นพ.สุริยเดว ทรีปาตี กับกรณีเหตุเกิดที่วัดสิงห์ ชี้จิตสำนึกของคนกำลัง "บกพร่อง"
“เรากำลังอุดรูรั่วลึกความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่ไม่ได้ให้น้ำหนักกับการพัฒนาศักยภาพของคนและพลเมือง เพราะฉะนั้นพ่อแม่จึงไม่ได้ทำหน้าที่ดูแลลูก ไม่สามารถยกระดับจิตสำนึก ยกระดับทักษะชีวิตได้”
จากประเด็นข่าวมีกลุ่มวัยรุ่นใช้กำลังประทุษร้าย ครู และนักเรียนภายในรั้วโรงเรียน จนสังคมออกมาประณาม และหนึ่งในนั้น มีชื่อคุณหมอเด็กที่ทุ่มเททำงานเพื่อชีวิตที่ดีของเด็กไทย รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) รวมอยู่ด้วย
รศ.นพ.สุริยเดว ได้โพสต์แสดงความรู้สึกเสียใจ และขอประณาม จิตสำนึกของกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้กำลังประทุษร้าย ในรั้ววัด รั้วโรงเรียนว่า ถือเป็น การกระทำที่ลุแก่อำนาจ บ้าคลั่ง หยุดเบรคอารมณ์ตนเองไม่ได้ กระทำการเกินเลยกว่าความเป็นมนุษย์ที่มีทุนชีวิต จิตสำนึก
"นี่นับว่า ทุนชีวิต จิตสำนึกบกพร่องทำได้แม้ในวัด และในโรงเรียน"
ศ.นพ.สุริยเดว ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงความรุนแรงในสังคมปัจจุบันว่า ไม่ใช่วัยรุ่นเท่านั้นที่มีดีกรีความรุนแรงเพิ่มขึ้น จะเห็นว่าแม้กระทั่งผู้ใหญ่เอง ก็ใช้ความรุนแรงไม่ต่างกัน แค่ขับรถปาดหน้ากันก็มีการไล่ยิงกัน ชกต่อยกันได้ตลอด เราเห็นข่าวเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น นอกจากจะแสดงอาการออกมาในลักษณะของความรุนแรงต่อผู้อื่น ยังเป็นผลพวงที่จะเห็นการใช้ความรุนแรงในสังคมต่อกัน ตั้งแต่การซึมซับความรุนแรงจนเกิดเป็นพฤตินิสัย
รศ.นพ.สุริยเดว ได้ยกตัวอย่างกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่วัดสิงห์ แสดงให้เห็นว่า กำลังกระตุกต่อมจิตสำนึกทั้งสถาบันครอบครัวและภาคนโยบายของรัฐบาลว่า วันนี้เราละเลยไม่ได้แล้ว เพราะว่าจิตสำนึกของคนบกพร่อง คือ ธรรมชาติของคนมันจะกระตุกต่อมจิตสำนึก และทำให้เกิดสติระลึกได้ในระดับหนึ่งว่า เราต้องไม่ทำอะไรในนี้ เมื่ออยู่ในรั้วโรงพยาบาล รั้วโรงเรียนกับเด็กเล็กๆ รวมไปจนถึงในวัด เพราะเป็นเขตอภัยทาน ที่สากลโลกรู้กัน
“จิตสำนึกจะเกิดขึ้นได้ ระบบนิเวศจะต้องขยับไปด้วยกัน” รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวย้ำ และว่า ถึงเด็กวัยรุ่นที่ยกพวกไปทำร้ายเขา ส่วนมากอยู่นอกรั้วโรงเรียนแทบทั้งหมด และวันนี้ครอบครัว คือ สังคมหน่วยเล็กที่สุด ในการดูแลลูกหลานให้เติบโตเป็นคนดี แต่ตอนนี้ครอบครัวบกพร่องในหน้าที่ของตนเองก็จำนวนไม่น้อย ที่กำลังเลี้ยงลูกบนวัตถุนิยม เลี้ยงด้วยเงิน
