เจาะคำพิพากษาเบื้องหลัง ป.ป.ช. ตีตก‘บุญทรง’ตั้ง กก.สอบปกปิดโกงข้าว-เหลืออีก2คดีขายสินค้าจีทูจี?
“…พฤติกรรมบ่งชี้ให้เห็นว่า นายบุญทรง ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพียงเพื่อหวังผลลดกระแสกดดันของสังคมเท่านั้น เพราะองค์ประกอบของคณะกรรมการตรวจสอบล้วนเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายบุญทรง ไม่น่าเชื่อว่า คณะกรรมการฯชุดดังกล่าว จะปฏิบัติหน้าที่โดยอิสระ ปราศจากการครอบงำ…”
ชื่อของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กลับมาได้รับความสนใจจากสาธารณชนอีกครั้ง
ย้อนกลับไปช่วงปี 2561 ที่ผ่านมา ชื่อของนายบุญทรง ถูกจับตาจากสังคมอย่างมาก เพราะถือเป็น ‘คีย์แมน’ ให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการระบายข้าวจีทูจีล็อต 2 จนนำไปสู่มติอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเพิ่มเติมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ แกนนำพรรคเพื่อไทยกลุ่มวังน้ำยม ที่เป็นต้นสังกัดของนายบุญทรง ปัจจุบันได้ส่งหนังสือแจ้งคำสั่งไต่สวนเพิ่มเติมให้กับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 รายตามที่อยู่ในทะเบียนราษฎรเรียบร้อยแล้ว (อ่านประกอบ : ขยายผลจาก‘บุญทรง’!มติทางการ ป.ป.ช. ไต่สวน‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เจ๊แดง’ คดีข้าว-มันจีทูจี)
ที่สำคัญเมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติตีตกข้อกล่าวหา กรณีนายบุญทรง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ปกปิดความจริงที่ต้องเปิดเผย (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ตีตกคดี‘บุญทรง’ปมตั้ง กก.สอบขายข้าวจีทูจีเพื่อปกปิดความจริงที่ต้องเปิดเผย)
นับเป็นคดีแรก (เท่าที่ตรวจสอบพบ) กรณีการกล่าวหานายบุญทรง และคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตีตกข้อกล่าวหาไป ?
แม้ว่า นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อหลายแห่ง ระบุว่า กรณีดังกล่าวไม่เกี่ยวกับที่นายเดชณัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายนายบุญทรง ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ก็ตาม
“การทำคดีของ ป.ป.ช. ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน บุตรชายใครจะอยู่พรรคไหน ไม่เกี่ยวข้องกับ ป.ป.ช.” เป็นคำยืนยันของนายวรวิทย์
สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกคดีดังกล่าว นายวรวิทย์ ระบุว่า เป็นเพราะนายบุญทรงอ้างว่าได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบฯชุดนี้ขึ้น และนำไปเป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นข้อเท็จจริงของการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบฯชุดนี้แล้ว จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป
ในคำพิพากษาฉบับเต็มของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่สั่งจำคุกนายบุญทรง 42 ปี ข้อหาทุจริตในการระบายข้าวแบบจีทูจี ตอนหนึ่งมีการวินิจฉัยถึงกรณีนายบุญทรงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบฯชุดนี้ด้วย
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปให้ทราบ ดังนี้
คำพิพากษาตอนหนึ่งระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่นายบุญทรงดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ปกปิดข้อมูลการซื้อขายข้าวจีทูจีมาตลอด โดยอ้างว่าเป็นความลับ ซึ่งขัดแย้งกับข้อชี้แจงตามหนังสือของกระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี 2555 ถึงคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงนามโดยนายบุญทรง ที่ระบุว่า ขั้นตอนและกระบวนการระบายข้าวของรัฐบาลที่ดำเนินการอยู่เป็นความลับ แต่เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะมีการรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรี และเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ
ประเด็นเรื่องการขายข้าวจีทูจียังมีการอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภา โดยอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลายรายชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติของการระบายข้าวจีทูจีในคดีนี้ เรื่องการชำระเงินด้วยแคชเชียร์เช็คจากธนาคารภายในประเทศจำนวนมาก และกลุ่มเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง และข้าวที่ซื้อขายไม่ได้ถูกส่งออกไปนอกประเทศ นายบุญทรงได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ใช้เวลาตรวจสอบ 8 วัน แล้วสรุปผลว่า ดำเนินการโดยถูกต้องครบถ้วน ไม่พบการนำข้าวสารกลับมาเวียนขาย และการชำระค่าข้าวจีทูจี สามารถชำระเงินด้วยวิธีการโอนเงินผ่านธนาคาร หรือแคชเชียร์เช็คได้ แต่ไม่ได้ตรวจสอบความสัมพันธ์ของกลุ่มเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แต่อย่างใด
พฤติกรรมบ่งชี้ให้เห็นว่า นายบุญทรง ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพียงเพื่อหวังผลลดกระแสกดดันของสังคมเท่านั้น เพราะองค์ประกอบของคณะกรรมการตรวจสอบล้วนเป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายบุญทรง ไม่น่าเชื่อว่า คณะกรรมการฯชุดดังกล่าว จะปฏิบัติหน้าที่โดยอิสระ ปราศจากการครอบงำ
