หวั่นได้เปรียบเสียเปรียบ! ปธ.ป.ป.ช.รับชะลอคดีการเมืองไว้ก่อน หลังเลือกตั้งลุยต่อแน่
ปธ.ป.ป.ช. รับชะลอคดีการเมืองก่อนเลือกตั้ง ชี้อาจเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน ยันหลังเลือกตั้งทำแน่ ที่ผ่านมาใกล้เสร็จแล้ว - เพิ่มชื่อผู้ถูกกล่าวหาคดีสินบนไฟฟ้าขนอม-ปาล์มอินโดฯ ยันคืบไปมาก เสร็จเร็วสุดกลางปี’62 - ชี้ปราบโกงเป็นวาระระดับชาติ แต่ให้งบแค่ 3 พันล. คิดเป็น 0.1% ของ พ.ร.บ.งบฯ
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2562 พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำหนังสือเสนอหลักเกณฑ์ป้องกันการทุจริตเชิงนโยบายให้กับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปดำเนินการตรวจสอบนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองว่า หลังจากนี้ กกต. ต้องไปดูหลักเกณฑ์ดังกล่าว รวมทั้งส่งหลักเกณฑ์ให้พรรคการเมืองต่าง ๆ นำไปเปรียบเทียบกับนโยบายที่พรรคนำเสนอ โดย ป.ป.ช. จะมีการเฝ้าระวัง และวิเคราะห์ข้อมูลจากนโยบายพรรคการเมือง หากพบว่า เข้าข่ายผิดกฎหมาย หรือมีความผิดทางอาญา จะมีการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป ถือว่าเป็นการทำงานเชิงรุกของ ป.ป.ช. โดยวิเคราะห์นโยบายไว้ก่อนว่าเป็นอย่างไร ไม่ต้องให้คนมาร้องเรียน หลังจากที่มีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว
“ในช่วงนี้อยู่ระหว่างเลือกตั้ง ป.ป.ช. ได้หารือกัน และกรรมการทุกคนรับทราบแล้วว่า จะยังไม่มีการสรุปคดีที่เกี่ยวกับแคนดิเดตนักการเมืองในช่วงก่อนเลือกตั้ง เพราะอาจเกิดปัญหาความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง โดยหลังเลือกตั้ง ป.ป.ช. จะมีการดำเนินการสรุปคดีที่เกี่ยวกับนักการเมืองหลายคดี ที่ผ่านมาดำเนินการใกล้เสร็จแล้ว” พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว
@เพิ่มชื่อผู้ถูกกล่าวหาคดีสินบนไฟฟ้าขนอม-ปาล์มอินโดฯ ยันคืบไปมาก เสร็จเร็วสุดกลางปี’62
ส่วนกรณีช่วงเดือน ต.ค. 2562 ป.ป.ช. จะเป็นประธานการประชุมประจำปีของหน่วยงานต่อต้านการทุจริตในภูมิภาคอาเซียน (SEA-PAC) โดยหยิบยกคดีสินบนโรงไฟฟ้าขนอม และคดีปลูกปาล์มน้ำมันที่อินโดนีเซียมาหารือ และจะแล้วเสร็จในปี 2562 นั้น พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ปัจจุบันทั้ง 2 คดีมีความคืบหน้าไปมาก ได้สอบปากคำผู้ถูกกล่าวหา และผู้ที่เกี่ยวข้อง มีการเพิ่มชื่อผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คดี แต่ไม่ขอระบุในรายละเอียด เชื่อว่าทั้ง 2 คดีนี้อาจเสร็จสิ้นภายในกลางปีนี้ หรืออย่างช้าที่สุดคือภายในปี 2562 (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ยกคดีสินบนโรงไฟฟ้า-ปาล์มอินโดฯถกองค์กรปราบโกงอาเซียน-การันตีเสร็จปี62)
@ชี้ปราบโกงเป็นวาระระดับชาติ แต่ให้งบแค่ 3 พันล. คิดเป็น 0.1% ของ พ.ร.บ.งบฯ
วันเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล เป็นประธานเปิดงานสัมมนาระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. และผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อระดับธรรมาภิบาลในการบริหารรัฐวิสาหกิจ จัดที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันมีผู้ประกาศตัวเสนอเป็นตัวแทนประชาชนในการทำงานนิติบัญญัติ และบริหารประเทศ ดังนั้นต้องแสดงเจตจำนงทางการเมืองเรื่องการป้องกันการทุจริต ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ย่อยที่ 2 ของยุทธศาสตร์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ปัจจุบันคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการกำกับติดตามมาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ อย่างไรก็ดีงบประมาณที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตต้องมีการปรับปรุงพัฒนา ยกตัวอย่าง รัฐวิสาหกิจทั้งหมด มีทรัพย์สินมากกว่า 12 ล้านล้านบาท ขณะที่ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2562 มีงบ 3 ล้านล้านบาท แต่งบที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตตกปีละ 3 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 0.1% ของ พ.ร.บ.งบประมาณฯ เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาการทุจริต ทั้งที่บอกว่าเป็นวาระแห่งชาติ เงิน 3 พันล้านบาท เป็นเงินเดือนของหน่วยงานสำคัญในการปราบปรามการทุจริต เช่น ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดังนั้นต้องอาศัยเครือข่ายประชาชนที่อยู่ในภาคเอกชนให้ความร่วมมือด้วย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/