เปิดทัศนะ ภูมิใจไทย VS นักวิชาการ นโยบายเสรีกัญชา ทำได้จริงหรือ ก่อนลงคะแนนเลือกตั้ง62
"หากย้อนมองทั่วโลกเขาก็ยกเลิกความเป็นยาเสพติดของกัญชาไปแล้วเช่นกัน ความเป็นจริงแล้วกัญชานั้นสามารถรักษาโรคร้ายทั้งมะเร็งและพาร์กินสันให้หายได้ รวมทั้งทำให้ร่างกายสามารถหลั่งสารทำให้มีความสุขได้เช่นกัน สรุปก็คือหลายประเทศอนุญาตให้ใช้กัญชาในการแพทย์ได้แล้ว และในบางประเทศก็ยังให้ใช้ได้ในทางสันทนาการ ซึ่งการสันทนาการเขาก็มีการควบคุม บางประเทศเขาก็ควบคุมเรื่องการปลูกได้" VS "ต้องขอเรียนในเรื่องของการปลูกกัญชาในต่างประเทศที่ปรากฏว่าปลูกกันได้ 5 ต้นนั้น เขาก็ต้องเป็นคนไข้ก่อน ไม่สามารถใช้ยาปกติรักษาได้แล้วจึงจะมีการอนุญาตให้ปลูกกัญชาได้ แล้วหมอจะเซ็นให้ผู้ป่วยไปปลูกกัญชาได้ ซึ่งแต่ละรัฐในสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงประเทศอื่นๆทั่วโลกนั้น ตามข้อเท็จจริงแล้วเขาก็ไม่ได้มีที่ไหนให้ปลูกกัญชาได้แบบเสรีเลย จะมีปลูกกัญชากันได้แบบเสรีก็แค่ในประเทศโคลอมเบียเท่านั้น ซึ่งต้องถามกลับไปว่าจะให้ประเทศไทยเป็นแบบนั้นหรือ"
ในขณะที่ พรรคการเมืองต่างๆ กำลังเข็นนโยบายออกมาเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.ที่จะมาถึงนี้ ดูเหมือนว่า หนึ่งในนโยบายที่ถูกกล่าวขานจากประชาชนมากที่สุด ก็คือนโยบายเสรีกัญชาของของพรรคภูมิใจไทย ภายใต้คอนเซปต์ “พืชแก้จน พืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ กัญชาเสรี”
เพื่อให้สาธารณชน มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายเสรีกัญชาของของพรรคภูมิใจไทย มากขึ้น
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้มีโอกาสสัมภาษณ์บุคคลในหลายแวดวงรวมไปถึงตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทย เพื่อถ่ายทอดถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับนโยบายนี้
ศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย
@ ศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย
“กัญชานั้นถือว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด เพราะที่ผ่านมารัฐไปมองว่าเป็นยาที่เสพแล้วติด แต่ในสากลเขามองว่ากัญชานั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย ในทางกลับกันประเทศไทยก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นโทษต่อร่างกาย แต่รัฐก็ยังไปสนับสนุน อาทิ ยาสูบที่รัฐเป็นเจ้าของโรงงานผลิต ก่อนที่จะมีความพยายามจะออกกฎหมายควบคุม แต่สรุปยาสูบก็ยังไม่เป็นยาเสพติด"
"หากย้อนมองทั่วโลกเขาก็ยกเลิกความเป็นยาเสพติดของกัญชาไปแล้วเช่นกัน ความเป็นจริงแล้วกัญชานั้นสามารถรักษาโรคร้ายทั้งมะเร็งและพาร์กินสันให้หายได้ รวมทั้งทำให้ร่างกายสามารถหลั่งสารทำให้มีความสุขได้เช่นกัน สรุปก็คือหลายประเทศอนุญาตให้ใช้กัญชาในการแพทย์ได้แล้ว และในบางประเทศก็ยังให้ใช้ได้ในทางสันทนาการ ซึ่งการสันทนาการเขาก็มีการควบคุม บางประเทศเขาก็ควบคุมเรื่องการปลูกได้"
