พรรคการเมืองทำสัญญาประชาคมเลือกนายกฯ ให้มาจาก ส.ส. 500 เสียง ก่อน
พรรคการเมือง ทำสัญญาประชาคมข้อตกลงเลือกนายกรัฐมนตรี ย้ำมาจากส.ส. 500 เสียงก่อน-ใครมากสุด เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ส.ว. ต้องสนับสนุน ‘อภิสิทธิ์’ หนักใจเลือกตั้งล่วงหน้า เสนอ กกต. บันทึกเส้นทางขนส่งบัตรลงคะแนน ใช้เทคโนโลยีช่วย ปชช.ตรวจสอบได้
วันที่ 18 มี.ค. 2562 คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดเวทีสัญญาประชาคม พรรคการเมือง ทำอย่างไรประชาธิปไตยจะไม่ล้มเหลวอีก ณ ห้องประชุมอิศรา อมันตกุล สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงเงื่อนไขที่จะไม่ทำให้กลับไปสู่เหตุการณ์คล้ายพฤษภาทมิฬ ปี 2535 อีกครั้ง คือ การเลือกตั้งต้องเป็นที่ยอมรับ กล่าวคือ ต้องมีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม ดังนั้นทุกพรรคการเมืองอย่าคิดเพียงชัยชนะ แต่ต้องช่วยรักษากระบวนการเลือกตั้งให้เป็นธรรมด้วย และภาระที่สำคัญอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีหน้าที่นี้โดยตรง หาก กกต. ถูกมองว่าวินิจฉัยหรือตัดสินเรื่องต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการเงื่อนไขเลือกตั้งไม่เสรีและเป็นธรรม มีการใช้อำนาจพิเศษอย่างมาตรา 44 เข้ามาเกี่ยวข้อง สุ่มเสี่ยงเกิดความขัดแย้งรุนแรง
“พรรคการเมือง กกต. แม้กระทั่ง คสช. ต้องไม่ทำอะไรให้เกิดการสร้างเงื่อนไขไม่ยอมรับการเลือกตั้งขึ้น”
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการจัดลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมี 2.5 ล้านคะแนนว่า รู้สึกหนักใจ เพราะแม้การลงคะแนนจะเกิดขึ้นในพื้นที่หนึ่ง แต่ต้องถูกส่งกลับไปยังเขตเลือกตั้งอีกพื้นที่หนึ่ง จึงเสนอให้ กกต. ควรบันทึกการขนส่งบัตรเลือกตั้งทั้งหมดมีเส้นทางเป็นอย่างไร โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้และเกิดความมั่นใจว่าบัตรเลือกตั้งจะไม่ถูกเปลี่ยนหรือหายไป
ทั้งนี้ เมื่อเลือกตั้งเสร็จ จะมีกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีกับการจัดตั้งรัฐบาล ขอเสนอให้ทุกพรรคการเมืองมาตกลงกันได้หรือไม่ว่า ขอให้กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลมาจาก ส.ส. 500 คน ที่มาจากการเลือกตั้งก่อน ใครรวบรวมได้ 250 เสียง เป็นผู้เรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาให้การสนับสนุน
ด้าน นายโภคิน พลกุล พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเพียงตัวแทนหนึ่งของระบอบเผด็จการ ซึ่งเป็นบุคคล ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นตัวแทนพรรค ดังนั้น หากจะไม่เอาระบอบดังกล่าว จะต้องไม่เอา พปชร. และพล.อ.ประยุทธ์ แต่หากเลือกเฉพาะ พปชร. ซึ่งจะผลักดันใครขึ้นมาก็ได้ จึงต้องมีความชัดเจน ทั้งนี้ ในอดีตมีความสง่าพอสมควร หากพรรคใดมีคะแนนนำมาเป็นอันดับ 1 จะได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อน
“สมัยรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กับพรรคประชาธิปัตย์ คะแนนเสียง 125:123 ซึ่งนายชวน หลีกภัย บอกว่า พรรคความหวังใหม่ได้รับคะแนนเสียงมากกว่า ให้จัดตั้งไปก่อน จึงเสนอว่า การจะเลือกนายกรัฐมนตรีให้อยู่ใน ส.ส. 500 คน พรรคใดได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล หากไม่ได้ไปพรรคที่สอง และสาม ถ้าอย่างนี้เป็นลำดับ และ ส.ว. 250 คน ซึ่งต้องการมาเติม ถ้ามีการจัดตั้งได้แล้วเกินครึ่งหนึ่งแล้ว โปรดอย่าสกัด ถ้าอย่างนี้จะสกัดการสืบทอดอำนาจได้ทั้งคนและพรรค” ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าว
ขณะที่ นายชำนาญ จันทร์เรือง พรรคอนาคตใหม่ กล่าวเพิ่มเติมถึงลำดับหลังจากประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการ จะมีการแต่งตั้งประธานรัฐสภาหรือประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งโดยธรรมเนียมมาจากพรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงมากที่สุด จะเป็นผู้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรี แต่อาจเป็นครั้งนี้กลายเป็นพรรคอื่น เนื่องจากมีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรี สองสภารวมกัน หากเสียงออกมาฝ่ายไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ถล่มทลาย แม้จะแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่เมื่อเสียงถล่มทลายมากขนาดนั้น จะสร้างแรงกดดันให้ ส.ว. ทั้งนี้ เชื่อว่าหาก ส.ส.ยืนยันไม่ยกมือให้ พรรค พปชร. จะได้คะแนนไม่ถึง .
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/