'เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส' วิพากษ์ กกต. ตัดสิทธิ์ผู้สมัครส.ส. หลังเลือกตั้ง ทำถูกต้องหรือไม่?
“...เรื่องนี้จริงๆ แล้วคงไม่มีปัญหากระทบกับพรรคเสรีรวมไทยเท่าไร เพราะคะแนนที่คุณณัฑฐภณนั้นได้ไปประมาณสี่พันกว่าคะแนน แต่คะแนนที่พรรคเสรีรวมไทยได้มาทั้งหมดอยู่ที่ 826,350 ถ้าหากยังคิดหลักการ ส.ส.ที่พึงมีเป็น 71,000 คะแนน โดยประมาณการณ์นั้นพรรคเสรีรวมไทยนั้นก็น่าจะได้ ส.ส.อยู่ที่ 11 คน ถ้าเขายังไม่เลือกไปใช้สูตรนับคะแนนที่เอื้อคะแนนพรรคเล็กอีก 27 พรรคเข้ามานะ แต่การตัดคะแนนของผู้สมัคร ส.ส.พรรคเสรีรวมไทยนั้น แม้จะไม่กระทบกับทางพรรคโดยตรง แต่มันก็ทำให้คนอื่นมีคะแนนขึ้นมา ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคนอื่นที่ว่านี้คือใคร..."
ปรากฎเป็นข่าวต่อสาธารณชนไปเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติสั่งตัดสิทธิ์ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 11 ราย หลังตรวจสอบพบว่าขาดคุณสมบัติ ทั้งเป็นสมาชิกพรรคการเมืองซ้ำซ้อน เป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ครบ 90 วัน บางรายเป็นข้าราชการขณะสมัครรับเลือกตั้ง และมีบางรายเคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทําการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ และภายหลังจากการถูกตัดสิทธิ์แล้ว จะไม่มีการเอาคะแนนที่เลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งกลุ่มนี้ มาคิดเป็นคะแนน ส.ส.พึงมี ของแต่ละพรรคการเมืองที่สังกัดด้วย (อ่านประกอบ:กกต.ตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต 11 ราย ขาดคุณสมบัติ -ไม่นำมาคิดคะแนนพึงมี)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้มีโอกาสพูดคุยกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งมีสมาชิกได้แก่ นายณัฑฐภณ ฉิมอินทร์ ผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส.หมายเลข 7 เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสมุทรสาคร ถูก กกต.มีมติตัดสิทธิ์ครั้งนี้ด้วย เนื่องจากนายณัฑฐภณเคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทําการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ในวงราชการส่งผลให้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 42(10) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561
“เรื่องนี้จริงๆ แล้วคงไม่มีปัญหากระทบกับพรรคเสรีรวมไทยเท่าไร เพราะคะแนนที่คุณณัฑฐภณนั้นได้ไปประมาณสี่พันกว่าคะแนน แต่คะแนนที่พรรคเสรีรวมไทยได้มาทั้งหมดอยู่ที่ 826,350 ถ้าหากยังคิดหลักการ ส.ส.ที่พึงมีเป็น 71,000 คะแนน โดยประมาณการณ์นั้นพรรคเสรีรวมไทยนั้นก็น่าจะได้ ส.ส.อยู่ที่ 11 คน ถ้าเขายังไม่เลือกไปใช้สูตรนับคะแนนที่เอื้อคะแนนพรรคเล็กอีก 27 พรรคเข้ามานะ" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ระบุ
"แต่การตัดคะแนนของผู้สมัคร ส.ส.พรรคเสรีรวมไทยนั้น แม้จะไม่กระทบกับทางพรรคโดยตรง แต่มันก็ทำให้คนอื่นมีคะแนนขึ้นมา ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคนอื่นที่ว่านี้คือใคร"
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวย้ำว่า "แต่กรณีนี้ผมคิดแบบนี้นะ ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้สมัครแบบระบบเขตหรือระบบบัญชีรายชื่อก็ตาม เมื่อไปสมัครตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. กกต.มีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ ถ้าหากไม่ถูกต้อง เขาก็ต้องตัดสิทธิ์ตั้งแต่ตอนนั้นเลย ซึ่งของผมก็เคยถูกตัดสิทธิ์ไปประมาณ 7-8 คน แต่ว่าผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส.นั้นไปร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ซึ่งศาลก็ให้สิทธิ์ผู้สมัครเหล่านี้ได้กลับมาสมัคร ส.ส. ส่วนหนึ่ง"
