‘สุเมธ ตันติเวชกุล’ กับศาสตร์พระราชา ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ เพื่อการค้า-พัฒนายั่งยืน
"...การเดินตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง ทุกคนลุกขึ้นมาไปปลูกผักปลูกข้าว ทำตัวจน ๆ อย่างที่แสดงออกในทุกวันนี้ นั่นคือความหลงผิดโดยสิ้นเชิง หน่วยราชการก็แสดงออกมาแบบนั้น แม้กระทั่งในมหาวิทยาลัยศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงก็มีเฉพาะการเลี้ยงบ่อปลา แปลงผัก อื่นๆ หมุนเวียนกันอยู่เพียงเท่านี้ ซ้ำร้ายบางคนทำตัวจนๆ ใส่เสื้อม่อฮ่อม กางเกงขาก๊วย เศรษฐกิจพอเพียงหมู่นี้อาศัยอยู่กระต๊อบ..."
วันที่ 18 มีนาคม 62 ศูนย์ศึกษาวิเคราะห์แนวโน้มด้านการค้าและการพัฒนา ได้จัดสัมมนาและแถลงข่าว "การเปิดตัวศูนย์ศึกษาวิเคราะห์แนวโน้มด้านการค้าและการพัฒนา" ณ ห้องBallroom 2 ชั้น 8 โรงแรม โซ โซฟิเทล แบงค็อก ถนนสาธรเหนือ กรุงเทพฯ
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ศาสตร์พระราชาเพื่อการค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน" ใจความตอนหนึ่งว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้สอนศาสตร์พระราชาไว้เพื่อทุกคนอย่างมากมายในทุกมิติ ทุกคนเคยได้ยิน แต่ไม่เคยจำ สิ่งสำคัญคือไม่เคยประพฤติตาม พระองค์สอนเรื่องเศรษฐศาสตร์ สังคม ชี้นำเรื่องการเมือง แต่ก็ไม่มีใครสนใจจะนำมาใช้ในชีวิต กลับไปไขว่คว้าสิ่งที่เกิดจากต่างประเทศ แล้วนำเอามาใช้ หลงกับคำว่า “สากล”
“ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาในบ้านเมืองนี้จึงไม่เหมาะสมเข้ากับบริบทของประเทศไทย ซึ่งนี่คือปัญหาหลัก และผมก็ประสบมาตลอดโดยบังเอิญ เพราะผมเองก็อยู่ในที่ๆ ไม่เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา เมืองไทยชอบเป็นอย่างนั้น”
เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา จึงเห็นว่า เป็นสิ่งที่ดีที่ศูนย์ศึกษาวิเคราะห์แนวโน้มด้านการค้าและการพัฒนา (itd) จัดตั้งขึ้น เพราะการลงทุนเหล่านี้นั้นยังขาดอยู่ อาจจะมีมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทำการวิเคราะห์วิจัยบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นเชิงวิชาการ ประโยชน์ที่จะนำมาใช้ในเรื่องการลงทุนต่าง ๆ จึงยังไม่มี ต่อไปนี้เราจะได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสภาวะที่เกิดขึ้นในโลกสร้างด้วยความเข้าใจ ซึ่งการรู้เรื่องราวต่างๆ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” จะช่วยเสาะหาช่องทางที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับเราได้ เพราะชีวิตจริงของเรานั้นต้องประสบกับ “วิกฤตและโอกาส”
เรื่องราวทั้งหมดของศาสตร์พระราชาเกี่ยวกับการค้าก็ดี หรือหยิบยกตรงไหนมาก็สามารถนำมาใช้ได้ พระองค์พระราชทานเครื่องมือทางความคิดไว้ให้แล้ว สิ่งที่สอนกันไม่เคยมีใครไปศึกษากันจริง ๆ เพราะฉะนั้นจะทำอะไรต้องเข้าใจจริง คนไทยเรานั้นทำอะไรผิวเผินเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก รู้สึกว่าอีคิวคนไทยสูงมาก แต่ไอคิวไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ใช้ความรู้สึกของตัวเองเป็นตัวนำอยู่ตลอดเวลา
ดร.สุเมธ ยกตัวอย่าง การเดินตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง ทุกคนลุกขึ้นมาไปปลูกผักปลูกข้าว ทำตัวจน ๆ อย่างที่แสดงออกในทุกวันนี้ นั่นคือความหลงผิดโดยสิ้นเชิง หน่วยราชการก็แสดงออกมาแบบนั้น แม้กระทั่งในมหาวิทยาลัยศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงก็มีเฉพาะการเลี้ยงบ่อปลา แปลงผัก อื่นๆ หมุนเวียนกันอยู่เพียงเท่านี้ ซ้ำร้ายบางคนทำตัวจนๆ ใส่เสื้อม่อฮ่อม กางเกงขาก๊วย เศรษฐกิจพอเพียงหมู่นี้อาศัยอยู่กระต๊อบ
“เป็นสิ่งที่น่าคิดว่าพระองค์สอนให้นับถือสิ่งยากจนหรือไม่ ทำไมสิ้นคิดกันแบบนั้น ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน จึงขอพูดแรง ๆ ว่าประเทศไทยชอบไหลไปตามกระแสเหล่านั้นไป แต่เราไม่เคยอยากจะสร้างกระแสของตัวเอง ถือว่าเป็นความอ่อนแอในสังคมไทย”
ทั้งนี้ ยังย้ำว่า ศาสตร์พระราชานั้น เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก และง่ายต่อความเข้าใจ ขอเพียงเราใส่ใจให้เกิดความอยากที่จะเข้าใจ แล้วนำมาใช้ในชีวิตจริง ซึ่งพระองค์สอนให้รู้จักความสมดุล มั่นคง และความยั่งยืนตลอดไป ทำอะไรต้องสอดคล้องกับสภาวะ ต้องเข้าใจสภาวะที่อยู่แวดล้อมเรา บางครั้งก็ต้องปรับตัวให้ทัน ซึ่งเศรษฐกิจพอเพียงต้องรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง คือต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ เพราะโลกเราเปลี่ยนไปทุกนาที ความไม่ประมาทต้องทำให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ .
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage