ปตท.กรีนฯ แจงCEOโดนฟ้องคดีปาล์มอินโดแค่ศาลรับเรื่อง-ป.ป.ช.ใกล้ชี้มูลหลังแจ้งข้อกล่าวหา5โครงการ
ผู้บริหารฯ ปตท.กรีน แจ้งเวียนหนังสือภายใน แจงข่าวซีอีโอโดนฟ้องคดีปาล์มอินโด ศาลแค่รับเรื่องตามขั้นตอนธุรการ นัดไต่สวนมูลฟ้อง 18 มิ.ย.62 นี้ ด้าน ป.ป.ช.ไม่หวั่นไหวยันทำงานยึดถือเอกสารหลักฐาน ใกล้ชี้มูลหลังแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้อง 5 โครงการที่พบปัญหาการทุจริต - เลขาฯ ป.ป.ช. ออกโรงแจงเดินทางไปสอบพยานที่อินโดฯ เป็นการขอความร่วมมือระหว่างประเทศในทางอาญา ปฏิบัติตามกฎหมาย มี จนท.ป.ป.ช.อินโดฯผู้สอบ กก.ป.ป.ช.ไทย แค่สังเกตการณ์
สืบเนื่องจากปรากฎข่าวว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งรับฟ้องไว้พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ อท.1/2562 ที่นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางรสยา เธียรวรรณ ผู้บริหารบริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี จำกัด (PTTGE) เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 4 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกอบด้วย นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ ,นายสิญภพ หรือ สชญช์ รูปเตี้ย ,นางสาววิไลลักษณ์ ศรีสุขใส และนายอัครกิตติ์ กีรติธนาไชยยศ โดยฟ้องในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ฝ่าฝืนประมวลจริยธรรม ป.ป.ช. และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยศาลฯได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 และการฟ้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 15 จึงรับฟ้องไว้พิจารณา (อ่านประกอบ :ศาลรับฟ้องคดีปาล์มอินโดโยง'ปปช.'สร้างหลักฐานเท็จ)
ล่าสุด มีรายงานข่าวจากบริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี จำกัด (PTTGE) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2562 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการแจ้งเวียนหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง กรณี นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางรสยา เธียรวรรณ ผู้บริหารบริษัท ปตท.กรีน ฯ ให้กลุ่มผู้บริหารบริษัทฯ รับทราบ
โดยระบุว่า ตามที่ปรากฎข่าว ว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งรับฟ้องกรณีนายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา (นายนิพิฐฯ) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางรสยา เธียรวรรณ ผู้บริหารบริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี จำกัด (PTTGE) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท. นั้น
บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า คดีตามข่าวนั้น เป็นกรณีที่ นายนิพิฐฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จากการตรวจสอบพบว่า คดีดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนที่ศาลรับเอกสารซึ่งเป็นคำฟ้องไว้พิจารณาเท่านั้น และด้วยตามกฎหมายกำหนดให้คดีที่ราษฎร (นายนิพิฐฯ) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญา ศาลต้องทำการไต่สวนมูลฟ้องเสียก่อนจึงจะพิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่ หลังจากนั้นศาลจึงจะมีคำสั่งเกี่ยวกับคำฟ้อง กรณีคดีตามข่าวจึงเห็นเป็นประจักษ์ชัดว่า ศาลยังไม่ได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องไว้แต่อย่างใด ทั้งนี้ศาลจะได้กำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเข้าใจว่าก่อนหน้านี้ นายนิพิฐฯ ได้เคยนำข้อเท็จจริงในคดีตามข่าวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมาแล้ว แต่ศาลดังกล่าวได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องเช่นกัน
ด้าน แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพิจารณาคดีนี้ ของศาลฯ เป็นเพียงการรับเรื่องทางธุรการเท่านั้น ยังไม่ได้มีการประทับรับฟ้องร้องคดีแต่อย่างใด โดยศาลนัดตรวจหลักฐานวันที่ 26 เม.ย.2562 และนัดไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ 18 มิ.ย.2562 นี้
"ในการไต่สวนคดีนี้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ถูกกดดัน และถูกคัดค้านจากผู้ที่ถูกไต่สวนความผิดมาตลอด แต่เราก็ไม่หวั่นไหว เพราะการทำงานที่ผ่านมา ทำตามหน้าที่ยึดถือเอกสารหลักฐานเป็นหลัก ส่วนความคืบหน้าการไต่สวนคดีนี้ อยู่ระหว่างสรุปผลการไต่สวนเป็นทางการ ใกล้ชี้มูลความผิด หลังจากแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว จำนวน 5 โครงการที่พบการทุจริต"
เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2562 นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนี้อย่างเป็นทางการ ระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนว่าศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งรับฟ้องไว้พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ อท. 1/2562 โดยโจทก์ยื่นฟ้องผู้บริหารรายหนึ่งของบริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี จำกัด (PTTGE) เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 4 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช. โดยกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. มีส่วนรู้เห็นให้ผู้ถูกฟ้องที่ 1 นำเงินหรือทรัพย์สินไปติดสินบนกับพยานรายหนึ่งที่อินโดนีเซีย เพื่อให้ถ้อยคำบิดเบือนข้อเท็จจริงในคดีทุจริต ปาล์มน้ำมันอินโด ซึ่งเป็นการสร้างพยานหลักฐานเท็จ นั้น
สำนักงาน ป.ป.ช. ขอชี้แจงว่าการเดินทางไปสอบพยานบุคคลที่ประเทศอินโดนีเซีย ของกรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบสำนวน และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ตามที่ปรากฏเป็นข่าวดังกล่าว เป็นกรณีการขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาจากประเทศอินโดนีเซียในเรื่องกล่าวหาทุจริตข้ามชาติ ซึ่งได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด ตามพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศ ในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีผู้แทนจากกระทรวงกฎหมายและสิทธิมนุษยชน แห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียในฐานะผู้ประสานงานกลางของประเทศอินโดนีเซีย และผู้แทนจากหน่วยงานต่อต้าน การทุจริตของประเทศอินโดนีเซีย (Komisi Pemberantasan Korupsi: KPK) ดำเนินการสอบพยานบุคคล ตามคำร้องขอฯ ทั้งนี้ ในการสอบพยานดังกล่าว กรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบสำนวน และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น โดยมีผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย จึงไม่มีเหตุที่กรรมการ ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบสำนวน และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จะกระทำการตามที่ปรากฏเป็นข่าว
นอกจากนี้ กรณีปรากฏเป็นข่าวว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้รับคำฟ้องเรื่องดังกล่าวนั้น ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเป็นการรับคำฟ้องไว้ทางธุรการเท่านั้น โดยศาลยังไม่ได้ประทับรับฟ้องตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/