"แต่การที่ กกต.ไปตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ส.ส.ก่อนวันเลือกตั้งนั้น จะเห็นได้ว่าตัว กกต.ก็ยังทำผิดพลาดเลย เพราะเราคัดค้านได้กลับคืนมา ทีนี้พอลงสมัครไปแล้ว เลือกตั้งไปแล้ว กกต.รับรองไปแล้ว คุณณัฑฐภณหรือคนอื่นก็ไปเลือกตั้ง ก็ได้คะแนนมาแล้ว แล้วอยู่ดี กกต.จะมาตัดสิทธิ์ได้อย่างไร"
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวย้ำอีกว่า "ผมก็สงสัยว่า กกต.เอาอำนาจมาตัดสิทธิ์ในช่วงนี้ ผมว่าไม่น่าจะถูกต้อง ไม่น่าจะมีอำนาจ เพราะการที่คุณรับสมัคร คุณตรวจไปแล้วว่าเขามีสิทธิ์ คุณจะมาตัดสิทธิ์เขาอีกได้อย่างไร"
"ผมขอตั้งข้อสงสัยในประเด็นไปที่มาของของ กกต. ที่มาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คนด้วย เพราะปรากฎว่าก็มีปัญหาเรื่องการตัดสิทธิ์ตามที่ผมเรียนไว้ และปัญหาในเรื่องต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญให้มาคำนวณสูตร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่ออีก แบบนี้ผมว่าคราวหน้าเปลี่ยนองค์ประกอบ กกต.ที่บอกว่าต้องเอามาจากศาลกันดีกว่า เพราะดูจะทำงานกันไม่ได้เลย ซึ่งกรณีนี้ก็เหมือนกับว่าตำรวจกำลังจะไปรับผุ้ร้าย แล้วบอกว่า อย่าพึ่งไปจับ ขอไปปรึกษาข้อกฎหมายก่อนว่าเขาทำผิดอะไร"
"ดังนั้น กกต.เมื่อคุณมีหน้าที่รับผิดชอบแล้ว คุณก็ต้องกล้าตัดสินใจในประเด็นต่างๆ ให้สมกับที่คุณได้ไปดูงานเป็นล้านๆ ได้รับเงินเดือนเป็นแสนๆ“
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวต่อว่า “ดังนั้นในกรณีของพรรคผม ผมว่า กกต.ไม่น่าจะมามีอำนาจที่จะมาตัดสิทธิ์อะไร แต่ของพรรคอื่นอันนี้ผมไม่แน่ใจนะว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร แต่ของผมนี่ ผมว่าทาง กกต.สมควรจะต้องไปเสนอยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งให้เขาตัดสินดีกว่านะ"
"แล้วข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งก็คือ คุณณัฑฐภณนั้นเคยมีกรณีการฟ้องอาญาให้ออกจากราชการเนื่องจากข้อหาทุจริต ก็ไปสู้คดีกัน และต่อมาศาลอาญคดีทุจริตก็มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องไปแล้ว แล้ว กกต.จะมาถือว่า คุณณัฑฐภณนั้นเคยต้องโทษพ้นจากราชการได้อย่างไร ถ้าเขาถูกศาลลงโทษจากกรณีนี้ก็ว่าไปอย่าง”
พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ ยังกล่าวต่อว่า “ดังนั้นเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางพรรคเสรีรวมไทยจึงได้ยื่นเรื่องไปถึง กกต.แล้ว เพื่อขอให้เขายกมติที่อ้างว่านายณัฑฐภณขาดคุณสมบัติเพราะเคยพ้นจากราชการนี้เสีย เพราะมีการยกฟ้องกันแล้วตามสำนวนคำพิพากษาที่ทางพรรคเสรีรวมไทยได้ส่งไปให้กับทาง กกต.ด้วย โดยถ้าหากสนใจในสำเนาคำพิพากษาดังกล่าวนี้ ก็พร้อมจะจัดเตรียมไว้ให้”
พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “จริงๆแล้วมีอีกประเด็นหนึ่งที่อยากจะให้ตั้งข้อสังเกตกันก็คือในการนับคะแนนใหม่ รวมไปถึงการเลือกตั้งใหม่ทุกครั้ง พรรคเสรีรวมไทยได้ส่งคนไปร่วมสังเกตการณ์การนับผลคะแนนด้วย ปรากฎว่าทุกเขตนั้นคะแนนของพรรคเสรีรวมไทยเพิ่มขึ้น แตกต่างจากตอนที่มีการนับคะแนนในวันที่ 24 มี.ค. ที่พรรคเสรีรวมไทยไม่ได้ส่งคนไปนับคะแนนในวันดังกล่าว ซึ่งประเด็นนี้ก็ขอตั้งข้อสงสัยไปยัง กกต.ด้วยเช่นกันว่ามันเป็นเพราะเหตุผลอะไร”
----------------
ทั้งหมดนี่เป็นความเห็นจาก พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ ต่อกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งตัดสิทธิ์ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 11 ราย หลังตรวจสอบพบว่าขาดคุณสมบัติ ที่กำลังถูกจับตามองอยู่ในขณะนี้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/