'ปิยบุตร' จี้ กกต.ใช้สูตรคำนวณ ส.ส. ตามรธน.- ชี้ปม'ธนาธร' หุ้น วี-ลัค รีบพิจารณาผิดปกติ
'ปิยบุตร' จี้ กกต.ใช้สูตรคำนวณ ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ แจง อนาคตใหม่อาจฟ้องปมผิด ม.157 หากใช้สูตรคำนวณเอื้อพรรคเล็ก ชี้ปมถือหุ้น วี-ลัค มีข้อพิรุธ เร่งดำเนินคดีผิดปกติ ปูด แม่ธนาธรได้รับหนังสือให้ชี้แจงช้ากว่าเวลาจริง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เปิดแถลงข่าวก่อนหน้าที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะเข้าให้ถ้อยคำกรณีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ได้พยายามจะแสดงเอกสาร พยานหลักฐานในชั้นตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นมาโดยตลอด แต่ว่าพรรคอนาคตใหม่ก็ไม่ได้รับโอกาสที่จะไปชี้แจงแต่อย่างใด ขณะเดียวกันคณะกรรมการตรวจสอบของ กกต.กลับไปเรียกเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานอื่นๆ แล้วก็เดินเรื่องมาโดยตลอดตามที่ปรากฏเป็นข่าว
นายปิยบุตรกล่าวว่า “เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา มีหนังสือจาก กกต.ส่งมาให้ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร แต่หนังสือนั้นต้องการให้นางสมพรไปชี้แจงในประเด็นเรื่องหุ้นที่ กกต.เวลา 10.30 น. แต่หนังสือเชิญฉบับนั้นกลับมาถึงบ้านของนางสมพรในเวลา 13.45 น. ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่นางสมพรจะไปชี้แจงในกรณีนี้ได้ ถ้าหากคณะกรรมการตรวจสอบมีความต้องการที่จะให้ทางฝั่งของนายธนาธรได้เข้าชี้แจงจริง แล้วมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเร่งรีบกันขนาดนี้ ซึ่งประเด็นนี้ถือว่าเป็นความผิดปกติในการพิจารณาตรวจสอบเป็นอย่างยิ่ง”
นายปิยบุตรกล่าวต่อว่า ในวันที่ 22 เม.ย.ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าตัวแทนของนายธนาธรได้นำเอกสารจำนวนมากไปชี้แจงกับทาง กกต. โดยต้องรอถึง 4ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม กกต.ก็ไม่ได้ออกมาพบกับตัวแทนของนายธนาธรแต่อย่างใด และในวันนี้ (30 เม.ย.2562) กระบวนการพิจารณาเรื่องนี้ จะเข้าไปสู่ในขั้นตอนของการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ก็จะมีการเอกสารชี้แจงเป็นลังที่พรรคอนาคตใหม่มี เข้าไปชี้แจงอีกทีหนึ่ง
นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า ในประเด็นเรื่องเอกสารที่เรียกร้องให้นายธนาธรไปชี้แจงใน 7 วันนั้น ใช้คำว่าบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหา กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรื่องกิจ ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ลงวันที่ 23 เม.ย. ระบุว่าระหว่างวันที่ 4 ก.พ. 2562 ถึงวันที่ 8 ก.พ. 2562 ซึ่งไปวันส่งมอบรายชื่อของผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และพรรคอนาคตใหม่ ได้ดำเนินการส่งบัญชีรายชื่อเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2562 จากการตรวจสอบสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น แบบ บอจ. 5 บริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด ส่งไว้ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นเอกสารทางราชการ พบว่า นายธนาธรเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในบริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ดังนั้น ท่านจึงเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหรือสื่อมวลชนหนังสือพิมพ์ใด จึงเป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง
