่อผู้ป่วย 21 พ.ค.-9 มิ.ย. พิจิตรถึงสุพรรณบุรี ปลดเเอก 'กัญชา' ใช้ทางการเเพทย์ กำหนดเป้าหมายระยะยาว สร้างศูนย์การรักษาด้วยอาหารและสมุนไพร ทุกอำเภอ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่าวันที่ 21 พ.ค.-9 มิ.ย. 2562 นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ พร้อมภาคีองค์กรเครือข่าย ร่วมเดินเพื่อผู้ป่วย Cannabis Walk Thailand ซึ่งวันแรก (21 พ.ค.) จะเดินตั้งแต่วัดป่าวชิรโพธิญาณ อ.โพทะเล จ.พิจิตร -วัดบ้านหนองบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร -วัดโพธิ์ไทรงาม อ.บึงนาราง จ.พิจิตร รวมระยะทาง 15 กิโลเมตร
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.มูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า มูลนิธิข้าวขวัญ พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย 11 องค์กร ออกแถลงการณ์ระบุการเดินทางของประชาชนเดินเพื่อผู้ป่วยปลดกัญชาออกจากยาเสพติดเพื่อการแพทย์ ณ วัดป่าวชิรโพธิญาณ จ.พิจิตร มุ่งหน้าสู่วัดบางปลาหมอ จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.-9 มิ.ย. 2562 คือ การประกาศว่าการใช้กัญชาเพื่อเยียวยารักษาการป่วยไข้เป็นสิทธิและศีลธรรมขั้นพื้นฐาน ซึ่งสืบทอดมายาวนานกว่า 300 ปี ดังปรากฎหลักฐานในตำนานโอสถพระนารายณ์
“การเดินเพื่อผู้ป่วย คือ การประกาศอิสรภาพของประชาชน ให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงยาจากกัญชาและหมอยาพื้นบ้าน ตลอดจนบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข สามารถปรุง ปลูก และแจกจ่ายยาจากกัญชาได้ โดยปราศจากกฎระเบียบและกฎหมายขัดขวาง”
ผอ.มูลนิธิชีววิถี กล่าวต่อว่า ขบวนการเดินด้วยเท้าของสามัญชนคนเล็กคนน้อยครั้งนี้ มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่เฉกเช่นเดียวกับการเดินของมหาตมะคานธี เพื่อเรียกร้องสิทธิการทำนาเกลือของประชาชนอินเดีย ในที่สุดนำไปสู่การประกาศอิสรภาพประชาชนอินเดียทั้งมวล ในขณะที่เป้าหมายการเดินครั้งนี้เป็นไปเพื่อการเข้าถึงยา การคุ้มครองส่งเสริมการพึ่งพาตนเองในการรักษาพยาบาลของประชาชน ต่อต้านการผูกขาด และการออกระเบียบหรือกฎหมายใด ๆ ที่เอื้อประโยชน์ใช้กัญชาทางการแพทย์ แก่กลุ่มทุนหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งเป็นการเฉพาะ
การเดินด้วยเท้าจากวัดสู่วัด มีนัยยะของการฟื้นฟูการรักษาสุขภาพแบบองค์รวมที่ครั้งหนึ่งในอดีตเคยมีวัดและชุมชนเป็นศูนย์กลางมาก่อน ซึ่งการเดินครั้งนี้มีเป้าหมายระยะยาวในการสร้างศูนย์การรักษาด้วยอาหารและสมุนไพร รวมทั้งยาจากกัญชา ตามเจตนารมณ์ของอาจารย์เดช ศิริภัทร ในทุกอำเภอเป็นอย่างน้อย นี่คือเป้าหมายระยะยาว
อีกนัยยะหนึ่ง นายวิฑูรย์ กล่าวว่า วัดยังเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติธรรม “การเดิน” แม้มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและกฎหมายของรัฐ แต่ดำเนินไปด้วยวิถีแห่งสานติด้วยกำลังของคนเล็กคนน้อยและพลังสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ เพราะการเข้าถึงยาและการรักษาการป่วยไข้เป็นสิทธิและศีลธรรมขั้นพื้นฐานของพวกเราทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตผู้ใด
ด้าน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ประชาชนคนไทยหลายสิบล้านคนเจ็บป่วยเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส และพวกเรารู้ว่า กัญชาจะเป็นยาวิเศษที่จะสามารถเข้าหา รักษาให้พวกเราหายพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บได้ แต่เราไม่สามารถเข้าถึงกัญชาได้ เพราะรัฐบาลยังเก็บกีดกันให้กัญชาเป็นยาเสพติด ฉะนั้นเราจึงต้องเดินเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปลดกัญชาออกจากยาเสพติดและให้เป็นสมุนไพรรักษาพยาบาลผู้ป่วยเจ็บทั่วประเทศและทั่วโลกได้ ฉะนั้นขอเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้มีอำนาจเห็นใจประชาชนผู้ป่วยยาก แทบจะเรียกว่าทั่วประเทศก็ว่าได้
“การเดินครั้งนี้ถึงแม้พวกเราจะเจ็บป่วย แก่เฒ่า ไม่แข็งแรงกัน แต่เราจำเป็นจะต้องเดินเพื่อขอเรียกร้องให้รัฐบาลปลดล็อกกัญชาให้เป็นสมุนไพรในการรักษาพยาบาล ชีวิตผู้ป่วย และประชาชนทั่วไป” อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าว
ขณะที่ นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ กล่าวเสริมว่า ตนเองได้รับการแต่งตั้งเป็นหมอกัญชาคนแรกของ จ.สุพรรณบุรีและเป็นหมอพื้นบ้านคนแรกของประเทศไทยที่ผ่านมาการอบรมใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมาย ทั้งนี้ เห็นข้อกำกับกัญชามากมายในฐานะหมอพื้นบ้าน เพราะฉะนั้นการเดินครั้งนี้จุดมุ่งหมายหลักมี 3 ข้อ คือ
1. ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนเกี่ยวกับกัญชาเป็นยารักษาโรค
2.รณรงค์แก้ไขกฎหมายที่ยังล้าหลังอยู่มาก
3.ระดมทุนทำยาในภาคประชาชนกันเอง ไม่ต้องพึ่งงบประมาณจากภาษีของใคร หากทำได้ไม่เต็มที่ จะนำทุนก้อนนั้นมารณรงค์แก้ไขกฎหมายให้ถูกต้อง จากนั้นทำยาให้ได้มากที่สุด
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/