เส้นทาง "บิ๊กอู๊ด" สมพงษ์ ชิงดวง จากมือปราบผู้พันตึ๋ง เผชิญไฟใต้ ผงาดคุม ตม.
การแต่งตั้ง "บิ๊กอู๊ด" พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง สไลด์จากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.) ไปนั่ง "เก้าอี้ใหญ่" ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) สืบแทน "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่กำลังโดนมรสุมลูกใหญ่กระหน่ำชีวิตนั้น
ต้องบอกว่านับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่นายตำรวจผู้เคยมีบทบาทเด่นในเมืองหลวงและสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ก้าวขึ้นกุมบังเหียนตำแหน่งสำคัญ
เพราะ พล.ต.ท.สมพงษ์ เคยผ่านงานที่ปลายด้ามขวาน ทั้งในระดับคุมพื้นที่ทั่วภาคใต้ และดูแลเฉพาะโรงพัก อย่าง สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ก่อนจะเติบโตเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส) สั่งสมผลงานและฝีมือกระทั่งติดยศนายพล
จะว่าไปผลงานชิ้นโบว์แดงของ พล.ต.ท.สมพงษ์ เจ้าของฉายา "บิ๊กอู๊ด" ในวันนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2544 เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศได้รู้จัก พ.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รองผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) เนื่องจากเป็นผู้ที่นำกำลังตำรวจคอมมานโดบุกจับ "ผู้พันตึ๋ง" พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ ทหารมาเฟียผู้โด่งดังแห่งยุค ขณะกำลังสวมเครื่องแบบทหาร เพื่อเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ตำรวจควบคุมตัวเขาได้
"ผู้พันตึ๋ง" โดนหมายจับในคดีฆ่าผู้ว่าฯยโสธร มีเส้นสายมากมายในวงการคนมีสี แต่เมื่อกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่หวั่นเกรงอิทธิพล ไม่ว่ามาเฟียหน้าไหนก็ไม่พ้นอาญาแผ่นดิน
วันนี้ผ่านมา 18 ปี นายตำรวจเจ้าของฉายา "มือปราบผู้พันตึ๋ง" ในครั้งนั้น ผงาดขึ้นเป็น ผบช.สตม. หน่วยงานระดับกองบัญชาการเกรดเอบวกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสไลด์มาจาก ผบช.ตชด.ที่เจ้าตัวเพิ่งได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งในการโยกย้ายใหญ่เมื่อปีที่แล้วนี้เอง
"บิ๊กอู๊ด" เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่นที่ 40 (นรต.40) เขาเกิดในค่ายทหารที่จังหวัดลพบุรี บิดาเป็นทหารยศร้อยตรี ส่วนมารดาค้าขาย และญาติพี่น้องส่วนใหญ่ก็เป็นทหาร
หลังยืนอยู่กลางสปอตไลท์จากผลงานบุกจับ "ผู้พันตึ๋ง" เขาก็ถูกดึงไปเป็นนายเวรของผูู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เมื่อครั้งขึ้นเป็นเบอร์ 1 กรมปทุมวัน โดย "บิ๊กอู๊ด" ครองยศพันตำรวจเอก และเริ่มสัมผัสชีวิตตำรวจชายแดนใต้ เพราะ พล.ต.อ.โกวิท ส่งลงไปช่วยดูแลงานตำรวจในพื้นที่สีแดง จากนั้นก็สไลด์ไปเป็น ผู้กำกับการ 5 กองปราบปราม คุมพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ คลี่คลายคดีดังๆ หลายคดี โดยใช้เทคนิคด้านนิติวิทยาศาสตร์
ชีวิตราชการที่กำลังรุ่งโรจน์ก็มีอันต้องพลิกผัน เมื่อมีการเปลี่ยนตัว ผบ.ตร. จาก พล.ต.อ.โกวิท เป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส และ "บิ๊กอู๊ด" ถูกเด้งลงไปเป็นผู้กำกับการ สภ.ยี่งอ จังหวัดนราธิวาส พื้นที่สีแดงจัด
จากนายตำรวจที่เคยดูแลพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เหลือพื้นที่ดูแลแค่อำเภอเล็กๆ เพียง 1 อำเภอ แถมเต็มไปด้วยอันตราย...
แต่ "บิ๊กอู๊ด" ก็ใช้วิกฤติเป็นโอกาส ลุยงานพัฒนาโรงพัก ดูแลตำรวจชายแดน เช่น ทำโฮมเธียเตอร์ใน สภ.ยี่งอ เพื่อให้ตำรวจสายตรวจ ชุดลาดตระเวน และชุดจู่โจม ได้ผ่อนคลายจากภารกิจเสี่ยงตายรายวัน รวมไปถึงโครงการเพิ่มการฝึกอบรม อาทิ ขับรถทางยุทธวิธี เพื่อให้กำลังพล โดยเฉพาะพลขับมีทักษะในการขับรถในวินาทีที่ถูกโจมตีหรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
"บิ๊กอู๊ด" ฝังตัวในพื้นที่อยู่หลายปี จนกลายเป็นนายตำรวจขวัญใจของคนนราธิวาส ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ผลงานเข้าตาอีกครั้งจนได้รับความไว้วางใจให้มาเป็นรองผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 ก่อนขยับติดยศนายพลครั้งแรกในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน (ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน) เรียกว่าจากใต้สุดยันเหนือสุดก็เคยตระเวนไปหมดแล้ว
จากนั้นสไลด์กลับนครบาลมาเป็นผู้บังคับการตำรวจอารักขาและควบคุมฝูงชน (ผบก.อคฝ.) และเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นอีกครั้งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 คุมพื้นที่ภาคเหนือตอนบนอีกรอบ ก่อนจะมานั่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (รองผบช.ปส.) และสลับมาเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) กระทั่งผงาดขึ้นเป็นผู้บัญชาการที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
ขณะที่ "บิ๊กอู๊ด" กำลังสนุกกับงานเสริมเขี้ยวเล็บให้ ตชด. เขาก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้เข้ามากุมบังเหียนหน่วยงานระดับเอบวก สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดูแลหน้าตาประเทศ
และสะสางแดนสนธยาแห่งนี้แทนที่ "บิ๊กโจ๊ก" ในวันที่ไม่หวานเจี๊ยบ!
-------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่อง : วัสยศ งามขำ, ปกรณ์ พึ่งเนตร
ภาพ : กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
อ่านประกอบ :
ยกเครื่อง ตชด.ชายแดนใต้ เพิ่มเขี้ยวเล็บนักสืบ "ตร.ชายขอบ" ทั่วไทย