ข้อเท็จจริงปรากฏอีกว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2556 นายบุญทรงให้ความเห็นชอบยกเลิกสัญญาฉบับที่ 3 ตามที่นางปราณี ศิริพันธุ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (ขณะนั้น) เสนอ แล้วทำสัญญาขายข้าวจีทูจีกับรัฐวิสาหกิจจีนเพิ่มอีก 1 สัญญา (กับบริษัท ไห่หนานฯ) ในราคาที่ถูกกว่าฉบับที่ 3 ก่อนจะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีเพียง 4 วัน
เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า นายบุญทรง ทราบดีถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีขายข้าวให้บริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ ทำให้ต้องปกปิดข้อมูลการระบายข้าวแบบจีทูจีตลอดมา (อ่านประกอบ : ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊)
หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงในคำพิพากษา ชี้ให้เห็นว่า นายบุญทรง ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบฯขึ้นเพื่อหวังผลลดกระแสสังคมเท่านั้น ไม่ได้ทำไปเพื่อตรวจสอบความโปร่งใสในการระบายข้าวจีทูจีแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดีสาเหตุประการสำคัญที่ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตีตกข้อกล่าวหาดังกล่าว เนื่องจากกรณีนี้ศาลฎีกาฯได้วินิจฉัย และมีคำพิพากษาไปแล้ว ดังนั้นการไต่สวนคดีดังกล่าวในชั้น ป.ป.ช. เป็นการพิจารณาซ้ำกับคำพิพากษาศาล จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป
อย่างไรก็ดีนายบุญทรง ยังมีชนักติดหลังอีกอย่างน้อย 2 คดีด้วยกัน คือคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตสอง และคดีระบายมันสำปะหลัง (มันเส้น) แบบจีทูจี
ต้องเข้าใจก่อนว่า การระบายข้าวจีทูจีในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีทั้งหมด 10 สัญญา ป.ป.ช. ตรวจสอบพบความโปร่งใส 2 สัญญา (สมัยนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็น รมว.พาณิชย์) ส่วนอีก 8 สัญญาพบว่ามีการทุจริต โดย 4 สัญญาแรกมีมติชี้มูลความผิดนายบุญทรง นายภูมิ สารผละ อดีต รมช.พาณิชย์ กับพวก และศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาไปแล้ว เรียกกันโดยทั่วไปว่า คดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก
คดีระบายข้าวแบบจีทูจีล็อตสอง ดำเนินการอีก 4 สัญญา มีผู้ถูกกล่าวหาเท่าที่มีการยืนยันผ่านสื่ออย่างเป็นทางการ จำนวน 38 ราย (เดิมมี 35 ราย และเพิ่มเติมชื่อนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนางเยาวภา) โดยมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ เป็นผู้ถูกกล่าวหาคนสำคัญ ในการลงนามทำสัญญาขายข้าวจีทูจีให้กับรัฐวิสาหกิจจีน 4 แห่ง โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. เจอว่ามีแคชเชียร์เช็คที่เกี่ยวข้องรวม 1,822 ฉบับ เป็นเงินกว่า 9.6 หมื่นล้านบาท และมีมติอายัดแคชเชียร์เช็คเบื้องต้นไปแล้ว 1.8 พันล้านบาท ที่พบว่าเป็นของเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด (อ่านประกอบ : อายัดเช็ค 1.8 พันล.หลักฐานสำคัญมัดข้าวจีทูจีเก๊!-ป.ป.ช.พบของเครือสยามอินฯ)
ส่วนคดีระบายมันเส้นจีทูจี มีทั้งสิ้น 7 สัญญา วงเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ กับเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และตัวละครส่วนใหญ่เป็น ‘หน้าเดิม’ ในคดีระบายข้าวจีทูจี ต่อมามีการเพิ่มเติมผู้ถูกกล่าวหา มีชื่อของนายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ เข้าไปด้วย
พฤติการณ์คดีดังกล่าว คล้ายคลึงกับคดีระบายข้าวจีทูจี แทบจะลอก ‘โมเดล’ เดียวกันมา กล่าวคือ มีการลงนามทำสัญญากับรัฐวิสาหกิจจีน ต่อมารัฐวิสาหกิจจีนมอบหมายให้เอกชนไทยเป็นตัวแทน ก่อนที่เอกชนไทยจะมอบหมายตัวแทนต่อให้กับเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นคนดำเนินการ (อ่านประกอบ : ‘ยรรยง’ชง‘บุญทรง’ไฟเขียว! เบื้องหลังคดีมันจีทูจีเก๊ 3 หมื่นล.-ป.ป.ช. สอบอีก 53 ราย)
ปัจจุบันทั้ง 2 คดียังอยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงในชั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. และยังไม่มีมติออกมาว่า มีการกระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา
นี่คือข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับคดีที่เป็นชนักติดหลังของนายบุญทรง ท่ามกลางกระแส ‘พลิกขั้ว-ย้ายข้าง’ ทางการเมือง ?
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
ขมวดปมซับซ้อน! สถานะพยาน 3 คดีจีทูจีเก๊ หลังศาลยกฟ้องซื้อข้าวต่อสยามอินฯไม่ผิด?
ยังเหลือข้าวล็อตสอง-มันเส้น! อัยการยัน ป.ป.ช. คุยจำเลยขอข้อมูลเพิ่มคดีจีทูจีทำได้
คำให้การพยานคดีจีทูจีเก๊บินดูไบเจรจาซื้อข้าว ก่อน‘ทนายปู’ปูด ป.ป.ช. บีบซัดทอด ‘แม้ว’?
เปิดชื่อ‘ไทยฟ้าฯ’เอกชนราย 5 ถูก ป.ป.ช. กันเป็นพยานคดีข้าวจีทูจีล็อตแรก
ป.ป.ช.ยันเอกชนคดีข้าวจีทูจีบินพบ‘บิ๊กการเมือง’ ถ้ากลับคำไม่กันเป็นพยานแน่!