เรื่องเล่า พระจริยานุวัตร-พระอัธยาศัย วัยพระเยาว์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ย้อนเวลาวันประชาปีติ 67 ปีก่อน วันประสูติ เเละเรื่องเล่าพระจริยานุวัตร-พระอัธยาศัย วัยพระเยาว์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เเห่งราชจักรีวงศ์
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 เเห่งราชจักรีวงศ์ พระนามว่า "พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว"
โดยมีพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะสืบสาน รักษา เเละต่อยอด เเละครองเเผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขเเห่งอาณาราษฎรตลอดไป"
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปในวันที่ 28 ก.ค. 2495 เวลา 17.45 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี (พระราชอิสริยยศในขณะนั้น) ได้ประสูติพระราชโอรสองค์น้อย นำมาสู่ความปลื้มปิติของเหล่าพสกนิกรชาวไทย
นายแม่น ชลานุเคราะห์ โฆษกระดับชาติ แห่งกรมประชาสัมพันธ์ ประกาศข่าวทางสถานีวิทยุเคลื่อนที่ของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งตั้งอยู่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทั่วราชอาณาจักรไทย ว่า
“วันนี้ เวลา 17.45 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้ประสูติพระราชโอรสโดยสวัสดิภาพ นายแพทย์ตรวจพระอาการรายงานว่า ทั้งสมเด็จพระนางเจ้าฯ และพระราชกุมารมีพระอาการทรงสำราญดีทั้งสองพระองค์”
เรียกได้ว่า บรรยากาศในวันนั้นเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่เฝ้าทูลละอองทุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ต่างส่งเสียงไชโย 3 รา ดังออกมาจากพระที่นั่งอัมพรสถาน ปืนใหญ่ 4 กระบอกของทหารบกดังก้องกัมปนาท 12 นัด ปืนเรือ ร.ล.สุโขทัย 21 นัด ดังสะท้านแม่น้ำเจ้าพระยา แตรวงกองทัพบกบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีกึกก้องกังวาน คลอเคล้าไปกับพระพิรุณโปรยปรายชุ่มฉ่ำ จากสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้นดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ทรงได้รับพระกษิรธารา (น้ำนม) จากสมเด็จพระราชมารดา ตามความเห็นพ้องหลักวิชาการทางแพทย์ ประมาณสามเดือน แล้วทรงได้รับพระกระยาหารที่มีคุณค่าในเวลาต่อมา
ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เมื่อตื่นบรรทมในเวลา 7 นาฬิกา พระพี่เลี้ยงจะเชิญเสด็จไปทรงวิ่งเล่นในสนามเสมอ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จมาพระที่นั่งอุดร ซึ่งเป็นที่ประทับของพระราชโอรส เพื่อชมเชยในตอนเช้าระหว่างเวลา 11.00 น. และตอนเย็น เวลา 17.00 น. และยังทรงได้รับการหัดงานและมารยาทจากสมเด็จพระราชมารดาอีกด้วย
ในขณะทรงพระเยาว์ ทรงรับสั่งเก่ง พระอารมณ์ดี โปรดการเขียนการ์ตูน และถอดเครื่องยนต์ โปรดต้นไม้ ดนตรี และทรงมีความจำอันดีเลิศ
มีเรื่องเล่าตอนทรงศึกษาในโรงเรียนจิตรลดา ก่อนเสด็จไปศึกษาต่อต่างประเทศที่เคยบันทึกไว้โดย ม.ล.มณีรัตน์ บุญนาค นางสนองพระโอษฐ์ โดยใช้ชื่อเรื่องว่า “สมเด็จเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์” ลงในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ รายสัปดาห์วิจารณ์ ฉบับวันที่ 23 ก.ค. 2506 ตอนหนึ่งกล่าวว่า
“…28 ก.ค. เมื่อ 11 ปีที่แล้ว เป็นวันที่คนไทยทั้งชาติประสบความสมหวัง ในการได้สยามมกุฎราชกุมารมาเป็นมิ่งขวัญ ทุกคนตื่นเต้นปีติยินดีเมื่อได้เห็นพระฉายาลักษณ์ในหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ในวันรุ่งขึ้น แล้วกาลเวลาก็ได้ผ่านไปพร้อมด้วยความภาคภูมิใจ ที่ประชาชนไทยมีใจจดจ่อต่อพระองค์พระกุมารน้อยนี้ ต่างคนเฝ้าดูความเคลื่อนไหว เจริญพระชนม์พรรษาของพระองค์ด้วยความเอาใจใส่ ความปรารถนาดีนี้ก็บรรลุไปเกือบครึ่งแล้ว กล่าวคือ บัดนี้มีพระราชกุมารมีพระชนมายุได้ครบ 11 ปีบริบูรณ์ มีพระฉวีวรรณผุดผ่องและพระวรกายล่ำสันสมบูรณ์ คือทรงสูง 146 เซนติเมตร และหนัก 37.800 กิโลกรัม…
…ทูลกระหม่อมฟ้าชายนั้น ยิ่งทรงพระเจริญวัยก็ยิ่งทรงมีระเบียบดีขึ้น โปรดให้ข้าหลวงแต่งกายเรียบร้อย ไม่ฉูดฉาด โปรดให้ห้องบรรทมเป็นระเบียบ เมื่อตอนประทับอยู่ที่หัวหิน โปรดเสด็จไปตรวจรอบ ๆ พระราชวังไกลกังวลทุกเช้า เวลา 07.00 น. เสด็จไปที่กองรับษาการณ์เครื่องเขียว ร.21 พัน 3 ร.อ. ที่ประจำอยู่ที่โรงเรียนไกลกังวล พอจะเสด็จขึ้นชั้นบนทอดพระเนตรเห็นป้าย “โปรดถอดรองเท้าก่อน” ทูลกระหม่อมฟ้าชายก็ทรงถอดทันที ไม่ทรงฝ่าฝืนกฎของทหารเลย...
