ลั่นศึกษาข้อมูลรอบด้านแล้ว! ผอ.ทอท.ยันเดินหน้าประมูลดิวตี้ฟรีใหม่-ก.ย.ได้ชื่อผู้ชนะ
'นิตินัย ศิริสมรรถการ' ผอ.ทอท. เปิดแถลงข่าวยันเดินหน้าประมูลดิวตี้ฟรีใหม่ต่อ ยกผลศึกษาบ.เอกชน ดูข้อมูลรอบคอบแล้ว หากไม่ดำเนินการจะไม่สามารถแข่งขันได้ ส่งผลเสียต่อปท.โดยรวม แจงฟังข้อโต้แย้งอีก 2 สัปดาห์ คาดเดือนก.ย.นี้ น่าจะทราบรายชื่อผู้ชนะ
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2562 นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อํานวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดแถลงข่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวตามสื่อต่างๆ ทักท้วงการดําเนินงานของ ทอท.ในการจัดทําข้อกําหนดและรายละเอียดการ ให้สิทธิประกอบกิจการจําหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยาน เชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ และการบริหารโครงการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ภายในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ โดยเลือกประมูลแบบสัญญาเดียว ว่ามีลักษณะผูกขาด และอาจจะไม่สอดคล้องกับกฎหมายร่วมทุนที่มีการ ประกาศใช้ใหม่นั้น
นายนิตินัย กล่าวว่า ในการจัดทําข้อกําหนดและรายละเอียดของทั้งสองโครงการ ทอท.ได้มีการพิจารณา ข้อมูลรอบด้านอย่างรอบคอบ รับฟังความคิดเห็นจากหลายองค์กรมาประมวลผล รวมทั้งศึกษาถึงบริบทโดยรวม รอบด้าน ได้ผลสรุปดังนี้
1. การเปิดเสรีเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Duty Free Pick-up Counter) เป็นการยุติการผูกขาด ธุรกิจร้านค้าปลอดอากร โดยสามารถเห็นตัวอย่างได้จากการเปิดเสรี Pick-up Counter ที่ท่าอากาศยานภูเก็ตทําให้มีผู้ยื่นความจํานงประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรในเมืองนับสิบราย ซึ่ง ทอท. คาดว่าหลังจากมีการเปิดเสรี Pick-up Counter ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันในธุรกิจร้านค้าปลอดอากรที่สําคัญ ของประเทศไทย
2. รูปแบบของการให้สิทธิประกอบกิจการโครงการจําหน่ายสินค้าปลอดอากร และการบริหารโครงการ กิจกรรมเชิงพาณิชย์ ที่เหมาะสมที่สุดและเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายในระยะยาว คือ การให้สิทธิสัมปทานเพียงรายเดีย (Master Concessionaire) การแยกประมูลตามหมวดสินค้า (Category Consessions) จะไม่ส่งผลดีต่อองค์กรและ ประเทศชาติโดยรวม โดยในส่วนของกิจการร้านค้าปลอดอากรไม่เหมือนการค้าปลีกโดยเฉพาะเรื่องสถานที่ ห้างสรรพสินค้ามีประตูอยู่ที่เดิมตลอดไป แต่ท่าอากาศยานมี contact gate ที่เปรียบเสมือนประตู และแต่ละ Contact gate สามารถรองรับเครื่องบินได้ในแต่ละกลุ่มที่แตกต่างกัน ดังนั้น การไหลเวียนของผู้โดยสาร (Passenger flow) ในท่าอากาศยาน จึงแตกต่างจากห้างสรรพสินค้า โดยขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องบินที่สายการบินนํามาให้บริการ ดังนั้น จึงมีความสุ่มเสี่ยงที่หากมีการแยกสัญญาแล้วจะทําให้ผู้ประกอบการบางรายมีปัญหาเมื่อปริมาณและการ ไหลเวียนของผู้โดยสารมีการเปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ ยังจะทําให้ภายในสนามบินเดียวกัน มีความแตกต่างให้เห็น ทั้งในด้านโครงการส่งเสริมการขาย และมาตรฐานการให้บริการ ซึ่งจะสร้างการเปรียบเทียบและความสับสนให้กับ ผู้โดยสาร อีกทั้งยังนํามาซึ่งการผูกขาดในรายสินค้านั้นๆ และไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันตามที่กล่าวอ้าง แต่อย่างใด แต่จะแสดงถึงความไม่มีมาตรฐานของสนามบินของประเทศอีกด้วย
