หน.พรรคภูมิใจไทย ออกโรงขอเป็นผู้ประกันตัว-สู้คดีให้ อ.เดชา ศิริภัทร ปธ.มูลนิธิข้าวขวัญ
อนุทิน ชาญวีรกูล โพสต์เฟชบุ๊กขอเป็นผู้ประกันตัว-ต่อสู้คดีให้ อ.เดชา ศิริภัทร ยันพรรคภูมิใจไทย จะแก้ไขกฎหมายให้ประชาชนมีสิทธิ มีโอกาสปลูกกัญชา เป็นพืชเศรษฐกิจ และใช้ในครัวเรือนเป็นยารักษาอาการป่วย
หลังจากนายพรชัย ชูเลิศ เจ้าหน้าที่มูลนิธิข้าวขวัญ ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2562 ต่อมานายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ถูกหมายเรียกในข้อหาผลิต มีไว้ในครอบครอง และแจกจ่ายน้ำมันกัญชาเพื่อผู้ป่วยนั้น
กระทั่งมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน(ประเทศไทย) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ มูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) เชิญชวนประชาชนสมทบทุนเพื่อขอประกันตัว "อาจารย์ซ้ง" พรชัย ชูเลิศ เจ้าหน้าที่มูลนิธิข้าวขวัญ และต่อสู้คดีของอาจารย์ เดชา ศิริภัทร ปกป้องสิทธิของประชาชนให้สามารถเข้าถึงยาจากกัญชา
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีนโยบายกัญชาเสรี ได้โพสต์เฟชบุ๊ก ขอรับผิดชอบ เป็นผู้ประกันตัว และการต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ให้นายเดชา ศิริภัทร และนายพรชัย ชูเลิศ ทั้งนี้ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย จะดำเนินการแก้ไขกฎหมาย ให้ประชาชนมีสิทธิ มีโอกาสปลูกกัญชา เป็นพืชเศรษฐกิจ และเพื่อใช้ในครัวเรือน เพื่อใช้เป็นยารักษาอาการป่วยของตนเองได้
ก่อนหน้านี้ เพจลุงเนวิน ออกมาระบุถึงข่าวการจับกุมเจ้าหน้าที่มูลนิธิข้าวขวัญ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี และยึดต้นกัญชา 200 ต้น พร้อมทั้งอุปกรณ์การสกัดน้ำมันกัญชา
ตามข่าวอ้างว่าเป็นของนายเดชา ศิริภัทร ที่ใช้ผลิตกัญชาเพื่อการแพทย์ แจกให้แก่ประชาชนเพื่อรักษาโรค และจะเรียกนายเดชา มาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป นั้น
"ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่ได้ศึกษาการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย แพทย์พื้นบ้าน รวมทั้งการใช้กัญชารักษาโรคตามภูมิปัญญาไทย ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่มีมากว่า 300 ปี ผมมีความเห็นว่าการจับกุม ยึดทำลายต้นกัญชา และ อุปกรณ์การผลิตกัญชาเพื่อการแพทย์ เช่นนี้ เป็นการทำลายภูมิปัญญาไทย เป็นการปิดกั้นการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ของประชาชน
ปัจจุบันนี้ มีงานวิจัยทางการแพทย์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวนมาก ยืนยันว่ากัญชาเป็นพืชที่มีคุณค่าทางการแพทย์ หลายประเทศในโลก รวมทั้งประเทศไทย อนุญาตให้มีการผลิตกัญชาเพื่อการแพทย์ อย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
อีกทั้งองค์การอนามัยโลก ได้ทำการศึกษาวิจัย และระบุว่าสารสกัดในกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่มีสรรพคุณรักษาโรค ในขณะที่ทั่วโลก กำลังตื่นตัว ศึกษาวิจัยการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ แต่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพการปลูกกัญชาดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีองค์ความรู้ภูมิปัญญาพื้นถิ่นเกี่ยวกับการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ อย่างหลากหลาย มายาวนาน กลับมีการจับกุม ดำเนินคดีกับประชาชนผู้ทำการศึกษาวิจัยการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ อย่างเข้มงวด โดยไม่เปลี่ยนมุมมองต่อกัญชา และก้าวไม่ทันโลก
ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้โปรดใช้วิจารณญาณในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเหมาะสม รู้เท่าทันและศึกษาองค์ความรู้ใหม่ เกี่ยวกับกัญชาเพื่อการแพทย์ เพื่อที่จะไม่เป็นการทำลายภูมิปัญญาไทย และองค์ความรู้ที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนานกว่า 300 ปี ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญา ที่ประเมินค่ามิได้ของคนไทย ทั้งประเทศ
ผม ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ให้กำลังใจนายเดชา ศิริภัทร และทุกท่านที่ทำการศึกษาวิจัยการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัย และให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย และการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม
ขอเรียกร้องให้คนไทยช่วยกันรวมพลัง เพื่อปกป้องรักษากัญชาเพื่อการแพทย์ ของภาคประชาชน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาไทย ที่ต้องเผยแพร่อย่างกว้างขวาง และป้องกันการผูกขาดกัญชาเพื่อการแพทย์ เพื่อประโยชน์กลุ่มธุกิจ เท่านั้น
ผมอยากจะบอกเจ้าหน้าที่ทุกคน ว่า วันใดที่คุณมีคนในครอบครัว หรือญาติพี่น้อง เป็นผู้ป่วย ที่ต้องใช้กัญชารักษาอาการของโรค วันนั้น คุณจะรู้และเข้าใจสิ่งที่นายเดชา ทำ ว่าเป็นการสร้างคุณูปการที่มีคุณค่าแก่ชีวิตมนุษย์ และเป็นการสร้างประโยชน์ ที่ยิ่งใหญ่ด้วยความกล้าหาญ กว่าคนทั่วไป จะพึงกระทำ คือ การอุทิศตน เพื่อผู้ป่วย อย่างแท้จริง แม้จะเสี่ยงต่อการสูญเสียอิสรภาพ ก็ตาม"