“ ปัญหาของการแจ้งข้อกล่าวหาครั้งนี้ก็คือว่าในเอกสารที่ระบุว่าพรรคอนาคตใหม่ไปส่งรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ในวันที่ 6 ก.พ.นั้น ทางพรรคอนาคตใหม่ไม่อาจทราบได้เลยว่าสิ่งที่ กกต.ได้อ้างมานั้น อ้างเอาจากเอกสารหรือสำเนาฉบับไหน บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นลงวันที่เท่าไร เพราะ กกต.อ้างมาเพียงว่าจากการตรวจสอบสอบ บอจ. 5 เท่านั้น ผมอยากจะถามเอกสาร บอจ. 5 ที่ กกต.อ้างมานั้นลงวันที่เท่าใด เพราะ กกต.อ้างแค่ บอจ. 5 ลอยๆเท่านั้น อีกประเด็นก็คือทาง กกต.อ้างว่าจากการตรวจสอบเอกสาร บอจ.5ฉบับนี้ พบว่าท่านเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทวีลัค มีเดีย จำกัด แต่ก็เป็นแค่บอกมาลอยๆนั้น ซึ่งตามข้อเท็จจริงทางเราก็พยายามยืนยันตลอดแล้วว่าการโอนหุ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. ถ้าหาก กกต.อ้างว่าไปดูเอกสาร บอจ. 5 ภายหลังเดือน ก.พ. มันไม่มีทางจะบอกได้ว่านายธนาธรจะถือหุ้นสื่ออยู่ เพราะการโอนหุ้นมันจบตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.แล้ว ดังนั้นใน บอจ.5จึงไม่มีตรงไหนเลยที่บอกว่านายธนาธรถือหุ้นสื่ออยู่” นายปิยบุตรกล่าว
และว่า ถ้าหาก กกต.จะแจ้งข้อกล่าวหานั้น ก็ควรจะแจ้งข้อกล่าวหาให้ชัดเจนและละเอียดกว่านี้ เพราะจะส่งผลต่อน้ำหนักการแจ้งข้อกล่าวหาด้วย ซึ่งขณะนี้ ยังไม่มีการระบุด้วยว่า กกต.จะไปซักถามในประเด็นอะไร ดังนั้น การชี้แจงของนายธนาธรต่อ กกต.ในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ก็ได้แต่คาดการณ์และสันนิษฐานในประเด็นที่ กกต.น่าจะซักถาม จากการอ่านข้อมูลของสำนักข่าวอิศราเท่านั้น ซึ่งรวมไปถึงในประเด็นการรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อกล่าวหาของทาง กกต. เอามาจากแค่ทางสำนักข่าวอิศราเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ฟังจากทางพรรคอนาคตใหม่เลย
“ถ้าเป็นเรื่องอาญา อัยการทำสำนวนมาแบบนี้ ศาลอาญาเขายกนะครับ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ของ กกต.ที่เขามาดำเนินการแบบนี้ และยังไม่นับกับประเด็นการให้เวลาชี้แจงแค่ 7 วันเท่านั้น ซึ่งถือว่าสั้นมากถ้าเทียบกับคดีของพรรคอื่นๆ ที่มีการดำเนินการช้าเหลือเกิน โดยเฉพาะประเด็นการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน ซึ่งต้องฝากให้สื่อมวลชนช่วยตามด้วย”นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตรกล่าว ยังกล่าวย้ำว่า กกต.ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบนายธนาธร แต่อย่างใด เพราะหมดเวลาที่จะตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ด้วย
“ปัญหาก็คือคุณยื่นวันที่ 23 มี.ค.นั้นไม่เกี่ยว เขาต้องตรวจให้จบ ต้องวินิจฉัยให้จบ หลังจากนั้นก็ไปต่อไม่ได้แล้ว ผมขอเรียนว่าการตรวจสอบคุณสมบัติต้องห้ามของผู้สมัคร ต้องแยกออกจากการตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ส.มันคนละขั้นคนละตอนกัน จะใช้กฎหมายขยายความไปหมดเลย ถ้าแบบนั้น ก็ไม่ต้องเขียนกฎหมายกันหนาเป็นปึก แต่เขียนแค่ว่า กกต.มีอำนาจตรวจสอบผู้สมัคร ส.ส.ชั่วกัลปาวสานก็พอแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้น”
และย้ำว่า “อย่าไปเปลี่ยนแนวคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเลย ถ้าจะเปลี่ยนแนวคำพิพากษาศาลฎีกาฯเรื่องผลทางกฎหมายของการโอนหุ้นนั้น จะไม่ใช่แค่นายธนาธรเดือดร้อนคนเดียวแต่จะไปกระทบกับ ผู้สมัคร ส.ส.คนอื่นและไปกระทบต่อระบบบริหารจัดการธุรกิจของหุ้นส่วนบริษัทด้วย”
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยังกล่าววิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กกต.ว่า การคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ล่าสุด พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. แถลงเหมือนจะใช้สูตรคิดส.ส.บัญชีรายชื่อแบบ 27 พรรค ก่อนจะประกาศรับรองผลร้อยละ 95 วันที่ 9 พ.ค. หากคิดแบบนี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ จะหายไป 7-8 ที่นั่ง คิดเป็น 6 แสนกว่าคะแนนที่ประชาชนเลือกอนาคตใหม่จะอยู่ในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งขอยืนยันว่า การคำนวณมีสููตรเดียวตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนด ในมาตรา 91 (1) ให้นำคะแนนรวมแบบแบ่งเขตของทุกพรรคหารด้วย 500 คือ 71,057 คะแนน จากนั้น 91(2) นำคะแนนรวมแบบแบ่งเขตของแต่ละพรรค หาร 71,057 จะได้ส.ส.พึงมี อนาคตใหม่จะมีส.ส.พึงมี 88 คน ซึ่งเขียนชัดว่า จำนวนส.ส.ต้องไม่เกินจำนวนส.ส.พึงมี จึงต้องมี 71.057 คะแนน ถึงจะได้ส.ส. 1 คน