3.การให้ให้สิทธิประกอบกิจการทั้ง 4 ท่าอากาศยาน ซึ่งประกอบด้วยท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานหาดใหญ่ รวมอยู่ในสัญญาเดียว เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ท่าอากาศยานที่มียอดขายน้อย เช่น ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ประสบปัญหาการขาดทุนเนื่องจากมีการถัวกําไรจากท่าอากาศยานใหญ่ คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากนั้น การเปิดเสรีเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Duty Free Pick-up Counter) ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ได้เริ่มประสบปัญหาการขาดทุนจากการแข่งขันของร้านค้าปลอดอากรในเมือง (Downtown Duty Free) แสดงให้เห็นว่าความแข็งแรงและศักยภาพของผู้ประกอบการจึงเป็นสิ่งที่จําเป็น ซึ่งจากผลการศึกษาของที่ปรึกษาชี้ชัดว่า การรวมสัญญาของโครงการจําหน่ายสินค้าปลอดอากรทั้ง 4 ท่าอากาศยาน จะทําให้ผู้ชนะการประมูลมีอํานาจต่อรองกับผู้แทน จําหน่าย (Supplier) ของสินค้า (Brand Name) ชั้นนําได้มาก ซึ่งธุรกิจร้านค้าปลอดอากรเป็นธุรกิจที่ต้องแข่งขันกับ ผู้ประกอบการอื่นในระดับโลก การจะทําให้ท่าอากาศยานภูมิภาคมีสินค้า Brand Name ให้บริการผู้โดยสารเหมือนที่ ให้บริการในท่าอากาศยานใหญ่ ทอท.จําเป็นต้องคัดเลือกให้ได้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพมากที่สุดเพื่อให้สามารถ แข่งขันในระดับโลกได้ หากท่าอากาศยานของไทยไม่สามารถแข่งขันได้ จะส่งผลเสียต่อประเทศชาติโดยรวมต่อไป
นายนิตินัย กล่าวยืนยันว่า ทอท.ได้ดําเนินการจัดทําข้อกําหนดและรายละเอียดของทั้งสอง โครงการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องในทุกกระบวนการ โดยคํานึงประโยชน์สูงสุดของ ทอท.และประเทศที่จะได้รับ เป็นสําคัญ รวมถึงการที่จะดําเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2562 ที่กําหนดให้มีคนนอกร่วมอยู่ใน กระบวนการด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้การดําเนินการเป็นไปอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบและชี้แจงต่อสาธารณชนได้ ทอท.จะรอฟังเหตุผลใหม่ๆก่อนเป็นระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ถ้าหากมีข้อโต้แย้งด้วยเหตุผลใหม่ๆ ทอท.ก็พร้อมจะออกมาชี้แจง โดยคาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น จะสามารถชี้แจงข้อสงสัยต่างๆได้หมด และคาดว่าในเดือน ก.ย.น่าจะทราบผู้ชนะการประมูลพื้นที่ได้
นายนิตินัยกล่าวต่อว่าการดำเนินงานของ ทอท.ที่ผ่านมานั้นใช้ผลการศึกษาจากบริษัท PrimeStreet จำกัด ซึ่งคำแถลงในวันนี้นั้นส่วนหนึ่งก็มาจากผลการศึกษาของตัวบริษัทจากรายละเอียดทั้งหมดทที่มีจำนวนหลายหน้ากระดาษ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ จี้บิ๊กตู่ ใช้ ‘ข้อตกลงคุณธรรม’ ประมูลดิวตี้ฟรีใหม่-ป้องกันผูกขาด
หวั่นเร่งอนุมัติเอื้อทุนใหญ่ก่อนมีรบ.ใหม่! ACTจับตาประมูลดิวตี้ฟรี-ข้องใจรายได้ต่ำกว่าตปท.