ปภ. รายงาน 7 จว.ภาคเหนือคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ปภ. รายงาน 7 จังหวัดภาคเหนือคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ ประสานทั้ง 7 จังหวัดเตรียมพร้อมรับมือไฟป่าและหมอกควันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่จีสด้า โชว์ภาพถ่ายดาวเทียม ยังพบจุดความร้อนทั้งประเทศ 149 จุด ภาคเหนือมากสุดถึง 97 จุด
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2562 เวลา 05.00 น. พบว่า มีจังหวัดที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เกินค่ามาตรฐาน 100 รวม 7 จังหวัด ได้แก่
เชียงราย (ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย)
เชียงใหม่ (ตำบลช้างเผือก ตำบลศรีภูมิ ตำบล สุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม)
ลำปาง (ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง ตำบลบ้านดง ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ)
ลำพูน (ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน)
แม่ฮ่องสอน (ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน)
น่าน (ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน ตำบลห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ)
พะเยา (ตำบลบ้านต๋อม อำเภอเมืองพะเยา)
โดยมีค่า PM2.5 ระหว่าง 57 – 242 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า PM10 ระหว่าง 79 – 274 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI มีค่าระหว่าง 126 – 352 ซึ่งคุณภาพอากาศในภาพรวมอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (ระดับสีแดง)
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสาน 7 จังหวัดภาคเหนือเตรียมพร้อมป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างต่อเนื่อง โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพื้นที่ป่าไม้ เน้นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบจุดไฟเผาพื้นที่เกษตรกรรม ให้กำหนดช่วงเวลาและจัดระเบียบการเผา ประกาศเขต ห้ามเผา ส่งเสริมการจัดทำแนวกันไฟ และรณรงค์การไถกลบแทนการเผา ส่วนพื้นที่ริมทางหลวงให้เฝ้าระวังการเผาในเขตริมทางหลวงอย่างเข้มข้น อีกทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ดับเพลิงให้พร้อมปฏิบัติการระงับไฟป่า พร้อมประชาสัมพันธ์ผลกระทบของหมอกควันต่อสุขภาพอนามัย และข้อมูลคุณภาพอากาศ รวมถึงคำแนะนำ ในการปฏิบัติตนแก่ประชาชน ตลอดจนขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อป้องกันสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน
สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุมให้หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมในที่ โล่งแจ้งเป็นเวลานาน เพราะจะสูดดมฝุ่นละอองจำนวนมากเข้าสู่ร่างกายอาจทำให้เจ็บป่วยได้ รวมถึงใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันมิให้สูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย ส่วนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษ เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางอยู่ในระดับต่ำ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควัน สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป
ขณะที่ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจีสด้า ระบุว่า วันที่ 3 เมษายน ข้อมูลจากดาวเทียม Terra และ Aqua ของระบบ MODIS ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจิสด้า พบจุดความร้อน หรือ hotspot ทั้งประเทศ 149 จุด แบ่งเป็นภาคเหนือ 97 จุด ภาคกลาง 31 จุด ภาคตะวันตก 12 จุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จุด ภาคตะวันออก 1 จุดและภาคใต้ 1 จุด จุดส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์
ทั้งนี้ จิสด้า ร่วมเกาะติดสถานการณ์ไฟป่ารายวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้ในการวางแผน ติดตาม สำรวจ และตรวจสอบในพื้นที่จริง เพื่อหาทางบรรเทาและลดผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมถึงแก้ไขปัญหาต่อไป สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://fire.gistda.or.th