ผู้โดยสารสุวรรณภูมิเจอเอง เครื่องบอดี้สแกนเช่า35ล.ถูกปิดกั้นไม่ใช้งาน-ส่งภาพชุดอิศราสอบ
ผู้โดยสารเจอเองกับตัว เครื่องบอดี้สแกน L3 ถูกปิดกั้นไม่ได้ใช้งานที่สุวรรณภูมิ ส่งภาพชุดให้อิศราตรวจสอบเพิ่ม ข้องใจเช่ามาแพง 35 ล้าน ทำไมไม่ใช้งาน หวั่นภาษีปชช.ไม่คุ้มค่า ด้าน จนท.ทอท. ยันเครื่องคงทนไม่มีรายงานว่าเสียต้องจุดไหน คาดสนามบินอาจเห็นว่ามีความเสี่ยงน้อย เลยเลือกใช้เครื่องตรวจแบบ Walkthrough แทน
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เคยนำเสนอข่าวเกี่ยวกับกรณีบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ได้ทำสัญญาผูกเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) จาก บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด เพียงรายเดียว มาใช้งานตามสนามบินต่างๆ นับตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 6 สัญญา รวมวงเงินว่าจ้างทั้งสิ้น 1,347,172,800 บาท (เท่าที่ตรวจสอบพบ) เฉลี่ยราคาเช่าต่อเครื่องอยู่ที่ 644,140 บาทต่อเดือนโดยในช่วงปี 2559 ภายใต้การบริหารงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีการทำสัญญาเช่ามากที่สุด จำนวน 3 สัญญา รวมวงเงินทั้งสิ้น 1,082,155,200 บาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบเรื่องความเหมาะสมของราคาและความคุ้มค่าจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นั้น (อ่านประกอบ : ชัดๆข้อมูล3สัญญาเช่าบอดี้สแกนทอท.ปี59 ยุคบิ๊กตู่1.08พันล.-ควักจ่าย6.4แสน/ตัว/เดือน , ควักจ่าย6.4แสน/ตัว/เดือน! รู้หรือไม่?ทอท.ผูกเช่าเครื่องบอดี้สแกนบ.เจ้าเดียวนาน5ปี1.3พันล., ปมใหม่บอดี้สแกน หน่วยงานสหรัฐ โค้ทราคาขายแค่5.6ล./เครื่อง ไฉนทอท.ควักเช่าตัวละ38ล.?, ตัวละ5.6ล.ขายเฉพาะสหรัฐ!ทอท.แจงผูกเช่าบอดี้สแกน1.3พันล.-ยันควักจ่าย35ล.ราคามาตรฐาน, ข้องใจผูกเช่าบ.เดียว-ไม่ซื้อกรรมสิทธิ์ขาด!สตง.จี้ทอท.ส่งหลักฐานเครื่องบอดี้สแกนทุกสัญญา)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา ได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้โดยสารรายหนึ่ง ที่เดินทางออกไปต่างประเทศผ่านท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า พบเห็นเครื่องบอดี้สแกน L3 Provision 2 ถูกตั้งอยู่ในบริเวณที่มีเส้นกั้น ไม่เปิดใช้งานสแกนผู้โดยสาร ทั้งที่เช่ามาในราคาสูงถึงเครื่องละ 35 ล้านบาท ตามข้อมูลที่สำนักข่าวอิศรานำเสนอไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมีความกังวลว่าทอท.อาจจะจ่ายเงินส่วนนี้ไปโดยไม่คุ้มค่า ทั้งที่ เป็นเงินที่มาจากภาษีประชาชน จึงขอให้สำนักข่าวอิศราเข้ามาติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต่อ (ดูรูปภาพประกอบ)
เบื้องต้น สำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคนิคของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) รายหนึ่ง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ได้รับคำชี้แจงว่า ปัจจุบันทอท.ยังเช่าเครื่องบอดี้สแกนมาใช้งานที่สนามบินสุวรรณภูมิอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่จากบริษัทที่ให้บริการเข้ามาดูแลตามรอบเวลาไป อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับรายงานเข้ามาว่า เครื่องบอดี้สแกนจุดไหนที่ไม่สามารถใช้งานได้ แต่ถ้าเครื่องไหนที่มีปัญหา ก็จะมีการแจ้งเจ้าหน้าที่บริษัทเข้ามาแก้ไข
"ขอย้ำว่าเครื่อง L3 นั้นค่อนข้างทน เพราะแม้เครื่องจะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ตรวจที่ต้องเคลื่อนไหวเป็นหมุนรอบร่างกายผู้ถูกสแกน ซึ่งน่าจะเสียบ่อย แต่ที่ผ่านมาเครื่องก็ไม่ได้มีอาการเสียตามที่คาดไว้แต่อย่างใด”
เจ้าหน้าที่รายนี้ ยังระบุด้วยว่า ส่วนที่สำนักข่าวอิศรา ได้รับแจ้งข้อมูลว่า พบเครื่องบอดี้สแกนอยู่ในที่ปิดกั้น ไม่ได้ให้เข้าไปใช้งานนั้น อาจจะไม่ได้หมายความว่าเครื่องอยู่ในกระบวนการซ่อมบำรุงแต่อย่างใด เพราะในปัจจุบันมีเครื่องตรวจร่างกายประเภทที่ผู้โดยสารเดินผ่านเครื่องตรวจแล้วจะมีเสียงดังออกมา หรือที่เรียกว่าเครื่อง Walkthrough จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะเอาเครื่องจับวัตถุโลหะมาตรวจว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้าง ส่วนเครื่องบอดี้สแกนแบบ L3 ต้องยืนนิ่งๆกางมือกางขาแล้วเครื่อง L3 ถึงจะทำงาน
"ตามหลักการแล้วการใช้เครื่องประเภท Walkthrough นั้นก็จะมีความรวดเร็วในการตรวจสอบมากกว่าเพราะผ่านไปได้เลยหากไม่มีสิ่งต้องสงสัย แต่การตรวจจะละเอียดน้อยกว่าเครื่องบอดี้สแกนแบบ L3 ดังนั้นการที่ปรากฏภาพว่าเครื่องบอดี้สแกน L3 อยู่ในที่กั้น ไม่ได้ถูกนำมาใช้นั้นไม่ได้หมายความว่าเครื่องจะเสียเสมอไป แต่อาจจะหมายความว่าทางสนามบินมองว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าเลยเลือกใช้เครื่องตรวจแบบ Walkthrough แทนเครื่องบอดี้สแกนแบบ L3 ก็ได้"
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/