จาก "บิ๊กตู่" ถึงพี่น้องชายแดนใต้ ให้คำมั่นลดการทหาร เพิ่มงานพัฒนา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ ปรากฏตัวผ่านคลิปวีดีโอ พูดกับคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ บนเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ ที่สนามกีฬา อบจ.นราธิวาส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 มี.ค.62 ซึ่งตรงกับวันหย่อนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าพอดี
ในฐานะที่เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ การพูดบนเวทีปราศรัยของพรรค แม้จะไม่ได้ไปยืนพูดแบบ "ตัวเป็นๆ" และไม่ได้หาเสียงแบบตรงๆ แต่ก็สามารถสะท้อนแนวคิดและสิ่งที่วางแผนไว้ว่าจะทำ หากได้กลับมามีอำนาจอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง
และนี่คือสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามสื่อสารกับพี่น้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
"ดีใจที่ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในวันนี้ ก่อนอื่นอยากจะบอกว่าคิดถึง คิดถึงมากด้วยทุกคน อยากจะมาพบปะพูดคุยด้วยตัวเอง ถึงแม้จะมาไม่ได้ แต่เราก็ยังสามารถสื่อสารกันได้ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพราะหากสื่อสารเข้าใจกันแล้ว เราก็จะเดินหน้ากันไปด้วยความความเข้าใจ ผมขอขอบคุณพรรคพลังประชารัฐที่ให้เกียรติ ให้ความไว้วางใจ เสนอชื่อผมเป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคมนี้
ขอให้คำมั่น และขอให้เชื่อมั่นในตัวผมว่าจะไม่ทำให้พี่น้องประชาชนผิดหวัง ผมจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดในการสานต่อนโยบายดีๆ และแผนการปฏิรูปที่เริ่มทำไปแล้วทั้ง 11 ด้านตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา และจะจัดทำนโยบายใหม่ๆ เพื่อนำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบสุข ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นยิ่งๆ ขึ้นไปทุกภาคส่วน สิ่งสำคัญเร่งด่วนที่ผมต้องทำให้เสร็จจากที่ได้เริ่มไว้แล้ว และทำต่อไปอีกก็คือการแก้ไขปัญหาที่หลงเหลืออยู่ ตลอดจนวางอนาคตให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
เช่น สิ่งแรกที่เราจะนำกลับคืนมา คือความรักความสามัคคี ความปรองดอง กลับคืนสู่สังคมไทย ประเทศไทย เพื่อจะนำพาบ้านเมืองของเราเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ที่จะรองรับกับภัยคุกคามทั้งรูปแบบเก่าและรูปแบบใหม่ ความทุกข์ของพี่น้องที่เป็นฐานรากของประเทศก็เป็นความทุกข์ใจของผมเช่นเดียวกัน ผมจึงมายืนอยู่ที่นี้ เราต้องมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ทั้งท่องเที่ยวเมืองหลัก เมืองรอง และท่องเที่ยวชุมชน โฮมสเตย์ ท่องเที่ยวทางน้ำ ทางบก และจะต้องมีการเชื่อมโยงให้เป็น package ไปด้วยกัน ให้คนได้มีโอกาสท่องเที่ยวหลายๆ อย่างหลายๆ พื้นที่ในทริปเดียวกัน ซึ่งเราต้องช่วยกันทั้งผู้ประกอบการ รัฐบาล ข้าราชการ ทั้งส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น และส่วนภูมิภาค
นอกจากนี้เรามี 10 เขตเศรษฐกิจพิเศษอยู่แล้วตามชายแดนหลายจังหวัด เราจะได้เชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้เข้ากับ eec (เขตพัฒนาพิเศษระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก) วันนี้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีแล้วสำหรับ eec เชื่อมโยงจากสงขลาไป ที่เรียกว่า eec สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน วันข้างหน้าก็ต้องมี wec nec มีทุกภาค เพราะเราเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลางอาเซียน
ขณะเดียวกันต้องลดความรุนแรงในสังคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สงบสุข สันติสุขให้ได้ โดยใช้มาตรการทุกมาตรการ โดยไม่ได้มุ่งเน้นการใช้อำนาจทางการทหารอย่างเดียว เพราะถ้าเราใช้มาตรการทางทหารเหตุการณ์จะลุกลามบานปลาย จึงต้องมีทั้งในเรื่องของการพูดคุย เรื่องการพัฒนา ซึ่งเราเน้นเรื่องการพัฒนามากที่สุด ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เกิดการพัฒนามากที่สุด คือการสร้างความปลอดภัยให้ได้ คนในพื้นที่ต้องดูแล ไม่อย่่างนั้นนักลงทุนจะไม่กล้าไป วันนี้ผมเห็นมีนักลุงทุนมากมายลงมาในพื้นที่ขณะนี้
