สำนักงบฯบี้ ก.เกษตรฯหาผู้รับผิดชอบแพ้คดีกล้ายาง-สภาพัฒน์สั่งล้อมคอกประเมินทุกโครงการ
สำนักงบฯ ไล่บี้ ก.เกษตรฯ หาผู้รับผิดชอบ หลังแพ้คดีต้นกล้ายางชำถุง ควักงบกลางจ่ายเอกชน 123 ล้าน ส่วนสภาพัฒน์ฯ สั่งล้อมคอกโครงการในอนาคตต้องกำหนดความเสี่ยงตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ คำนึงปัจจัยที่เคยเกิดขึ้น ดูประเด็นปัญหาภัยพิบัติ เพื่อให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์
จากกรณีเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือน มี.ค. 2562 เป็นเงินทั้งสิ้น 123,070,281 บาท ให้แก่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร ไปชำระให้แก่บริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ จำกัด ตามคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีแพ้คดีโครงการต้นกล้ายางชำถุง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ในหนังสือที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อขออนุมัติงบกลางจำนวน 123 ล้านบาทเศษดังกล่าวนั้น มีรายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2561 ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร มีคำสั่งที่ 394/2561 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเบื้องต้น อย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อดำเนินการตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน และพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่กรมวิชาการเกษตร ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา
นอกจากนี้ยังมีความเห็นจากสำนักงบประมาณ ที่อนุมัติให้นำงบกลางไปจ่าย ยังให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อสอบสวนหาผู้รับผิดชอบกรณีเกิดความเสียหายแก่ทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนโดยเร็วด้วย
ขณะที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) มีความเห็นว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควรพิจารณาความจำเป็นในการกำหนดความเสี่ยงและแนวทางบริหารจัดการความเสี่ยงของโครงการส่งเสริมด้านการเกษตร ตั้งแต่ในขั้นตอนการจัดเตรียมโครงการ โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เคยเกิดขึ้น และที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงจากบริบทรอบด้านในช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการ เช่น ความเสี่ยงจากปัญหาภัยพิบัติที่จะส่งผลกระทบต่อการจัดหาปัจจัยการผลิต เช่น ต้นกล้า เมล็ดพันธุ์ เป็นต้น และการกระจายหน้าที่ความรับผิดชอบในการจัดหาปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะหากต้องจัดหาในจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินโครงการด้านการเกษตรในระยะต่อไปเป็นไปด้วยความรอบคอบ และพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา มีมติรับทราบ และสั่งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการ โดยยึดผลประโยชน์สูงสุดของทางราชการ และดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโครงการต้นกล้ายางชำถุง เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 2547-2549 โดยกรมวิชาการเกษตร ทำสัญญากับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ จำกัด ต่อมา กรมวิชาการเกษตร ได้ระงับการส่งมอบต้นกล้ายาง 16.4 ล้านตัน ทำให้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ จำกัด ฟ้องเรียกค่าเสียหายทั้งจากต้นกลางยางที่ไม่ได้ส่งมอบ และภาพลักษณ์ของบริษัท มูลค่า 1.7 พันล้านบาท อย่างไรก็ดีศาลฎีกาพิพากษาเมื่อปลายปี 2560 ให้กรมวิชาการเกษตรแพ้คดี ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 377 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2561 (อ้างอิงข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/