...ทูลกระหม่อมฟ้าชาย ทรงมีพระนิสัยอ่อนหวานเป็นพิเศษกับสมเด็จพระราชชนนี เวลาเข้าเฝ้ามักกราบทูลเสมอว่า “ชายตามกลิ่นน้ำอบแม่ได้เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน” พร้อมทั้งทรงจูบพระหัตถ์อย่างนุ่มนวล...ทูลกระหม่อมฟ้าชายทรงมีความผูกพันในสมเด็จพระเชษฐภคินีเป็นอันมาก พูดง่าย ๆ ก็คือ ทั้งรักทั้งเกรงทูลกระหม่อมฟ้าหญิงอุบลรัตนฯ รับสั่งถึง “พี่หญิง” เสมอ ในตอนเช้าพอตื่นบรรทมจะต้องเสด็จไปเฝ้าก่อนอื่น
ขณะที่ ผู้ใช้นามปากกา ม.ส.ป. เขียนเล่าถึงพระจริยานุวัตรเเละพระอัธยาศัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้นดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอไว้ในหนังสือ 'สายปัญญานุสรณ์' ฉบับที่ระลึกวันสายปัญญา 12 พ.ย. 2501 ตอนหนึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ในวัยเรียนว่า
12 นาฬิกา 5 นาที ร.ร.หยุดพักกลางวัน นักเรียนทำความสะอาดมือก่อนเเละเข้านั่งโต๊ะอาหาร อาหารมีทั้งอาหารฝรั่งเเละไทย รับประทานเหมือนกันหมดทั้งครูเเละลูกศิษย์ ทูลกระหม่อมชายเสวยเก่ง เสวยง่าย ไม่ค่อยทรงเลือกเหมือนทูลกระหม่อมหญิง โปรดไก่ย่างมาก บางครั้งเสวยเเต่ขาตั้งหลายขา ระหว่างเสวยไปก็รับสั่งไป เพราะโปรด "ปาฐกถา" จึงทำให้เสวยช้ากว่าคนอื่น ๆ โปรดทำองค์ตลกคนอง ทรงหยอกล้อยั่วเเหย่คนอื่น เคยตั้งข้อสังเกตครูทั้ง 3 คน เช่น คนไหนผิวคล้ำ หน้าเข้มก็รับสั่งว่า สวยเหมือนเเขกบ้าง เหมือนไทยบ้าง คนผิวขาวก็รับสั่งว่าสวยเเบบฝรั่ง เเละรับสั่งกับครูบางคนว่า "ครู...(ทรงออกชื่อ) นี่ ถ้าไม่ดุก็สวยดีหรอก"
นั่นคือเกร็ดประวัติศาสตร์ต้องจารึกเมื่อ 67 ปีล่วงมาแล้ว วันพระราชสมภพของเจ้าชายผู้เป็นที่รัก ซึ่งในเวลาต่อมา เป็นเอกกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี (อ่านเพิ่มเติม:มหาชนปีติยินดีจากประสูติกาลเจ้าฟ้าชาย-พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10)
_____________________________________________________
เรียบเรียงจาก หนังสือ วันประชาปิติ จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ อำนวยสาส์น เขียนโดยประพัฒน์ ตรีณรงค์
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/