“เรากำลังอุดรูรั่วลึกความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่ไม่ได้ให้น้ำหนักกับการพัฒนาศักยภาพของคนและพลเมือง เพราะฉะนั้นพ่อแม่จึงไม่ได้ทำหน้าที่ดูแลลูก มันไม่สามารถยกระดับจิตสำนึก ยกระดับทักษะชีวิตได้”
ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม กล่าวต่อว่า อยากให้ครอบครัวให้ความสำคัญในการที่จะพูดคุยกับลูก เพื่อเหลาความคิด ในการที่จะฝึกสอนทักษะชีวิต ส่วนจิตสำนึกนั้นวิธีการสร้างคือการทำดีให้เขาดู ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับอารมณ์ของตนเอง หลีกเลี่ยงอบายมุข อย่างเช่น ยาเสพติด ซึ่งเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นในบ้าน โรงเรียน และในชุมชน ถ้าช่วยกันทำจิตสำนึกจะเกิดขึ้น เมื่อจิตสำนึกที่เกิดขึ้นบวกกับทักษะที่เกิดขึ้น ทุนชีวิตก็จะสูงขึ้นทันที เพราะฉะนั้นอยากจะเชิญชวนทุกครอบครัว ช่วยกันให้น้ำหนักสำคัญกับเรื่องของทักษะชีวิต จิตสำนึก หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า ช่วยกัน "สร้างทุนชีวิต"
แนะพรรคการเมืองให้ความสำคัญ ยกระดับคุณภาพพลเมือง
นอกจากสถาบันครอบครัวแล้ว รศ.นพ.สุริยเดว ชี้ว่า พรรคการเมืองก็ควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย จึงอยากขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกๆ พรรคหันมาใส่ใจในการพัฒนายกระดับคุณภาพพลเมือง ให้มีทักษะชีวิตสำนึก ให้กลายไปเป็นสังคมคุณธรรมมากกว่า ซึ่งไม่ได้ปฏิเสธสวัสดิการรัฐ ที่กำลังแข่งกันระหว่างพรรคการเมือง เพราะสถานะที่มีความเหลื่อมล้ำทางสังคมเรื่องเหล่านี้จำเป็น แต่สิ่งที่พรรคการเมืองทุกพรรคจะต้องหันมาใส่ใจอีกเรื่องคือ แผนพัฒนาทุนมนุษย์ของเราอย่างจริงจังสู่สังคมคุณธรรม
“ถ้าเราไม่พัฒนาเรื่องของจิตสำนึก และทักษะชีวิตต่างๆ ความเป็นพลเมือง สังคมจะดิ่งเหวกว่านี้ ”
ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม กล่าวถึงทุกพรรคการเมืองอีกว่า ให้ช่วยเน้นแผนปฏิบัติการที่นำไปสู่สังคมคุณธรรม คุณธรรมในที่นี้หมายถึงพฤติกรรมที่ดี ละเว้นชั่ว อย่างที่ศูนย์คุณธรรมที่เราทำอยู่ง่ายๆ คือ พอเพียง มีวินัย สุจริต อาสา น้ำใจ แบ่งปัน สามารถยกระดับได้หมด พอเพียงเป็นคนมีเหตุมีผล ไม่ได้ใช้สติอารมณ์ฟุ้งเฟ้อ ไม่ได้เป็นคนที่บ้าไปกับวัตถุนิยม บริโภคนิยม จิตสำนักคือรู้จักในการเอื้ออาทรชีวิตมนุษย์กันเอง มีวินัยทั้งต่อตนเองและการอยู่ร่วมกับสังคม เคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ รับผิดชอบได้ทั้งรับผิดและรับชอบ มีความสุจริต เป็นพื้นฐานของการก้าวสู่สังคมคุณธรรม
“หากสังคมที่มีจิตสำนึกสูง ผู้คนมีศรัทธา มีการให้ซึ่งกันและกัน มีน้ำใจในการแบ่งปัน อยู่ในสังคมที่สงบสุข ต่อให้ไม่มีกฎหมายเขายังอยู่กันแบบสงบสุขได้”