"พรรคภูมิใจไทยเคยไปสำรวจข้อมูลพบว่ารัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกานั้นสามารถให้ทุกบ้านปลูกได้ ประชาชนเข้าถึงได้ นี่ก็คือเป้าหมายของพรรคภูมิใจไทย แต่ขอย้อนกลับมาที่รัฐบาลชุดนี้ก่อนซึ่งที่ผ่านมาได้แก้ไขว่าให้มีการขออนุญาตให้กัญชานำมาใช้ในทางการแพทย์หรือปลูกเพื่อจำหน่ายได้ แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็มีการเขียนไปอีกว่าถ้าจะปลูกเพื่อจำหน่ายจะต้องเป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท ในขณะที่แคลิฟอร์เนียนั้นเขาไม่ได้มองว่ามันเป็นยาเสพติด ประชาชนสามารถปลูกและจำหน่ายได้โดยจำกัดไว้ที่ 5 ต้นต่อครอบครัว แต่สำหรับพรรคภูมิใจไทยบอกเลยว่าให้ปลูกไว้ 6 ต้น สำหรับทั้งจำหน่ายและสำหรับบริโภคเอง เอาไปใส่ในอาหารเพื่อให้เจริญอาหาร หรือจะสกัดเอามาเป็นน้ำมันเพื่อที่จะใช้ในการรักษาโรคก็ได้ เพื่อที่จะให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกัญชาได้โดยไม่มีการผูกขาด"
"ดังนั้นจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยก็คือย้ำว่าจะต้องให้เสรี ดึงเอากัญชาออกจากยาเสพติดประเภทที่ 5 คือไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป แต่เป็นพืชที่ต้องถูกควบคุมและมีการลงทะเบียนปลูกอย่างเคร่งครัด แต่จะต้องมีกระบวนการทางกฎหมายดูแลในเรื่องการวิจัยและจำหน่ายให้เรียบร้อย ซึ่งตอนนี้พรรคภูมิใจไทยเองก็ได้ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องและเอาข้อมูลดังกล่าวไปลงบนเว็บไซต์แล้ว หลังจากเลือกตั้งไม่ว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ได้เป็นรัฐบาลก็จะมีการยื่นร่างกฎหมายนี้ต่อไป"
"ขอย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยที่ผ่านมานั้นไปดูงานวิจัยในหลายประเทศแล้ว และได้ข้อสรุปประการหนึ่งกัญชานั้นสามารถใช้ประกอบการคีโมได้ ซึ่งเรื่องเหล่านั้นยังเป็นเรื่องที่อยู่ใต้ดินกันอยู่ในปัจจุบัน"
"นอกจากนี้ในประเด็นเรื่องพืชเศรษฐกิจ ผมทราบว่ากัญชาสกัด 1 ซีซีนั้นขายใต้ดินจะอยู่ที่ 500-600 บาท ดังนั้นผมจึงบอกว่าอยากให้ประชาชนนั้นเขาได้มีโอกาสปลูกกัญชากันแบบที่เราสามารถปลูกยาสูบทางภาคเหนือได้ โดยใช้กลไกทางปกครองอาทิ กำนัน นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน มีส่วนในการควบคุมการปลูกกัญชาของประชาชน โดยให้เจ้าหน้าที่องค์การอาหารและยา (อย.) เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ส่วนการปลูกกัญชาก็มีค่าลงทะเบียนที่ 30 บาทต่อ 1 ต้น ซึ่งผมว่าแบบนี้ดีกว่าที่รัฐบาลจะไปรวบอำนาจและผูกขาดแค่นายทุนที่เป็นบริษัทจดทะเบียน 30 ล้านบาทขึ้นไปเท่านั้น"
"ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยนั้นเคยยกเลิกคำร้องขอจดสิทธิบัตรกัญชาไปแล้วต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผลจากการยื่นคำร้องของพรรคภูมิใจไทยเองก็ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ยกเลิกคำร้องขอจดสิทธิบัตรจากต่างชาติที่จะยื่นจดทะเบียนกัญชาที่ปลูกในไทย และขั้นตอนต่อมาที่พรรคภูมิใจไทยเล็งว่าจะดำเนินการก็คืออยากจะให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมไปถึงกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้จดทะเบียนกัญชาพันธุ์ไทยซึ่งถือว่าพันธ์ดีที่สุดในโลก เพื่อสงวนไว้ไม่ให้ต่างชาติเขามาจดสิทธิบัตรตรงนี้”
วิเชียร กีรตินิจกาล ผู้เชียวชาญด้านสมุนไพร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
@ นายวิเชียร กีรตินิจกาล ผู้เชียวชาญด้านสมุนไพร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
“ผมอยากให้มองข้อเท็จจริงในเรื่องของกัญชากันก่อน ในตอนนี้ผมก็ได้มีส่วนวิจัยในเรื่องของกัญชาให้กับทาง อย.ด้วย"
"ต้องขอเรียนในเรื่องของการปลูกกัญชาในต่างประเทศที่ปรากฏว่าปลูกกันได้ 5 ต้นนั้น เขาก็ต้องเป็นคนไข้ก่อน ไม่สามารถใช้ยาปกติรักษาได้แล้วจึงจะมีการอนุญาตให้ปลูกกัญชาได้ แล้วหมอจะเซ็นให้ผู้ป่วยไปปลูกกัญชาได้ ซึ่งแต่ละรัฐในสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงประเทศอื่นๆทั่วโลกนั้น ตามข้อเท็จจริงแล้วเขาก็ไม่ได้มีที่ไหนให้ปลูกกัญชาได้แบบเสรีเลย จะมีปลูกกัญชากันได้แบบเสรีก็แค่ในประเทศโคลอมเบียเท่านั้น ซึ่งต้องถามกลับไปว่าจะให้ประเทศไทยเป็นแบบนั้นหรือ"
"ต้องยอมรับกันก่อนว่ากัญชานั้นไม่ใช่ว่าจะไม่มีอันตรายเลย เพราะมันก็เหมือนกับสุรา ถ้าดื่มแล้วไปขับรถก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ อีกทั้งยังมีส่วนที่เป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็นเยาวชนด้วย ดังนั้นเราต้องคิดถึงคำว่าเสรีกัญชามันคือแบบไหนกันแน่ ถ้าปลูกกันอิสระแบบนั้นก็ไปกันใหญ่แล้ว ขอยกตัวอย่างแบบรัฐอริโซน่าซึ่งอยู่ใกล้ๆแคลิฟอร์เนียเองเขาก็ให้ปลูกได้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้นโดยมีการกำหนดเกณฑ์เอาไว้"
"ผมขอย้ำต่อว่าเรื่องกัญชานั้นจะให้ปลูกเสรี ต้องถามกลับว่าจะให้ไปขายใคร การทำให้ชาให้อยู่ในระดับ Medical Grade หรือเกณฑ์ที่เหมาะสมกับการรักษาทางการแพทย์นั้น มันไม่ใช่สิ่งที่ทำกันได้ง่าย เพราะกัญชานั้นเป็นพืชที่มีลักษณะดูดโลหะหนักในดินอย่างแรง เพราะฉะนั้นมันก็จะเป็นทำให้ร่างกายของผู้ที่เสพกัญชามีโลหะหนักเป็นจำนวนมากและเอาออกยากด้วย"
"องค์การเภสัชกรรมเคยเอาตัวอย่างกัญชาจากประเทศอื่นๆรวมถึงประเทศลาวเข้ามา ก็พบว่าทุกที่มีโลหะหนักสูงมาก และก็มียาฆ่าแมลงสูงมากเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้ผมอยากให้ไล่เรียงก่อนว่าถ้าให้ผู้ป่วยปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ การรักษาตัวเอง อันนี้อาจจะเป็นไปได้ แต่ถ้ามาสร้างฝันให้เกษตรกรว่าปลูกแล้วเอามาขาย มันก็ขายต่างประเทศไม่ได้แน่นอนเพราะเขารับซื้อแต่ Medical Grade เท่านั้น และการส่งออกมันก็ไม่ได้ทำกันง่ายๆแต่ต้องคณะกรรมการควบคุมสารเสพติดนานาชาติ (The International Narcotics Control Board: INCB) ซึ่งสังกัดองค์การสหประชาชาติเท่านั้น ถึงจะขนย้ายกัญชาจากประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศหนึ่งได้ แต่มันก็ใช่ใช่ง่ายๆกันแบบปลูกข้าวหรือข้าวโพดแต่อย่างใด"