ส่วนปัญหายาเสพติดที่กำลังแพร่หลาย ผมก็พยายามทำอย่างเต็มที่ สถิติการจับกุมในคดีมากมาย มากกว่าที่ผ่านมาเยอะ แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่หมด ตราบใดที่ยังมีผู้เสพอยู่ และเราต้องลดปริมาณให้ได้ ในเรื่องของการจับกุมดำเนินคดีถือเป็นขั้นตอนที่สอง สิ่งแรกคือการป้องกันและป้องปราม อันที่สองคือปราบปราม และอันที่สามคือฟื้นฟู ผู้เสพคือผู้ป่วยต้องได้รับโอกาส ผ่านการฝึกอาชีพ เพื่อจะคืนสู่สังคม ประกอบสัมมาอาชีพ หันหลังให้กับยาบ้า ยานรก ชุมชนต้องเข้มแข็ง ร่วมกันต่อต่านยาเสพติด สังคมต้องช่วยกันสอดส่อง
วันนี้เรามีความร่วมมือจากเพื่อนบ้านมากมาย ป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติด สารตั้งต้นตามแนวชายแดน คนไทยจะต้องปลอดภัย คนใกล้ชิดในบ้านจะต้องห่างไกลยาเสพติด ทุกๆ เรื่อง ทุกมาตรการเราจำเป็นต้องดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนต่อเนื่อง มีนโยบาย มียุทธศาสตร์ มีแผนงาน มีงบประมาณรองรับ ถ้าเราได้ทำต่อร่วมกัน ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์ใช่ไหมครับ
วันนี้ทุกอย่างกำลังผลิดอกออกผล เหมือนเราปลูกต้นไม้มาแล้ว ปลูกไม้ผลมาแล้ว หลังเจริญเติบโตมา 5 ปี ผมมั่นใจนะครับ หากทุกท่านให้โอกาสผม มอบความไว้วางใจให้กับผมเหมือนที่ผ่านมา หรืออาจจะมากกว่านั้น ร่วมกันปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติ รักประชาชน ยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ จะส่งเสริมผลักดัน สร้างพลังแรงศรัทธา ให้ผมและพรรคพลังประชารัฐ ตลอดจนพี่น้องประชาชนทุกคนได้ร่วมมือร่วมแรงเป็นกำลังใจให้กัน สร้างสรรค์สิ่งที่ถูก กำจัดสิ่งที่ผิด ด้วยความเข้าใจและร่วมกันนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความเจริญ ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า มีความรักใคร่ มีความสามัคคีปรองดอง มีความสุขทุกคนถ้วนหน้า อย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ตรีมอกาเซะ ยาแงลูปอ ปีเละกีตอ (ขอบคุณ อย่าลืมเรา)"
สำหรับเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เปิดเวทีอย่างยิ่งใหญ่ เต็มรูปแบบ มีคนมาร่วมนับหมื่นคน สำหรับขุนพลของพรรคก็มากันพร้อมหน้า นำโดย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และ นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคกลาง โดยพรรคพลังประชารัฐส่งผู้สมัคร ส.ส.สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ครบทั้ง 11 เขต และมีโอกาสปักธง แจ้งเกิด ส.ส.ของพรรคได้ในบางพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะ 2 เขตของ จ.นราธิวาส
นโยบายเด่นๆ ของพรรค คือลดความเหลื่อมล้ำด้วยโครงการรัฐสวัสดิการ ทั้งสานต่อ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ที่จะเพิ่มสิทธิให้ครอบคลุมมากขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนในการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงนโยบาย "มารดาประชารัฐ" ที่จะดูแลเด็กตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงคลอด และดูแลต่อไปอีก 6 ปี พร้อมสร้างระบบการศึกษาใหม่ เน้นเชิงปฏิบัติเพื่อให้สามารถสร้างโอกาสและมีงานทำเมื่อเรียนจบ ขณะเดียวกันก็จะมีนโยบายดูแผู้สูงวัย ปรับเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ และทุกพื้นที่จะให้มีโรงเรียนผู้สูงวัย เพื่อให้มีโอกาสพบปะกัน ไม่รู้สึกเหงาหรือถูกทอดทิ้ง
ส่วนนโยบายด้านการเกษตร จะเน้น "เกษตรยั่งยืน" ดูแลเกษตรกรตั้งแต่เริ่มเพาะปลูกไปจนถึงเก็บเกี่ยว และเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูป และดูแลตลาด เช่น ยางพารา ควรจะมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 65 บาทต่อกกิโลกรัม โดยการพัฒนาการเกษตรจะต้องสอดรับกับการท่องเที่ยวและวิถีชีวิตด้วย
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพประกอบจากพรรคพลังประชารัฐ
อ่านประกอบ :
"เสรีรวมไทย"ชูนโยบายดับไฟใต้ ดึงงบจากมือทหาร สร้างงานคนพื้นที่
"อภิสิทธิ์" ลั่นดึงกลับดับไฟใต้ใช้ "การเมืองนำการทหาร" ชูพลเรือนหัวหน้าพูดคุยฯ