กกต.ยังไม่คิดตรวจบริษัทบริจาคเงิน พปชร. ชี้เป็นเรื่องไกลมาก - แจ้ง97ปท.กรณี ทษช. ถูกยุบแล้ว
เลขาฯ กกต. แจงยังไม่คิดตรวจสอบปมเอกชนบริจาคเงินระดมทุนพรรค พปชร. อ้างนำเงินรับงานหน่วยงานรัฐมาบริจาค ชี้ยังเป็นเรื่องที่ไกลมาก แต่รอผลตรวจข้อมูลต่างชาติอยู่ ส่วนกรณี ทษช.ถูกยุบพร้อมดำเนินการตามขั้นตอน แจ้งประสาน 97 ปท.ทั่วโลกประชาสัมพันธ์กาบัตรเสียแล้ว ชี้กก.บริหารยังหาเสียงให้พรรคอื่นได้อยู่
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2562 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณีการตรวจสอบพบข้อมูลบริษัทเอกชนที่ปรากฎชื่อเป็นผู้สนับสนุนเงินระดมทุนให้กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีรายได้จากการประกอบธุรกิจ น้อยกว่าจำนวนเงินที่บริจาค ขณะที่บางบริษัทอ้างว่านำเงินที่ได้รับจากการเป็นคู่สัญญาหน่วยงานรัฐมาบริจาคให้ ว่า "เรื่องนี้ถือว่ายังไกลมาก กกต.ยังไม่ได้ไปคิดถึงในประเด็นนั้น แต่ถ้ามีการร้องไปยังหน่วยงานอื่นเพื่อให้ตรวจสอบความโปร่งใสในเรื่องของการบริจาคเงิน รวมถึงมีข้อมูลเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องนั้น ทาง กกต.ก็มาสามารถเรียกข้อมูลเหล่านี้มาตรวจสอบได้เช่นกัน แต่อย่างไรดี การทำหน้าที่ของ กกต.ยังไม่ได้มองไปไกลถึงกรณีความผิดว่าด้วยการใช้อำนาจรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมือง"
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวถึงการดำเนินงานของ กกต.ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติว่า ผลจากการยุบพรรคทำให้มีการถอนผู้สมัครเลือกตั้งออกไปเป็นจำนวนหลายร้อยคน อย่างไรก็ดี ในขณะนี้การเลือกตั้งยังอยู่ในขั้นตอนการเปิดให้ลงคะแนนนอกราชอาณาจักรแล้วจนถึงวันที่ 16 มี.ค. ซึ่งหลังจากที่มีการยุบพรรคก็ได้มีการส่งโทรเลขไปยัง 97 ประเทศทั่วโลกเพื่อให้ประชาสัมพันธ์เรื่องการกาหมายเลขของผู้สมัครที่ถูกถอนสิทธิ์ไปแล้วว่า จะทำให้บัตรเลือกตั้งเป็นบัตรเสีย
ส่วนการเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติจำนวน 13 คน นั้น พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ระบุว่า "ในส่วนของผู้ที่สมัครเลือกตั้งซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคนั้นสามารถจะไปสมัครลงเลือกตั้งที่พรรคการเมืองอื่นได้ ส่วนเรื่องการหาเสียงนั้นก็ต้องไปดูในระเบียบว่าด้วยการหาเสียงกันอีกทีหนึ่ง ซึ่งตัวกรรมการบริหารพรรคการเมืองแม้จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถไปช่วยพรรคการเมืองอื่นหาเสียงได้ สำหรับนายทะเบียนพรรคการเมือง เมื่อได้รับคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการแล้วก็ต้องไปยื่นต่อทางศาลฎีกาเพื่อให้ถอนบัญชีรายชื่อผู้สมัครลงเลือกตั้งกันต่อไป สำหรับการดำเนินงานของพรรคการเมืองก็ต้องมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป และต้องส่งงบการดำเนินงานกิจการพรรคการเมืองให้กับ กกต.ได้รับทราบด้วย"
"กรณีที่สังคมสงสัยกันว่าทำไมการยุบพรรคไทยรักษาชาติทำได้รวดเร็วเมื่อเทียบกับคำร้องพรรคอื่นนั้น ต้องขออธิบายว่าในวันที่ กกต.ได้เสนอรายชื่อแคนคิเดต ส.ส. แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น สำนักงาน กกต.ได้ส่งหลักฐานให้กับ กกต.ทั้ง 7 คนหมด เมื่อ กกต.ได้เห็นก็มีมติแล้วเชื่อได้ว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก่อนที่จะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น กกต.ได้ตรวจสอบหลักฐานอย่างถี่ถ้วนแล้ว อีกทั้งเวลาที่มีคำร้องมาถึง กกต. ก็ได้มีการตรวจสอบ เก็บหลักฐาน สอบปากคำพยานปกติตามขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้ว"
เลขาธิการ กกต. ยังกล่าวต่อว่า ประเด็นนี้มีการเปรียบเทียบกับกรณีจัดระดมทุนโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐที่มีการร้องมายัง กกต.ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. ซึ่งต้องขอเรียนว่าความผิดจากการการระดมทุนจนนำไปสู่การยุบพรรคได้นั้นจะต้องเป็นในเรื่องการระดมทุนจากต่างชาติ หรือบริษัทต่างชาติ แต่กระบวนการที่จะระดมทุนที่ทางสำนักงาน กกต.จะต้องเข้าไปตรวจสอบนั้นจะต้องเข้าไปตรวจสอบว่าเงินนั้นได้มาโดยชอบหรือไม่ หรือมีความเกี่ยวข้องกับต่างชาติ ซึ่งการดูข้อมูลก็ยึดจากรายงานต่างๆที่ส่งมายัง กกต. ซึ่งจากการตรวจสอบเรื่องโต๊ะจีนเบื้องต้นพบว่ามี 84 ผู้บริจาคที่มาระดมทุน ก็เลยมีการตรวจสอบเลขบัตรประชาชนที่กระทรวงมหาดไทย ส่วนบริษัทนิติบุคคล 40 แห่งนั้น ที่มีส่วนในเรื่องของการระดมทุนนั้น กกต.ก็ได้ไปตรวจสอบที่สำนักทะเบียนเกี่ยวกับเรื่องการค้า ว่ามีต่างชาติถือหุ้นเกิน 49 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการเสนอผลการตรวจสอบไปยัง กกต.ทั้ง 7 คนพิจารณาได้
เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต.จะเข้าไปตรวจสอบในประเด็นในประเด็นเรื่องการเรียกใช้อำนาจรัฐเพื่อเรียกเอาเงินบริจาคจากเอกชนด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า "เราตรวจสอบในบัญชีรายได้ เงินที่เข้าพรรค ถ้าหากมีผู้ที่ได้รับความเสียหาย ก็สามารถร้องมายัง กกต.ได้ ซึ่งขณะนี้กกต.ก็กำลังตรวจสอบในส่วนของคำร้องต่างๆ และจะพิจารณาข้อกฎหมายประกอบกันด้วย เพื่อจะดูว่าเกี่ยวข้องในแต่ละกรณีคำร้องอย่างไรบ้าง"
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/