"ส่วนที่ทางพรรคภูมิใจไทยบอกว่าตรวจมาแล้วว่ากัญชาที่ปลูกในไทยนั้นเกรดดีที่สุดในโลก ผมก็ได้ตรวจสารมาแล้ว ก็พบว่ามันมีสาร THC (เตตร้าไฮโดรแคนนาบินอล)ซึ่งก่อให้เกิดการเมาสูงมาก ถามว่าดีมันหมายถึงว่าคนสูบแล้วเมาหรือไม่"
"ส่วนกรณีที่จะให้กัญชาไทยเป็นพันธุ์ที่ดีในการรักษาโรคมันจะต้องไปดูในสารอีกตัวชื่อว่า CBD (Cannabidiol) ซึ่งมีส่วนในการรักษาโรค อาทิโรคลมชักนี่แทบจะไม่ใช้ THC เลย แต่ใช้ CBD ในการรักษา เข้าใจว่ากัญชาไทยไม่เหมาะเพราะมันไม่มี CBD คือเราตรวจสอบแล้วกัญชาไทยมี THC ประมาณ 8 ส่วน CBD 1ส่วน คือน้อยมาก แต่บางโรคเช่นคนเป็นมะเร็ง ไปทำคีโมแล้วมีอาการอาเจียนต้องได้รับตัว THC กัญชาไทยถือว่าเหมาะ"
"แต่มาบอกว่ากัญชาไทยนั้นดีที่สุดในโลก อันนี้ผมว่าไม่ใช่ เพราะในเมืองนอกเขามีกัญชาพันธุ์อินดิก้า แตกต่างจากกัญชาพันธุ์ไทยซึ่งอยู่ในกลุ่มซาติวา ซึ่งเมืองนอกนั้นเขามีการทำสายพันธุ์จนเหมาะกับการรักษาโรคแล้ว แต่เมืองไทยนั้นยังไม่เริ่ม ซึ่งประมาณ 3-4 เดือนข้างหน้านี้ผมจะเริ่มปรับปรุงพันธุ์กัญชาไทยให้มีความเหมาะสมกับการรักษาโรคมากขึ้น โดยจะมีการปลูกกันโรงเพาะและสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อให้มีความนิ่งสามารถสกัดสารเพื่อใช้ในการรักษาพยาบาล เพื่อจะได้มีกัญชาสายพันธุ์ไทยที่มีประโยชน์ทางการแพทย์อย่างแท้จริง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยจะได้มีการขึ้นทะเบียนกัญชาสายพันธุ์ของที่ปลูกในประเทศกันต่อไป"
นายวิเชียร กีรตินิจกาล ยังระบุด้วยว่า "สรุปก็คือการปลูกกัญชาเพื่อใช้ในการรักษาพยาบาลนั้นในระดับชาวบ้านยังทำไม่ได้ แล้วถ้าให้ชาวบ้านไปปลูกกันเองโดยที่ขายในเชิงการแพทย์ไม่ได้อันนี้เกิดปัญหาตามมาแน่ ดังนั้น 3 ประเด็นสำคัญเลย 1.จะทำยังไงคือให้เป็นกัญชามีคุณภาพในระดับการแพทย์ 2.จะทำยังไงไม่ให้มีสารโลหะหนัก และ 3.ทำยังไงไม่ให้มีสารเคมีที่พวกยาปราบศัตรูพืชเข้ามา ถ้าทำใน 3 อย่างนี้ไม่ได้แล้วจะปล่อยให้มีการขายเถื่อนๆโดยมีโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างนั้นหรือ"
"ส่วนกรณีที่จะบอกว่าให้ปลูกกัญชาเพื่อการสันทนาการได้ ผมต้องบอกก่อนว่าคำว่าปลูกเพื่อสันทนาการนั้นปลูกกันได้ไม่กี่ที่ในโลก อย่างในแคนาดาเขาก็ให้สูบกัญชาเพื่อการสันทนาการได้ แต่ก็ไม่ได้ให้มีการเสรีแต่อย่างใด เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นเขามีการให้ปลูกกันอย่างเสรีที่บ้าน และก็มีการมั่วไปปลูกและก็ไปเสพกัน ก็เลยเป็นเรื่องฟ้องร้องกันในชั้นศาล สรุปก็คือไม่ให้ไปปลูกที่บ้านแล้ว และมีแค่รัฐบริติชโคลัมเบีย ที่อนุญาตให้ปลูกที่บ้านได้ 6 ต้น แต่ต้องเป็นกรณีที่ขออนุญาตจากแพทย์แล้วเท่านั้น ส่วนในสหรัฐอเมริกานั้นในรัฐโคโลราโดนั้นสันทนาการทำได้ แต่ก็มีการควบคุมการปลูก จำกัดพื้นที่ จำกัดการการสูบต่อคนต่อวัน ส่วนรัฐอื่นก็มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสูบกัญชาที่แตกต่างกันออกไปแต่จุดร่วมที่มีเหมือนกันก็คือการโซนนิ่งพื้นที่ในการสูบกัญชาดังกล่าว
"ดังนั้นกลับมาที่ประเทศไทยที่บอกว่าจะเอากัญชาเพื่อสันทนาการก็จะต้องดูกันอีกว่าเราควบคุมได้ไหม ประเทศไทยที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเมาแล้วขับกันอยู่บ่อยๆ พอเป็นกัญชา มันก็มีฤทธิ์เมาเหมือนกัน ดังนั้นเทียบกันต้องถามว่าเราว่าเราควบคุมในเรื่องวินัย การบังคับใช้กฎหมายได้ดีเท่าต่างประเทศแล้วหรือยัง ถึงจะให้ไปสันทนาการได้แบบเขา เพราะขนาดประเทศเนเธอร์แลนด์นั้นเขาก็เปิดให้สันทนาการในเรื่องกัญชาได้แค่เฉพาะในพื้นที่ร้านกาแฟที่กำหนดไว้เท่านั้นเอง"
ผู้เชียวชาญด้านสมุนไพร ยังกล่าวย้ำว่า "อีกประเด็นก็คือทุกประเทศที่เปิดให้มีการใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการ มันมีความเสี่ยงเรื่องตลาดมืดที่มีการใช้กัญชาเข้ามาประกอบกันด้วย ซึ่งตลาดมืดเขาใช้กัญชาที่ไม่ได้คุณภาพและมีปัญหาเรื่องการใช้โลหะหนักแล้วเราจะรับความเสี่ยงตรงนี้ได้ไหม ในตอนนี้หลายประเทศที่เขาให้ใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการได้ เขาก็หนักใจตรงนี้อยู่"
"ส่วนการเปิดสันทนาการนั้นจะมีประโยชน์กับในเชิงเศรษฐศาสตร์ไหม ก็อาจจะมีบ้างแบบที่ประชาชนก็ขายบุหรี่ ก็ถือเป็นการกระจายรายได้ให้กับประชาชนในประเทศแต่คงไม่มากเพราะขายในการแพทย์ไม่ได้ แต่การสันทนาการมันก็ต้องคำนึงด้วยว่าจะทำอย่างไรให้มีความเป็นออร์แกนิก ปลอดสารพิษจริง แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากปลูกแล้วมันไม่ได้คุณภาพ ไม่ออร์แกนิก มันก็จะนำไปสู่การแอบขาย ขายกันในตลาดใต้ดิน ไม่ได้อยู่ในระบบ ซึ่งตรงนี้จะไม่มีประโยชน์ในเชิงเศรษฐศาสตร์เลย ดังนั้นต้องชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์กับโทษให้ดีด้วย"
"ผมก็เลยอยากให้พรรคการเมืองที่เขาเสนอเรื่องกัญชา เขามาคิดในประเด็นเหล่านี้ให้ถี่ถ้วนด้วย อย่าไปมองแค่ว่าเรื่องประชาสัมพันธ์เพื่อจะเอาคะแนนเสียง แต่ต้องคิดถึงโทษให้หนักด้วย ซึ่งในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 16 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 6-10 มี.ค. 2562 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ผมก็จะไปงานสัมมนานี้ด้วย ก็อยากให้มาฟังกันเยอะๆจะได้ทราบถึงโทษและคุณของกัญชา” ผู้เชียวชาญด้านสมุนไพร ระบุ
ทั้งหมดนี้ คือ ทัศนะของตัวแทนพรรคภูมิใจไทย และ ผู้เชียวชาญด้านสมุนไพรเกี่ยวกับกับนโยบายเสรีกัญชา ในขณะนี้ และก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าภายใต้การเมืองไทยที่กำลังจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.2562 นี้ นโยบายการใช้กัญชาของประเทศไทยจะไปได้ไกลแค่ไหน?
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/