โกลาหลที่สนามบิน นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่หนีวิกฤติในศรีลังกา
นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปรอขึ้นเครื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติบันดารานายาเก กรุงโคลัมโบ เมืองหลวงของศรีลังกา เพื่อเดินทางออกนอกประเทศหลังเกิดวิกฤตการณ์จากเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่มุ่งโจมตีโบสถ์คริสต์และโรงแรมหรูทั้งในเมืองหลวงและเมืองใกล้เคียง
ข่าวจากหลายสำนักยืนยันว่ายอดผู้เสียชีวิตพุ่งทะลุ 200 คน บาดเจ็บอีกหลายร้อย และมีการแจ้งเตือนอาจจะมีระเบิดอีกระลอกตามมา ทำให้รัฐบาลศรีลังกาต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน หรือ "เคอร์ฟิว" ทั่วทั้งประเทศเพื่อควบคุมสถานการณ์
ในห้วงวิกฤตินี้ มีกลุ่มนักท่องเที่ยวไทย "สายบุญ" นำโดย ดร.ถวิลวดี บุรีกุล ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า กำลังเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในศรีลังกาด้วย และต้องเปลี่ยนแผนเดินทางกลับบ้านเกิดทันที โดยจ้างแท็กซี่จากเมืองกอลล์ ซึ่งเป็นเมืองท่า ห่างจากโคลัมโบประมาณ 2 ชั่วโมง ขึ้นมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าสู่สนามบิน
บรรยากาศช่วงแรกๆ เหมือนไม่มีอะไรน่ากังวล ถนนหนทางแทบจะร้างผู้คน เกือบจะไม่มียวดยานบนมอเตอร์เวย์ แต่ยิ่งใกล้สนามบิน ความตึงเครียดก็เริ่มปกคลุม มองเห็นตำรวจเยอะขึ้น และมีด่านตรวจเข้มหลายด่าน
ทางเข้าสนามบินการจราจรติดขัดอย่างหนัก ฝนก็กระหน่ำลงมา ทุกคนต้องลงจากรถ เดินลากกระเป๋าตากฝนประมาณ 200 เมตร แล้วต้องไปยืนกลางฝนรอเข้าสนามบินอีก เนื่องจากมีการจัดระเบบ "เรียกผู้โดยสารที่ละไฟลท์" ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่นั่นก็ทำให้เกิดผลกระทบตามมา เพราะผู้คนมากมายต้องยืนรอกลางสายฝนอย่างแออัด เบียดเสียดเยียดยัด จนแทบจะกลายเป็นจลาจลหน้าสนามบิน
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคลัมโบ ส่งอีเมล์แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวชาวไทย รวมทั้งกลุ่มของ ดร.ถวิลวดี ให้ไปถึงสนามบินก่อนเวลาเครื่องออก 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมา แต่ปรากฏว่าสภาพจริงเลวร้ายกว่าที่คาดเยอะ
"มึอีเมล์บอกให้มาถึงสนามบินก่อน 4 ชั่วโมง แต่พอมาถึง ก็มีเจ้าหน้าที่บอกให้รอหน้าสนามบิน รอไปอีก 3 ชั่วโมงเพราะยังไม่ถึงเวลา ฝนก็ตก คนก็แน่นเอี้ยด กลายเป็นว่า chaos ในเมืองและที่สนามบินน่าจะพอๆ กัน" ดร.ถวิลวดี เล่าอย่างเซ็งๆ
ความยากลำบากสิ้นสุดลงหลังเวลาผ่านไปนานจนลืมนับไปแล้วว่ากี่ชั่วโมง...
"ในที่สุดก็ได้เช็คอิน และหาอะไรกินแทนปูอร่อยๆ ที่สั่งไว้ที่ห้องอาหารในเมืองตามแผนเดิม แต่ก็ยังดีที่กำลังจะได้กลับบ้าน" ดร.ถวิลวดี กล่าวแบบปลงๆ
ในฐานะนักวิชาการที่ทำงานด้านความขัดแย้งและความปรองดองมามากพอสมควร ดร.ถวิลวดี บอกว่า มาตรการตรวจเข้มของทางการศรีลังกายังทำได้ไม่ดีพอ และสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์วิกฤติเป็นสิ่งจำเป็น และประเทศไทยก็ควรเตรียมความพร้อมด้วยเช่นก้น
"เหมือนเขาจะตรวจเข้มแต่ก็หละหลวม อาจเป็นเพราะศรีลังกาห่างเหินการจัดการภาวะวิกฤติมานาน" นักวิชาการจากสถาบันพระปกเกล้าวิเคราะห์ "ประเทศเราก็คงต้องมีการเตรียมการจัดการในภาวะวิกฤติให้ดี สภาพที่เจอที่ศรีลังกากลายเป็นอุทาหรณ์ที่ดี ตอนอยู่หน้าสนามบิน ต้องยืนเบียดเสียดกัน ตอนนั้นกลัวมาก จะเหยียบกันตาย หรือมีระเบิดซ้ำอีก" ดร.ถวิลวดี ย้อนเล่าถึงช่วงเวลาแห่งความสับสนอลหม่าน
"เอาใจช่วยชาวศรีลังกาให้ยืนหยัดต่อสู้กับพวกผู้ก่อการร้าย ขอให้ทุกคนปลอดภัย ประเทศของคนใจดี มีความเป็นมิตร และสวยงาม ไฉนต้องถูกทำร้ายด้วยนะ"
เป็นข้อความของ ดร.ถวิลวดี และคณะทัวร์บุญจากเมืองไทยที่ฝากข้อความส่งท้ายก่อนโบกมือลาดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาเฉกเช่นเดียวกับประเทศไทย...
---------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ : สายตรงนักวิชาการไทย ทัวร์บุญศรีลังกาขณะเกิดระเบิดใหญ่-ประกาศเคอร์ฟิว
ขอบคุณ : ภาพประกอบทั้งหมดจาก ดร.ถวิลวดี บุรีกุล