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า “มีกรณีเดียวคือ 99 (4) กำหนดว่า หากพรรคไหนได้ส.ส.แบบแบ่งเขตเกินส.ส.พึงมี ให้ถือว่าได้ส.ส.จากแบบแบ่งเขต และจะไม่ได้ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเลย ซึ่งมีพรรคเดียวเท่านั้นคือพรรคเพื่อไทย ที่ได้ส.ส.เขต 136 มีส.ส.พึงมี 111 เรียกโอเวอร์แฮง ก็ต้องคำนวณปัดเศษตามพรรคที่มีคะแนนตั้งแต่ 71,065 คะแนนขึ้นไป นอกเหนือจากนี้จะไม่ถูกคิดโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งคิดแบบนี้อนาคตใหม่จะมีส.ส.พึงมี 88 คน ข้อโต้แย้งที่บอกว่าระบบเลือกตั้งนี้ต้องการให้ความสำคัญกับทุกคะแนน พรรคที่ได้ 30,000 - 69,000 คะแนน จะไม่ให้ความสำคัญหรือ ผมก็ขอถามกลับว่าแล้ว 6 แสนกว่าคะแนนของอนาคตใหม่ที่จะหายไปนั้น ไม่สำคัญเลยหรือ ส่วนการนำความเห็นของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มาอธิบาย แต่ กรธ.แต่ละคนก็อาจเห็นไม่ตรงกันก็ได้ และความเห็นกรธ.ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ กรธ.ไม่เท่ากับรธน. เมื่อร่างเสร็จแล้ว รัฐธรรมนูญก็มีชีวิตของมัน องค์กรตามรัฐธรรมนูญก็ต้องตีความรัฐธรรมนูญตามอำนาจหน้าที่ ไม่ใช่ถามความเห็นกรธ. ถ้าทำแบบนี้กรธ.ก็เป็นรธน.เสียเอง ไปถามอะไรก็ต้องทำตาม กรธ.ศักดิ์สิทธิ์ไปหมด”
"ถ้าจะคำนวณให้ยุติธรรมจริงๆ ก็ต้องเดินตามรัฐธรรมนูญ หากกกต.คำนวณแบบ 27 พรรค ให้พรรคที่มีคะแนน 30,000-69,000 คะแนน ได้ส.ส. อนาคตใหม่จะเป็นผู้เสียหายโดยตรง ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่7-8คน ที่ต้องถูกตัดออกไป ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีต่อกกต. ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 69 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. ที่กำหนดถึงการละเว้นของกกต. มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี และยังถือเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง สามารถร้องยังป.ป.ช.และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ง่ายๆคือ ช่องทางต่างๆที่กกต.ต้องรับผิดชอบจากการใช้อำนาจโดยมิชอบ อนาคตใหม่ขอสงวนสิทธิ์ดำเนินการตามกฎหมาย"เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ระบุ
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยังระบุด้วยว่า การเปิดเผยคะแนนดิบรายหน่วย ตามที่พรรคอนาคตใหม่เคยส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือต่อกกต.ขอให้เปิดเผย แต่รองเลขาธิการ กกต. ได้แถลงข่าวโดยสรุปว่า คะแนนดิบไม่ได้เป็นความลับ อยู่ที่กกต.จังหวัด ใครอยากได้ให้ไปขอ ซึ่งหนึ่งเดือนหลังการเลือกตั้ง ผู้สมัครส.ส.อนาคตใหม่ได้ไปขอคะแนนดิบแล้วในทุกเขต แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ ส่วนที่ได้ก็มีปัญหา เช่น จ.นครปฐม เขต 1 จน กกต. สั่งให้นับคะแนนใหม่ จ.กรุงเทพมหานคร เขต 2 ได้คะแนนรายหน่วยมาก็พบข้อพิรุธข้อบกพร่อง ในแบบฟอร์มขีดคะแนน และใบผลคะแนนรายหน่วย เมื่อนำมาเปรียบเทียบก็พบคะแนนทั้งสองส่วนไม่ตรงกัน ทั้งหมดนี้ สะท้อนว่ามีความผิดพลาดบกพร่องในการนับคะแนน จึงต้องทราบคะแนนรายหน่วยทั้งหมด ถ้าร้ายแรงมากจะได้ขอให้นับใหม่เลือกตั้งใหม่ หากไม่ได้คะแนนรายหน่วยจะทำตรวจสอบไม่ได้
"การตอบเช่นนี้ กกต.ต้องสั่งไปยังกกต.จังหวัดทั้งหมด ให้เปิดเผยข้อมูลรายหน่วยทั้งหมด เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และอำนวยความสะดวกแก่ผู้สมัครส.ส. ก็ขอให้เปิดคะแนนดิบให้หมด เพราะถือว่า รองเลขาธิการฯพูดแล้วว่า ไม่เป็นความลับ ก็ไม่มีเหตุต้องปิด ต่อให้ไม่ขอก็ต้องเปิดมาเลย หากกกต.มั่นใจว่าจัดเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม ก็จะเป็นเกราะป้องกันให้กกต.เอง แต่หากทำลับๆล่อๆจะทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย"เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ระบุ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/